วันจันทร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

วันที่ 30 พฤศจิกายน 2563 ที่ห้องประชุมร่มฉัตร สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครพนม  นายแพทย์มานพ ฉลาดธัญญกิจ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า ปัญหาการทุจริตคอรัปชั่นเป็นปัญหาใหญ่ที่รัฐบาลได้ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก โดยได้มีแผนยุทธศาสตร์ชาติเกี่ยวกับการต่อต้านการคอร์รัปชั่น ร่วมถึงมีการส่งเสริมการบริหารราชการแผ่นดิน ที่มีธรรมาภิบาล มีการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในภาครัฐ โดยใช้มาตรการทางกฎหมาย มีการปลูกฝังค่านิยม คุณธรรม จริยธรรม และจิตสำนึกในการรักษาศักดิ์ศรีของความเป็นข้าราชการและความซื่อสัตย์สุจริตควบคู่ไปกับการบริหารจัดการภาครัฐที่มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบของเจ้าหน้าที่ของรัฐในใทุกระดับอย่างเคร่งครัด และกระทรวงสาธารณสุขเองก็ได้มีโครงการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสเป็นตัวชี้วัด โดยมุ่งเน้นการป้องกันการทุจริตให้เข้มแข็งภายใต้แผนงานยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (ด้านสาธารณสุข) เชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ระยะที่ 3 (พ.ศ.2560-2564)  



ซึ่งที่ผ่านมาสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครพนม มีผลการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิพล บนพื้นฐานของความโปร่งใส เที่ยงธรรมและสามารถตรวจสอบได้ โดยได้ผลการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใส Integrity and Transparency Assessment : ITA เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากปี 2560 ที่ได้ผลการประเมินร้อยละ 90.91 กระทั่งในปี 2563 ได้ผลการประเมินร้อยละ 96.15 และในวันนี้เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนองค์กรแห่งความใสสะอาด ยกระดับดัชนีการรับรู้ความปลอดจากการทุจริต(CPI) ประเทศให้สูงขึ้น ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ในสังกัดสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครพนม จึงได้ร่วมกันประกาศเจตจำนงสุจริต ต้านการคอรัปชั่น ขึ้น โดยได้ร่วมกันปฏิญาณตนว่า จะไม่เข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องทุจริตคอรัปชั่นไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ทุกคนจะไม่ละเลยหรือเพิกเฉยเมื่อพบเห็นการกระทำที่เข้าข่ายการทุจริตคอรัปชั่นที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานสาธารณสุขในจังหวัดนครพนม โดยจะมีการแจ้งให้ผู้บังคับบัญชาหรือบุคคลที่รับผิดชอบทราบ ทั้งยังจะให้ความร่วมมือในการตรวจสอบข้อเท็จจริงต่าง ๆ  เมื่อปฏิบัติหน้าที่หากมีข้อสงสัยหรือไม่เข้าใจจะซักถาม ปรึกษากับผู้บังคับบัญชาหรือบุคคลที่กำหนดให้ทำหน้าที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการติดตามการปฏิบัติตามประมวลจริยธรรมที่กำหนดไว้ และจะร่วมกันเผยแพร่ให้ความรู้และทำความเข้าใจกับบุคคลอื่นที่ต้องปฏิบัติหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานที่อาจจะส่งเกิดผลกระทบ รวมถึงจะร่วมกันมุ่งมั่นสร้างและรักษาวัฒนธรรมองค์กรที่ยึดมั่นว่า การทุจริตคอรัปชั่น การให้หรือรับสินบนเป็นการกระทำที่ยอมรับไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นการกระทำกับบุคคลใด หรือการทำธุรกรรมกับภาครัฐหรือภาคเอกชน

 

วันที่ 30 พฤศจิกายน 2563 ที่โรงเรียนอุเทนพัฒนา หมู่ที่ 6 ตำบลโนนตาล อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม นายธวัชชัย รอดงาม รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานนำคณะหัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ ลูกเสือ เนตรนารี และประชาชนจิตอาสาจังหวัดนครพนม ร่วมกันพัฒนาปรับปรุงภูมิทัศน์ ตัดตกแต่งต้นไม้ กำจัดวัชพืช เก็บกวาดขยะ บริเวณโดยรอบโรงเรียน เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในวันพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 หรือวันสมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า เพื่อเป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดีและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านที่ตลอดรัชสมัย ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจอเนกประการ เพื่อวางรากฐานการพัฒนาประเทศให้มีความเจริญก้าวหน้าอย่างมั่นคง เป็นที่ประจักษ์ชัดแจ้งจบจนกาลปัจจุบัน ด้วยพระอัจฉริยภาพอันล้ำเลิศ ลึกซึ้ง และพระปรีชาญาณอันกว้างไกล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการศึกษา ด้วยทรงตระหนักว่าการศึกษาเป็นพื้นฐานสำคัญในการพัฒนาประเทศทุกด้าน ทรงริเริ่มวางรากฐานการศึกษาให้แก่บุรุษและสตรี ทรงโปรดเกล้าให้ตราพระราชบัญญัติประถมศึกษาเป็นการศึกษาภาคบังคับ เพื่อขยายการศึกษาในระดับประถมศึกษาให้ครอบคลุมทั่วประเทศ ทำให้เด็กไทยทุกคนได้รับโอกาสเข้าเรียนในโรงเรียน


นอกจากนี้พระองค์ทรงเป็นผู้ริเริ่มก่อตั้งกิจการเสือป่าและลูกเสือ เพื่อฝึกให้ประชาชนมีความรู้ ความสามารถในการป้องกันตัวเอง ดูแลตัวเองในหมู่บ้านหรือชุมชนตนเองได้ โดยทรงจัดตั้งกองเสือป่าขึ้นเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2454 เพื่อฝึกอบรมข้าราชการ พ่อค้า คหบดี ให้ได้รับการฝึกหัดอย่างทหาร เพื่อให้เป็นราษฎรที่เข้มแข็ง มีคุณภาพ และส่งเสริมความสามัคคี โดยเหล่าเสือป่าจะมีหน้าที่ในการรักษาความสงบทั่วไปในเมือง ขณะเดียวกันก็ได้ทรงก่อตั้งกองลูกเสือขึ้นที่โรงเรียนมหาดเล็กหลวง เพื่อฝึกให้เยาวชนมีความเข้มแข็ง อดทน เสียสละ สามัคคี ดังที่ได้พระราชทานคติพจน์ให้แก่คณะลูกเสือว่า “เสียชีพอย่าเสียสัตย์” และดังพระราชนิพนธ์บทละครพูดเรื่อง หัวใจนักรบ และ ความดีมีไชย ที่แสดงให้เห็นว่าพระองค์ทรงให้ความสำคัญกับบทบาทและหน้าที่ของลูกเสือ ด้วยเหตุนี้ทางราชการจึงได้กำหนดให้วันที่ 25 พฤศจิกายนของทุกปี ซึ่งเป็นวันคล้ายวันสวรรคตของพระองค์ท่านเป็นวันวชิราวุธ หรือเดิมเรียกว่า วันวชิราวุธานุสรณ์ เพื่อเทิดพระเกียรติและน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ แต่เนื่องด้วยมีการค้นพบหลักฐานว่าช่วงเวลาที่เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธสวรรคตนั้นตรงกับเวลา 1 นาฬิกา 45 นาที ของวันที่ 26 พฤศจิกายน แต่ทางราชการยังคงให้ถือเอาวันที่ 25 พฤศจิกายนไว้ตามเดิม

วันอาทิตย์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

หม่อมหลวงสราลี กิติยากร ประกอบพิธีเจริญพุทธมนต์และไถ่ชีวิตโค – กระบือ ถวายเป็นพระราชกุศลแด่ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ ที่จังหวัดนครพนม

วันที่ 29 พฤศจิกายน 2563 เวลา 13.30 น. ที่บริเวณหน้าวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร อำเภอธาตุพนมจังหวัดนครพนม หม่อมหลวงสราลี กิติยากร เป็นประธานประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์และไถ่ชีวิตโค-กระบือ จำนวน 29 ตัว ให้แก่เกษตรกรได้ยืมไว้เป็นปัจจัยในการประกอบอาชีพ เพิ่มผลผลิตทางการเกษตร และช่วยให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น ตลอดจนเป็นการสนองพระราชดำริตามรอยเบื้องพระยุคคลบาท พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ โดยมีนายธวัชชัย รอดงาม รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม คณะหัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ ตลอดจนประชาชนจังหวัดนครพนม และผู้มีจิตศรัทธาร่วมประกอบพิธีจำนวนมาก  



ทั้งนี้เกษตรกรที่ได้รับโค - กระบือในครั้งนี้ จะต้องทำสัญญายืมเพื่อการผลิตกับกรมปศุสัตว์ ในระยะเวลา 5 ปี โดยต้องปฏิบัติตามเงื่อนไข คือเมื่อมีลูกตัวที่ 1 อายุครบ 18 เดือน ต้องส่งลูกคืนโครงการ ส่วนลูกตัวที่ 2 และ 3 พร้อมแม่จะตกเป็นกรรมสิทธิ์ของเกษตรกรผู้ยืมเมื่อเลี้ยงครบตามสัญญา 5 ปี


ในโอกาสนี้ หม่อมหลวงสราลี กิติยากร ได้กล่าวถึงที่มาของการไถ่ชีวิตโค – กระบือ ถวายเป็นพระราชกุศลในครั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อครั้งพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ ทรงมีพระอาการประชวรกระทันหัน เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2552 โดยพระองค์ท่านทรงประชวนหนักมาก ซึ่งในขณะนั้นได้วิงวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วทุกสถาน ได้ประทานพรและได้โปรดช่วยให้พระองค์ท่านปลอดภัย จะมีการไถ่ชีวิตโค-กระบือ ถวายเป็นพระราชกุศล จำนวน 100 ชีวิต และจากวันนั้นมาจนถึงปัจจุบันก็ได้ดำเนินโครงการมาอย่างต่อเนื่อง สามารถไถ่ชีวิตไปได้มากกว่า 100 ชีวิตแล้ว เพราะความตั้งใจหลังจากนั้น คือต้องการไถ่ชีวิตโค – กระบือ ในทุก ๆ ภาคของประเทศไทย โดยได้บอกบุญผ่านไปหลาย ๆ ทาง ซึ่งมีผู้มาร่วมบุญอย่างมากมาย ก็ต้องขออนุโมทนาบุญจากใจจริง ๆ ที่ทุกๆ คนรักพระองค์ท่านมาร่วมกันทำทานบารมี ไถ่ชีวิตสัตว์ใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น โค-กระบือ ทำให้เค้าได้มีชีวิตอยู่ต่อไปจวบจนอายุขัย ซึ่งโคและกระบือที่ไถ่มานั้นมาจากโรงฆ่าสัตว์ จึงถือเป็นมหาทานบารมีที่ยิ่งใหญ่และขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านในการร่วมกันทำทานบารมีมาจนถึงทุกวันนี้ และขออารธนาคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิทั้งหลายในสากลโลก องค์ทวยเทพทุกชั้นดิน ชั้นฟ้า ทุกชั้นพรหม ทรงเป็นพยานในการทำทานบารมีในครั้งนี้ ตลอดจนทุก ๆ ครั้งที่ผ่านมา ขอมหาบุญมหาทานนี้จงเป็นพลังบารมีบุญอันยิ่งใหญ่ เป็นอานิสงค์หนุนนำให้ทุก ๆ ท่าน ตลอดจนทุกคนในครอบครัว บุคคลอันเป็นที่รัก จงมีความสุข ความเจริญ ความรุ่งเรือง คิดสิ่งใด ทำสิ่งใด ขอให้ประสบความสำเร็จอย่างสูงที่สุด มีแต่สิ่งดี ๆ เข้ามา ขอความเป็นสิริมงคล จึงบังเกิดขึ้นแก่ทุก ๆ ท่านด้วยเทอญ


วันศุกร์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

นครพนม Kick off บัตรทองรักษาทุกที่ในพื้นที่จังหวัด ไม่ต้องมีใบส่งตัว เริ่ม 1 ธ.ค.นี้

 วันที่ 27 พฤศจิกายน 2563 ที่ห้องประชุมร่มฉัตร ชั้น 2 สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครพนม นายแพทย์สวัสดิ์ อภิวัจนีวงศ์ สาธารณสุขนิเทศก์ เขตสุขภาพที่ 8 เป็นประธาน Kick off โครงการบัตรทองนครพนม รักษาโรงพยาบาลชุมชนทุกที่ ไม่ต้องมีใบส่งตัว เริ่ม 1 ธันวาคม 2563 เพื่ออำนวยความสะดวกในการดูแลรักษาพยาบาลทำให้ประชาชนเข้าถึงบริการสาธารณสุขได้สะดวกและรวดเร็ว ทั้งยังลดขั้นตอนและภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทางของประชาชน โดยผู้ป่วยบัตรทองที่มีสิทธิในจังหวัดนครพนมทุกคนเมื่อเจ็บป่วยทั่วไป สามารถเข้ารับการรักษากับโรงพยาบาลชุมชนที่ใกล้บ้านได้เลยแบบไม่ต้องใช้ใบส่งตัว แม้สิทธิบัตรทองจะอยู่ต่างอำเภอและไม่ได้ลงทะเบียนไว้กับโรงพยาบาลชุมชนที่จะรักษาก็ตาม

นายแพทย์สวัสดิ์ อภิวัจนีวงศ์ เปิดเผยว่า จากสภาพสังคมส่วนใหญ่ของจังหวัดนครพนม ที่เป็นจังหวัดติดชายแดน มีลักษณะเป็นสังคมชนบท ระยะทางระหว่างหมู่บ้านบางแห่งไปยังโรงพยาบาลในตัวอำเภอค่อนข้างจะห่างไกลและบางที่ไม่มีรถโดยสารประจำทาง ทำให้บางครั้งประชาชนต้องเข้ารับบริการข้ามเขตต่างอำเภอ ซึ่งหากทำตามขั้นตอนแล้วต้องมีใบส่งตัวจากโรงพยาบาลที่ประชาชนมีสิทธิบัตรทอง ทำให้ขาดความสะดวก เสียเวลา เสียค่าใช้จ่าย ดังนั้นจึงมีความจำเป็นที่จะต้องจัดบริการสาธารณสุขที่ยึดหลักประชาชนเป็นศูนย์กลาง ซึ่งการปรับระบบบริการสาธารณสุขใหม่ของจังหวัดนครพนมในครั้งนี้ เชื่อว่าจะทำให้ประชาชนเข้าถึงบริการได้อย่างสะดวกและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น อันจะส่งผลดีต่อคุณภาพชีวิตของคนในจังหวัดนครพนม ทั้งยังเป็นการยกระดับ พัฒนาคุณภาพการให้บริการของโรงพยาบาลเพื่อให้ประชาชนเกิดความพึงพอใจมากที่สุดอีกด้วย

 ด้านนายแพทย์มานพ ฉลาดธัญญกิจ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครพนม กล่าวว่าสำหรับโครงการบัตรทองนครพนม รักษาโรงพยาบาลชุมชนทุกที่ ไม่ต้องมีใบส่งตัว นั้น จะเริ่มในวันที่ 1 ธันวาคม 2563 นี้ ซึ่งจะส่งผลให้ผู้มีสิทธิบัตรทองในจังหวัดนครพนมทุกคน สามารถไปรับบริการสาธารณสุขที่โรงพยาบาลชุมชนที่อยู่ในตัวจังหวัดนครพนมแบบข้ามเขตอำเภอแต่ได้ทันทีโดยไม่ต้องใช้ใบส่งตัว ทั้งบริการรักษาพยาบาลทั่วไป บริการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค ยกเว้นการรับบริการที่โรงพยาบาลนครพนม

เรือนจำนครพนม จัดมหกรรมสร้างงานสร้างอาชีพให้กับผู้ต้องขัง ครั้งที่ 2 เปิดการรับรู้สู่ประชาชน

 วันที่ 27 พฤศจิกายน 2563 ที่บริเวณหน้าเรือนจำกลางนครพนม นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานเปิดงาน มหกรรมสร้างงานสร้างอาชีพเรือนจำกลางจังหวัดนครพนม ครั้งที่ 2 ตอน โคก หนองนา โมเดล ที่เรือนจำกลางนครพนมจัดขึ้น เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์กระบวนการสร้างงาน สร้างอาชีพที่ทางเรือนจำนครพนมได้ร่วมกับภาคีเครือข่าย ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม ในการถ่ายทอดความรู้ ส่งเสริมอาชีพและการใช้ชีวิตหลังพ้นโทษให้กับผู้ต้องขัง เป็นการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพผู้ต้องขังให้เป็นที่ต้องการของตลาดแรงงานภายหลังพ้นโทษ สร้างการยอมรับของสังคมและเป็นการเปิดตลาดแรงงานสำหรับผู้ต้องขังก่อนพ้นโทษ ทั้งเป็นการสานต่อโครงการพระราชทานในพระบาทสมเด็จพระวชิระเกล้าเจ้าอยู่หัว โคก หนอง นา แห่งน้ำใจ และความหวังกรมราชทัณฑ์ ที่ผู้ต้องขังได้ผ่านการอบรมให้สามารถนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปปฏิบัติใช้เป็นแนวทางในการดำรงชีวิต โดยเป็นการนำเอาผลผลิตและผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการฝึกวิชาชีพทั้งหมดมาจัดแสดงและจำหน่ายให้กับผู้ที่มาร่วมงาน อีกทั้งเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนทั่วไปได้รู้จักกับแหล่งเรียนรู้เชิงท่องเที่ยว ที่คณะผู้บริหาร เจ้าหน้าที่ ตลอดจนผู้ต้องขังได้ร่วมกันสร้างศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงเรือนจำกลางนครพนมขึ้นมา เพื่อใช้ทุกคนได้เรียนรู้และนำไปปรับใช้พร้อมกับการจิบกาแฟรสเลิศ ขนมและอาหารอร่อย ก่อนเก็บภาพแห่งความประทับใจกับแปลงเกษตร ที่มีการออกแบบมุมสวย ๆ ไว้รอให้ทุกคนได้มาสัมผัส


โดยกิจกรรมในครั้งนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 27 และ 28 พฤศจิกายน 2563 มีการร่วมกันออกร้านให้บริการ ร้านจำหน่ายสินค้าและผลิตภัณฑ์ในราคายอมเยาว์ให้ผู้ที่มาร่วมงาน มากถึงบูธ 96 บูธ เช่น พืชผักสวนครัวที่ไว้ใช้ในการปรุงอาหารราคามัดละ 10 บาท เนื้อไก่พร้อมเครื่องเคียงเพื่อใช้ทำอาหาร 1 มื้อในราคาแพ็คละ 50 บาท กาแฟแก้วละ 30 บาท ขนมมัฟฟิ่น บราวนี่ คุกกี้เนยสด ในราคาชิ้นละ 20 บาท ในขณะที่ตุ๊กตาหลากหลายชนิดหลายขนาดจำหน่ายในราคาเริ่มตั้งแต่ 50 บาทขึ้นไป ส่วนคนที่สนใจเครื่องประดับตกแต่งบ้านก็มีมากมายหลากหลายรูปแบบเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็น งานแกะสลักไม้และเรซิ่น โต๊ะเก้าอี้ เครื่องไม้ ไปจนถึงของที่ระลึก ซึ่งราคาก็ขึ้นอยู่กับขนาดและความสวยงามทั้งนี้ทุกชิ้นราคาจะถูกกว่าท้องตลาดทั่วไป นอกจากนี้ยังมีร้านบริการเสริมสวย และร้านนวดคลายเส้นให้บริการอีกด้วย


      วันที่ 27 พฤศจิกายน 2563 ที่อาคารสโมสรสัญญาบัตร กองบัญชาการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม พลเรือตรี จรัสเกียรติ ไชยพันธุ์ ผู้บัญชาการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง (ผบ.นรข.) พร้อมด้วย นายสุวิทย์ จันทร์หวร รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม และ พ.ต.อ.จตุรงค์ มหิทธิโชติ ผกก.สส.ภ.จว.นครพนม ตลอดจนเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมกันแถลงข่าวการตรวจยึดกัญชาแห้งอัดแท่ง จำนวน 540 กิโลกรัม พร้อมรถกระบะแค็ป ยี่ห้อนิสสัน รุ่น นาวาร่า สีบรอนทอง ทะเบียน 2 ฒถ 5199 กทม. ที่มีการตรวจยึดได้เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2563 หลังว่าที่ นาวาตรี ชาตรี สิทัน นำกำลังเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง (ชปพ.บก.นรข.) ทำการลาดตระเวนตามภารกิจ พบการลักลอบขนส่งยาเสพติดในพื้นที่

โดยชุดเจ้าหน้าที่ได้ออกปฏิบัติหน้าที่ลาดตระเวน ตามจุดเสี่ยงและจุดล่อแหลมต่าง ๆ ที่คาดว่าจะมีการลักลอบกระทำความผิดในพื้นที่รับผิดชอบ กระทั่งเวลา 22.50 น. ได้ลาดตระเวนไปถึงบริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขง บ้านหัวหาด หมู่ที่ 12 ตำบลบ้านแพง อำเภอบ้านแพง และได้ตรวจพบความผิดปกติเนื่องจากบริเวณดังกล่าวจะไม่มีการจอดรถหรือทำกิจกรรมอะไรเพราะมืด โดยเจ้าหน้าที่ได้ตรวจพบว่ามีรถกระบะติดตั้งตู้บรรทุกขนส่งสินค้าแบบทึบจอดอยู่พร้อมชายต้องสงสัย จำนวน 1 คนที่กำลังขะมักเขม้นทำการปิดประตูหลังของรถอยู่ เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเพื่อขอเข้าตรวจค้น เมื่อชายคนดังกล่าวเห็นเจ้าหน้าที่ก็ได้แสดงอาการตกใจและรีบวิ่งหลบหนีหายไปในความมืดด้วยความชำนาญ เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าทำการตรวจสอบรถคันดังกล่าวพบว่าภายในมีการบรรจุกระสอบสีดำขนาดใหญ่จำนวน 13 กระสอบ เมื่อแกะออกดูพบเป็นกัญชาแห่งอัดแท่ง จำนวน 540 แท่ง น้ำหนักประมาณ 540 กิโลกรัม ซึ่งจากข้อมูลการจับกุมเชื่อว่าเป็นกัญชาคุณภาพเกรดเอ ที่มีราคาสูงกิโลกรัมละไม่ต่ำกว่า 15,000 – 20,000 บาท จึงได้ทำบันทึกตรวจยึดไว้เป็นหลักฐานพร้อมนำของกลางทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน สภ. บ้านแพง เพื่อติดตามสืบสวนสอบสวนหาผู้กระทำความผิดมาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

พลเรือตรี จรัสเกียรติ ไชยพันธุ์ ผบ.นรข เปิดเผยว่า ในช่วงนี้ นรข.ได้มีการบูรณาการงานร่วมกันกับหน่วยความมั่นคงทุกฝ่ายเพื่อร่วมกันเพิ่มมาตรการเข้ม ในการสกัดกั้น ปราบปรามยาเสพติดตามแนวชายแดนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากสถิติการจับกุมในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ในพื้นที่ชายแดนอีสานมีการจับกุมตรวจยึดยาเสพติดไปแล้วกว่า 33 ครั้งคิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 3,000 ล้านบาท แบ่งเป็นยาบ้ามากกว่า 18 ล้านเม็ด ยาไอซ์ 540 กิโลกรัม เฮโลอีนอีก 848 กิโลกรัม และกัญชากว่า 2 ตัน โดยเฉพาะในช่วงนี้ที่เป็นฤดูกาลเก็บเกี่ยว จึงพบว่ามีการจับกุมแทบจะทุกวัน ซึ่งส่วนหนึ่งก็ต้องขอขอบคุณภาคประชาชน ที่ช่วยเป็นกำลังสำคัญในการช่วยกันสอดส่อง ตรวจสอบพื้นที่ของตนเอง และแจ้งเบาะแสเข้ามายังเจ้าหน้าที่จนนำไปสู่การขับกุมได้ในหลาย ๆ ครั้ง

วันพุธที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

จังหวัดนครพนม สร้างรอยยิ้มให้ประชาชนอำเภอบ้านแพง ออกหน่วยเคลื่อนที่แบบครบวงจรในจุดเดียว

 วันที่ 25 พฤศจิกายน 2563 ที่จังหวัดนครพนม นายธวัชชัย รอดงาม รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานนำคณะหัวหน้าส่วนราชการ เหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม และเจ้าหน้าที่หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน ลงพื้นที่อำเภอบ้านแพง นำโครงการจังหวัดเคลื่อนที่แบบบูรณาการ หน่วยบำบัดทุกข์บำรุงสุข สร้างรอยยิ้มให้ประชาชน และหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ พอ.สว. จังหวัดนครพนม ออกให้บริการแบบครบวงจรในจุดเดียว ณ โรงเรียนบ้านดอนบาก หมู่ที่ 6 ตำบลนางัว เพื่อสร้างการเข้าถึงบริการหน่วยงานต่าง ๆ ให้กับประชาชนในพื้นที่ ทั้งเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายและค่าครองชีพในการเดินทางไปติดต่อราชการ รวมถึงเป็นการรับทราบปัญหา ความต้องการของประชาชนเพื่อนำมาปรับปรุงแก้ไขแผนงานโครงการได้อย่างทันท่วงทีสอดคล้องกับความต้องการข้องประชาชน


โดยในโอกาสนี้รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมยังได้นำเอานโยบายของรัฐบาล กระทรวง ทบวง กรม รวมทั้งการบูรณาการของภาคส่วนต่าง ๆ ในการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด -19 ปัญหายาเสพติด การบริหารจัดการน้ำ การช่วยเหลือผู้ยากไร้ ผู้ด้อยโอกาส และการน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ 9 มาประพฤติปฏิบัติใช้เพื่อสร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้กับครอบครัวตนเองให้อยู่อย่างมีความสุข จากนั้นได้ร่วมกันมอบพันธุ์ปลา จำนวน 50,000 ตัว ให้กับผู้นำชุมชนเพื่อนำไปปล่อยตามแหล่งน้ำชุมชน มอบอุปกรณ์กีฬาให้นักเรียนในโรงเรียนได้ใช้ในการออกกำลังกาย มอบเงินชดเชยส่วนต่างประกันรายได้ข้าวให้แก่เกษตรกร ที่เข้าร่วมโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวปีการผลิต 2563/64 จำนวน 6 ราย มอบผ้าห่มกันหนาวให้กับผู้ยากไร้ จำนวน 30 ผืน มอบถุงยังชีพเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนมให้ผู้ยากไร้ จำนวน 110 ชุด จากนั้นทุกคนจึงได้แยกย้ายกันไปรับบริการจากหน่วยเคลื่อนที่ที่มาให้บริการในวันนี้ ไม่ว่าจะเป็น การให้บริการของหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ พอ.สว. จังหวัดนครพนม ที่ได้นำเอาเครื่องมือ อุปกรณ์ ตลอดจนทีมแพทย์มาให้บริการตรวจสุขภาพเบื้องต้น รวมถึงการให้คำปรึกษาปัญหาสุขภาพและการทำทันตกรรม การถ่ายทอดองค์ความรู้เกี่ยวกับการเกษตร ประมง ปศุสัตว์ ที่ดิน เทคโนโลยีสมัยใหม่ การทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย การเลือกใช้พลังงาน การป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย การให้คำปรึกษาคำแนะนำด้านการลงทุน กฎหมาย การสร้างบ้าน การทำบัตรประชาชน การฝากเงินออม การทำประกันสังคม การทำประกันภัย การรับเรื่องราวร้องทุกข์ร้องเรียน การแจกพันธุ์ต้นไม้ การขึ้นทะเบียนและทำหมันสัตว์ การเรียนรู้วิชาชีพเพื่อนำไปสร้างเป็นอาชีพหารายได้มาจุนเจือครอบครัว ไปจนถึงการซ่อมบำรุงเครื่องยนต์และอุปกรณ์ไฟฟ้า และการเลือกซื้อสินค้าราคาถูก สินค้าทางการเกษตร และสินค้า OTOP  

วันอังคารที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

ปส.ลงพื้นที่นครพนม สร้างพร้อมด้านความมั่นคงปลอดภัยทางนิวเคลียร์และรังสีตามแนวชายแดนให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง

วันที่ 24 พฤศจิกายน 2563 ที่โรงแรมเดอะริเวอร์ อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม นายเพิ่มสุข สัจจาภิวัฒน์  เลขาธิการสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ นำคณะเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ฝึกอบรมถ่ายทอดความรู้ในการเตรียมความพร้อมด้านความมั่นคงปลอดภัยทางนิวเคลียร์และรังสีตามแนวชายแดนให้กับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในพื้นที่จังหวัดนครพนมได้รับทราบถึงขั้นตอนการปฏิบัติตามภารกิจและหน้าที่ของหน่วยงาน รวมถึงการเฝ้าระวังป้องกัน การตรวจจับการลักลอบนำเข้า-ส่งออกวัตถุกัมมันตรังสีและวัตถุนิวเคลียร์ตามแนวชายแดนที่ผ่านด่านศุลกากร การตอบสนองและปฏิบัติการต่อเหตุฉุกเฉินทางนิวเคลียร์และรังสี ทั้งเป็นการเพิ่มความมั่นใจให้กับประชาชนชาวไทยในด้านความปลอดภัย โดยมีนายสุวิทย์ จันทร์หวร รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม และคณะเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในระดับจังหวัด ระดับท้องถิ่น หน่วยงานทางการแพทย์ฉุกเฉิน เจ้าหน้าที่สถานประกอบการทางรังสีในพื้นที่ และเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องร่วมให้การต้อนรับและฝึกอบรม

ในปัจจุบันการใช้พลังงานนิวเคลียร์และรังสีของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกมีแนวโน้มสูงขึ้น เนื่องจากสามารถสร้างประโยชน์ให้กับสังคมและประเทศชาติได้อย่างมหาศาลทั้งทางตรงและทางอ้อม จึงเปรียบเสมือนดาบสองคมเพราะถ้าใช้ในทางที่ถูกก็จะนำมาซึ่งคุณประโยชน์อย่างมากมาย เช่น การใช้ประโยชน์ทางด้านการแพทย์ การปรับปรุงผลผลิตทางการเกษตร การเพิ่มคุณภาพผลิตภัณฑ์ในกระบวนการอุตสาหกรรม การผลิตกระแสไฟฟ้า ขณะเดียวกันหากมีการนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์อาจก่อให้เกิดความผลเสียได้เช่นเดียวกัน โดยเฉพาะในกรณีที่ใช้พลังงานนิวเคลียร์เพื่อการก่อการร้ายหรือก่อสงคราม ดังนั้นนานาประเทศจึงให้ความสำคัญกับประเด็นด้านความมั่นคงทางนิวเคลียร์และการพิทักษ์ความปลอดภัยทางนิวเคลียร์เป็นอย่างมาก ซึ่งจากการเข้าร่วมประชุมระดับผู้นำว่าด้วยความมั่นคงทางนิวเคลียร์ในประเทศสหรัฐอเมริกา รัฐบาล โดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ยืนยันเจตนาของไทยอย่างชัดเจนต่อผู้นำจาก 52 ประเทศ และ 4 องค์กรระหว่างประเทศ ในการให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างขีดความสามารถของหน่วยงานและบุคลากรเพื่อการกำกับดูแลความมั่นคงทางนิวเคลียร์ของประเทศไทยให้มีประสิทธิภาพและยั่งยืน เนื่องจากปัจจุบันประชาคมโลกกำลังเผชิญกับภัยคุกคาม เกิดใหม่หลากหลายรูปแบบ และเพื่อเป็นการพัฒนาทักษะขีดความสามารถเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ จึงได้ร่วมกับกรมศุลกากรและจังหวัดนครพนมจัดการฝึกอบรมขึ้น

โดยผู้ที่เข้ารับการอบรมในครั้งนี้ จะได้รับความรู้เกี่ยวกับ อุปกรณ์เครื่องมือในการป้องกันการนำเข้า – ส่งออกวัตถุนิวเคลียร์และวัตถุกัมมันตรังสีโดยผิดกฎหมายจากการขนส่งสินค้าผ่านด่านชายแดน ความรู้เบื้องต้นและผลกระทบของรังสีต่อสิ่งมีชีวิต ตัวอย่างวัสดุกัมมันตรังสีและการใช้งาน การป้องกันอันตรายจากรังสี บทบาทหน้าที่ของศุลกากรและระบบตรวจสอบสินค้าที่ผ่านด่านศุลกากร ภัยคุกคามด้านความมั่นคงปลอดภัยทางนิวเคลียร์และการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ส่วนหน้า การใช้เครื่องมือวัดทางรังสีเพื่อการป้องกัน ตรวจจับและตอบโต้เหตุภัยคุกคามด้านความมั่นคงปลอดภัยทางนิวเคลียร์ จากนั้นเป็นการฝึกปฏิบัติการใช้เครื่องวิเคราะห์ชนิดไอโซโทปรังสี เครื่องตรวจวัดรังสีประจําตัวบุคคลและเครื่องวัดการเปรอะเปื้อนทางรังสี เครื่องมือพิเศษ การวิเคราะห์ข้อมูลการตรวจวัดปริมาณรังสีและสเปคตรัมที่ได้จากเครื่องมือวัด การตรวจจับยับยั้งการขนส่งวัสดุกัมมันตรังสีผ่านช่องทางเข้าออกโดยตู้คอนเทนเนอร์หรือยานพาหนะ การตรวจวัดการเปรอะเปื้อนทางรังสีประเมินและวิเคราะห์ความเป็นอันตรายทางรังสีในพื้นที่เกิดเหตุ นอกจากนี้ยังมีการจำลองสถานการณ์ในภาคสนามเพื่อให้แต่ละทีมได้วิเคราะห์ข้อมูลการตรวจวัดปริมาณรังสี ปฏิบัติการต่อยานพาหนะ และปฏิบัติการต่อบุคคลด้วย

นครพนม จัดกิจกรรมนัดพบแรงงาน Co-payment รัฐช่วยจ่าย เอกชนช่วยจ้าง สำหรับผู้จบการศึกษาใหม่

วันที่ 24 พฤศจิกายน 2563 ที่บริเวณโรงแรมไอโฮเท็ล อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม บรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคักของผู้จบการศึกษาใหม่และประชาชนทั่วไปที่ว่างงานเดินทางมาสมัครงานกับนายจ้างและสถานประกอบการที่ได้มาออกบูธรับแรงงานไปช่วยในการดำเนินกิจการของตนเอง กับกิจกรรมนัดพบแรงงาน Co-payment รัฐช่วยจ่าย เอกชนช่วยจ้าง ที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดนครพนมจัดขึ้น เพื่อส่งเสริมการจ้างงานสำหรับผู้จบการศึกษาใหม่ให้ได้มีงานทำ มีรายได้ มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ทั้งเป็นการเพิ่มทักษะและประสบการณ์ในการทำงาน เป็นการช่วยเหลือสถานประกอบการที่ได้รับผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจในสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัส covid -19 และเกิดการจ้างงานในกลุ่มผู้จบการศึกษาใหม่เพิ่มมากขึ้น โดยหลายคนเลือกมารับฟังการแนะแนวทางและทดสอบความถนัดทางอาชีพ รวมถึงการให้บริการของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานจังหวัดนครพนมที่เป็นการให้ความรู้ในด้านต่าง ๆ ทั้งด้านกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และสิทธิ์ประโยชน์ต่าง ๆ ที่พึ่งจะได้รับก่อน กระทั่งเวลา 10.00 น. นายธวัชชัย รอดงาม รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมได้เดินทางมาเป็นประธานเปิดงานรวมถึงให้แง่คิดเกี่ยวกับการใช้ชีวิต การปฏิบัติตัว และแนวทางการทำงานในสถานการณ์การเฝ้าระวังป้องกันการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัส covid -19 จากนั้นทุกคนจึงได้แยกย้ายกันไปสมัครงานในตำแหน่งที่ตนเองต้องการ


 โดยกิจกรรมจัดขึ้นภายใต้โครงการส่งเสริมการจ้างงานใหม่สำหรับผู้จบการศึกษาใหม่โดยภาครัฐและเอกชน (Co-payment)  ซึ่งรัฐบาลจะสนับสนุนค่าจ้างไม่เกินร้อยละ 50 ของเงินเดือนตามวุฒิการศึกษา สูงสุดไม่เกิน 7,500 บาทต่อคนต่อเดือน ตั้งแต่ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูงและระดับปริญญาตรี มีกำหนดระยะเวลาการจ้างงาน 12 เดือน เริ่มตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2563 - 30 กันยายน 2564 ซึ่งเป้าหมายการจ้างงานทั่วประเทศ 260,000 คน สำหรับในจังหวัดนครพนมมีเป้าหมายการจ้างนักศึกษาที่จบการศึกษาใหม่ จำนวน 1,560 คน ซึ่งในวันนี้มีสถานประกอบการมาเปิดบูธรับสมัครถึงที่ 27 แห่ง มีตำแหน่งงานว่างรองรับ 373 อัตรา เช่น ตำแหน่งธุรการฝ่ายขาย ที่ปรึกษาการขาย ลูกค้าสัมพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายขาย ผู้จัดการศูนย์บริการ ธุรการบัญชีการเงิน ช่างเทคนิค ช่างบริการ ธุรการอะไหล่ บัญชี การตลาด ช่างประจำโรงงาน พนักงานขับรถ พนักงานฝ่ายผลิต  พนักงานฝ่ายขาย พนักงานฝ่ายจัดซื้อ พนักงานฝ่ายจัดส่งสินค้า พนักงานโกดัง การเงินการบัญชี วิศวกรก่อสร้าง ไฟฟ้า ช่างเชื่อม ช่างเหล็ก ช่างไม้ ช่างเฟอร์นิเจอร์ ช่างก่อสร้าง ช่างไฟฟ้าวางระบบ ช่างประตูหน้าต่างอลูมิเนียม แม่บ้าน กุ๊ก ผู้ช่วยกุ๊ก พนักงานต้อนรับ พนักงานประจำร้าน มัคคุเทศก์ พนักงานทั่วไปในการจัดของและจัดส่งของ นอกจากนี้ยังมีการรับสมัครงานไปทำงานภาคการเกษตรในรัฐอิสราเอล จำนวน 150 อัตรา รวมไปถึงการจัดแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของกลุ่มผู้รับงานไปทำที่บ้าน และผลิตภัณฑ์สินค้า OTOP ที่ขึ้นชื่อขอจังหวัดนครพนม

วันจันทร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

นครพนม พัฒนาทักษะเจ้าหน้าที่สร้างอินโฟกราฟฟิคที่เข้าใจง่ายเพื่อการสื่อสารและการประชาสัมพันธ์

วันที่ 23 พฤศจิกายน 2563 ที่ห้องประชุมพระธาตุพนม ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดนครพนม นายสุวิทย์ จันทน์หวร รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานเปิด การฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ หลักสูตรการทําอินโฟกราฟฟิค เพื่อการนำเสนอ การสื่อสารและประชาสัมพันธ์ในยุคดิจิทัล 4.0 ที่สำนักงานจังหวัดนครพนมจัดขึ้น เพื่อยกระดับสมรรถนะหน่วยงานของรัฐให้มีประสิทธิภาพ สามารถให้บริการในเชิงรุกด้วยการนำเอานวัตกรรม เทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้บูรณาการร่วมกับการทำงาน นำเสนอข้อมูลการปฏิบัติงานของหน่วยงานที่มีอย่างมากมายหลากหลายรูปแบบต่อผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งในระดับผู้บริหาร บุคลากรในหน่วยงาน บุคลากรระหว่างหน่วยงาน ตลอดจนประชาชนทั่วไปในรูปแบบต่าง ๆ ที่จะทำให้ผู้อ่านเข้าใจได้ง่าย รวดเร็ว หลีกเลี่ยงข้อความอันมหาศาล ด้วยรูปแบบ วิธีการนำเสนอข้อมูลเชิงสร้างสรรค์ นำเสนอในมุมมองที่แปลกตาทันสมัย ทันต่อเหตุการณ์ในโลกปัจจุบัน โดยการปรับเปลี่ยนข้อความเป็นภาพอินโฟกราฟฟิคที่น่าสนใจ ทำให้คนทั่วไปเข้าใจเข้าถึงข้อมูลปริมาณมาก ๆ ด้วยแผนภาพภาพเดียวที่ถูกคัดกรองข้อมูลมาเป็นอย่างดี ผู้อ่านใช้เวลาไม่นานก็สามารถเข้าใจในเรื่องราวนั้นได้


ซึ่งผู้เข้ารับการอบรม ที่ประกอบไปด้วย เจ้าหน้าที่ของส่วนราชการ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ อำเภอทุกอำเภอและหน่วยงานอิสระ จำนวน 120 คน จะได้รับความรู้เกี่ยวกับ พื้นฐานการทําอินโฟกราฟฟิค บาป 10 ประการของเอกสารสื่อนำเสนอ แนวทางการใช้อินโฟกราฟฟิคเพื่อเป็นสื่อนำเสนอ หลักการออกแบบ (Principles of Design) เครื่องมือและกฎในการออกแบบ การออกแบบด้วยหลักการ Symmetrical Balance ซึ่งเป็นการจัดวางองค์ประกอบสำคัญที่เหมือนกันทั้งด้านซ้ายและด้านขวา การออกแบบด้วยหลักการ Asymmetrical Balance ซึ่งเป็นการจัดวางองค์ประกอบสำคัญบนระนาบอย่างอิสระ โดยมองเห็นว่ามีน้ำหนักเท่ากันแต่มีรูปร่างหรือรูปทรงทั้งสองข้างไม่เท่ากัน การออกแบบอินโฟกราฟฟิคเพื่อนำเสนอข้อมูลประเภทนิยาม องค์ประกอบและการเปรียบเทียบ กระบวนการ Time line และข้อมูลสถิติเชิงพรรณนา จากนั้นมาฝึกปฏิบัติการทํา infographic ด้วยโปรแกรม Microsoft Powerpoint

วันศุกร์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

อนุทิน ลงพื้นที่นครพนม ติดตามนโยบายกัญชาทางการแพทย์ เยี่ยม ขอบคุณ อสม. และเปิดศูนย์ฟอกไต (มูลนิธิฟ้าสั่ง) ให้บริการฟรีสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้ประชาชน

วันที่ 20 พฤศจิกายน 2563 ที่โรงพยาบาลนครพนม นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ลงพื้นที่ติดตามการขับเคลื่อนนโยบายกัญชาทางการแพทย์ ซึ่งจังหวัดนครพนมได้มีการดำเนินการ ทั้งการส่งบุคลากรแพทย์แผนไทยเข้าอบรมหลักสูตรของกรมการแพทย์แผนไทยฯ จำนวน 38 คน และหมอพื้นบ้านที่มีใบประกอบ (ค.) 1 คน ซึ่งทุกคนได้ใบประกาศทั้งหมด นอกจากนี้ยังมีการอบรมพัฒนาศักยภาพเวชปฏิบัติแผนไทยด้านการปรุงยาตำรับที่มีกัญชาปรุงผสม ครอบคลุมสถานบริการ 100 % มีการประชุมแลกเปลี่ยนเรียนรู้เครือข่ายวิสาหกิจชุมชน การพัฒนากัญชาทางการแพทย์แผนไทย และการแพทย์พื้นบ้านใน รพ.สต.และชุมชน การไปการเรียนรู้พัฒนาสมุนไพรเพื่อเศรษฐกิจที่ รพ.สต.เชียงพิณ และรพ.ห้วยเกิ้ง จังหวัดอุดรธานี มีกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเข้าร่วม MOU กับกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกเพื่อปลูก ระยะที่ 2 จำนวน 8 แห่ง ทั้งมีการเปิดคลินิกกัญชาทางการแพทย์ให้คำปรึกษาและให้บริการรักษา จากนั้นได้เดินทางไปเปิดศูนย์ฟอกไต (มูลนิธิฟ้าสั่ง) โรงพยาบาลศรีสงคราม เพื่อให้บริการประชาชนในพื้นที่และพื้นที่ข้างเคียง โดยเน้นผู้ป่วยที่มีฐานะยากจน ด้อยโอกาส ในการฟอกไตฟรีแบบไม่มีค่าใช้จ่าย จากปกติที่ผู้ป่วยจะมีค่าใช้จ่ายประมาณคนละ 1,500 บาทต่อครั้ง และต้องทำการฟอกไตประมาณสัปดาห์ละ 2 -3 ครั้ง ซึ่งศูนย์แห่งนี้นอกจากจะไม่มีค่าใช้จ่ายในการให้บริการแล้วยังเป็นการช่วยให้ผู้ป่วยและครอบครัวมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และลดความแออัดของโรงพยาบาลขนาดใหญ่ และลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจ อาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) จังหวัดนครพนมในการดำเนินงานเฝ้าระวังป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 พร้อมเยี่ยมชมบูธนิทรรศการผลงานเด่น ของ อสม. ดีเด่นระดับชาติ ในสาขาการเฝ้าระวังป้องกันและควบคุมโรคติดต่อ สาขาคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพ รวมถึงนิทรรศการตำบลจัดการสุขภาพชุมชนสร้างสุขในการเฝ้าระวังป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และมอบเข็มให้แก่ อสม. ที่ได้รับการพัฒนาตามหลักสูตรกระทรวงสาธารณสุขและได้รับการบรรจุเป็นข้าราชการ ช่วงโควิด รอบที่ 3 และ อสม. ที่ปฏิบัติงานครบ 40 ปี จำนวน 12 ราย


โดยในโอกาสนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้กล่าวชื่นชมและให้กำลังใจแก่ อสม. ที่ต่างก็เสียสละแรงกายแรงใจ เวลาปฏิบัติหน้าที่ แก้ข่าวร้าย กระจายข่าวดี ชี้บริการ ประสานงานสาธารณสุข บำบัดทุกข์ประชาชน ดำรงตนเป็นตัวอย่างที่ดีในช่วงสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด - 19 ที่ผ่านมา อสม. ถือเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญและเป็นกลไกในการเฝ้าระวังป้องกันไม่ให้เกิดการระบาดเป็นผู้ที่อยู่ใกล้ชิดประชาชนและเป็นส่วนสำคัญของระบบสุขภาพปฐมภูมิ ขณะที่ศูนย์ฟอกไต (มูลนิธิฟ้าสั่ง) โรงพยาบาลศรีสงครามก็เป็นอีกหนึ่งการบริการที่เข้าช่วยในการดูแลสุขภาพประชาชน ลดภาระค่าใช่จ่าย ค่าเดินทางเพื่อไปทำการรักษา ทั้งยังช่วยลดความแอดอัดของผู้ป่วยในโรงพยาบาลขนาดใหญ่ ซึ่งมูลนิธิฟ้าสั่งจะช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในการฟอกไตแก่ผู้ป่วยให้กับโรงพยาบาลศรีสงคราม รายละ 1,000  บาท โดยศูนย์แห่งนี้มีเตียงให้บริการทั้งสิ้น 15 เตียง สามารถรองรับผู้ป่วยได้สูงสุดวันละ 45  ราย เพิ่มเติมจากการให้บริการของจังหวัดนครพนมที่มีหน่วยให้บริการบำบัดทดแทนไตทั้งหมด 7 หน่วย เป็นเอกชน 2 แห่ง ที่มีจำนวนเครื่องไตเทียมทั้งสิ้น 84 เครื่อง


สำหรับสถานการณ์ผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังในประเทศไทยนั้นมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยทั่วประเทศมีผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังประมาณ 8 ล้านคน เป็นผู้ป่วยระยะสุดท้าย 2 แสนคน ขณะที่จังหวัดนครพนมในปี 2563 พบว่าผู้ป่วยไตเรื้อรังรวมทั้งสิ้น 9,796 ราย เป็นผู้ป่วยระยะที่ 3 มากที่สุด คือ 4,100 ราย ซึ่งโรคไตเป็นโรคที่ไม่หายขาด ต้องเข้ารับการรักษาอย่างต่อเนื่องและมีค่าใช้จ่ายสูง โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่ภาวะไตวายระยะสุดท้ายที่จำเป็นต้องได้รับการรักษาด้วยการฟอกเลือด การล้างไตผ่านช่องท้อง หรือการผ่าตัดปลูกถ่ายไต  ซึ่งสาเหตุของการเกิดโรคไตวายเรื้อรังมาจากหลายสาเหตุ แต่เราทุกคนสามารถป้องกันได้ หากได้รับการรักษาในระยะแรก เช่น การควบคุมเบาหวาน และความดันโลหิตสูงให้อยู่ในเกณฑ์ดี เลี่ยงการกินอาหารรสเค็ม เลี่ยงการใช้ยาบางชนิดติดต่อกันเป็นเวลานาน เช่น ยาแก้ปวด ชนิดที่ไม่ใช่เสตียรอยด์ (NSAIDs), ยาชุด, ยาหม้อ ยาปฏิชีวนะบางชนิด เช่น เจนตามัยซิน, คานามัยซิน และเลี่ยงการใช้สารทึบรังสีโดยไม่จำเป็น และเข้ารับการตรวจสุขภาพ อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง รวมถึงการตรวจปัสสาวะและตรวจเลือด

วันพฤหัสบดีที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

164 ชีวิตร่วมประเดิมเปิดเส้นทางบินใหม่สุวรรณภูมิ นครพนมกับสายการบินไทยสมายล์

 วันที่ 19 พฤศจิกายน 2563 ที่บริเวณท่าอากาศยานนครพนม บรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคักของประชาชนและนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาใช้บริการสายการบิน เนื่องจากวันนี้เป็นวันแรกของการเปิดให้บริการของสายการบินไทยสมายล์ที่จะบินระหว่างท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและท่าอากาศยานนครพนม ซึ่งจะมีให้บริการทุกวันทั้งขาไปและกลับ ในราคาเริ่มต้นที่ 1,010 บาท/ท่าน/เที่ยว กับเครื่องบินแอร์บัส A320-200 และเที่ยวบินปฐมฤกษ์ของวันนี้ได้ออกเดินทางจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในเวลา 7:05 น และถึงท่าอากาศยานนครพนมในเวลา 08:25 น. เมื่อเครื่องแตะรันเวย์และม้วนตัวเข้าสู่เส้นทางการจอดก็ได้ผ่านอุโมงน้ำมนต์ขนาดใหญ่ที่ใช้รถดับเพลิงสร้างขึ้นมาเพื่อให้ผู้โดยสารจำนวน 164 ชีวิต ที่เดินทางมากับสายการบินปฐมฤกษ์ได้นั่งอยู่ในเครื่องพร้อมกับการรดน้ำมนต์อันศักดิ์สิทธิ์ ก่อนที่จะเข้าสู่ตัวอาคารรับรองเข้าสู่กระบวนการป้องกันและเฝ้าระวังโรคติดเชื้อไวรัสโควิด – 19 กับการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย ก่อนที่จะรับกระเป๋าเดินทาง รับมอบผ้าพันคอย้อมครามหนึ่งในสินค้าโอทอปขึ้นชื่อของจังหวัดนครพนมเป็นของที่ระลึกและแยกย้ายกันสู่จุดหมายของแต่ละคน

โดยในโอกาสนี้นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ได้กล่าวต้อนรับประชาชนและนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยือนจังหวัดนครพนมตลอดจนขอบคุณทางสายการบินไทยสมายล์ที่ได้นำมาตรฐานการบินและบริการยอดเยี่ยมระดับโลกมาเปิดเส้นทางกับจังหวัดนครพนม เป็นการเข้ามาเติมเต็มการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น ทั้งยังเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันกระตุ้นเศรษฐกิจและพัฒนาศักยภาพการค้าการลงทุนของจังหวัดนครพนม ตลอดจนส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่ทำให้มีการกระจายรายได้สู่ชุมชน และทำให้จังหวัดนครพนมกลายเป็นศูนย์กลางการเชื่อมโยงด้านเศรษฐกิจสำคัญไปยังจังหวัดต่าง ๆ ทั่วภาคอีสาน โดยวันนี้ถือเป็นฤกษ์ดีอย่างมากเพราะเป็นช่วงที่รัฐบาลได้ประกาศให้หยุดยาว 4 วัน ทำให้ประชาชนมีการออกเดินทางไปตามสถานที่ต่าง ๆ ซึ่งจังหวัดนครพนมก็เป็นหนึ่งในเป้าหมายที่ทุกคนต้องการเดินทางมาสัมผัสเพราะเป็นเมืองแห่ง 3 ธรรม ได้แก่ เมืองแห่งธรรมะ คือเป็นเมืองพุทธที่มีพระธาตุอันศักดิ์สิทธิ์จำนวนมากตั้งกระจายอยู่ตามอำเภอต่าง ๆ ทั่วทั้งจังหวัด และพุทธศาสนิกชนก็มีการเดินทางมากราบไหว้ขอพรอยู่เสนอเมื่อมีโอกาส โดยเฉพาะองค์พระธาตุพนมที่ปัจจุบันกำลังอยู่ระหว่างการขอขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก  ต่อมาคือเมืองแห่งธรรมชาติ ซึ่งหลายคนอาจจะรู้ว่านครพนมเป็นจังหวัดที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขง ทำให้มีวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม มีเส้นทางจักรยานเลียบริมฝั่งแม่น้ำโขงให้ทุกคนได้มาออกกำลังกายไปพร้อมกับชมความงดงามของธรรมชาติและสูดเอาอากาศที่บริสุทธิ์เพราะไม่มีละอองฝุ่น PM 2.5 นอกจากนั้นยังองค์พญาศรีสัตตนาคราชที่ผู้คนเคารพศรัทธาเดินทางมากราบไหว้ขอพร มีถ้ำนาคีที่ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติภูลังกา ฝั่งอำเภอบ้านแพง ที่มีความโดดเด่น สวยงามเป็นเหมือนถ้ำคู่แฝดของถ้ำนาคา จังหวัดบึงกาฬ  และสุดท้ายคือ เมืองแห่งศิลปวัฒนธรรม เพราะในพื้นที่จังหวัดนครพนมมีชนเผ่าอาศัยอยู่มากถึง 8 ชนเผ่าและอีก 2 เชื้อชาติ โดยแต่ละชนเผ่าก็จะมีเอกลักษณ์และอัตลักษณ์ที่โดดเด่นเป็นของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นการแต่งกาย สำเนียงการพูด ภาษาที่ใช้อาหารที่รับประทาน ตลอดจนศิลปวัฒนธรรมความเชื่อประจำท้องถิ่นที่ใครได้มาสัมผัสแล้วจะหลงรัก

วันพุธที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

พาณิชย์นครพนม ติดตามการใช้จ่าย โครงการพาณิชย์ลดราคาช่วยประชาชน Lot 7

 วันที่ 18 พฤศจิกายน 2563 ที่จังหวัดนครพนม นายปัญญา สัมพะวงศ์ พาณิชย์จังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า วันนี้ได้นำคณะเจ้าหน้าที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัดนครพนม และสื่อมวลชนลงพื้นที่ติดตามการจับจ่ายเลือกซื้อสินค้าของประชาชนตามห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ ที่เข้าร่วมโครงการพาณิชย์ลดราคาช่วยประชาชน Lot 7 เพื่อลดภาระค่าครองชีพของประชาชน และกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ ในช่วงที่เกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัส covid -19 ตามนโยบายของรัฐบาล ที่กระทรวงพาณิชย์นำโดย นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กำลังขับเคลื่อน

โดยโครงการดังกล่าวกระทรวงพาณิชย์ได้ร่วมกับภาคเอกชน ทั้งผู้ผลิต ผู้จำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค ห้างค้าปลีกค้าส่งสมัยใหม่ และห้างท้องถิ่นทั่วประเทศ ลดราคาจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคลงสูงสุดถึง 70 เปอร์เซ็นต์ ไม่ว่าจะเป็น สินค้าในหมวดอาหารและเครื่องดื่ม อาหารปรุงสำเร็จรูป อาหารแช่แข็ง ซอสปรุงรส ของใช้ประจำวัน ผลิตภัณฑ์ชำระร่างกาย ผลิตภัณฑ์ซักล้าง รวมกว่า 13,790 รายการ ซึ่งในจังหวัดนครพนมนั้น มีผู้จำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค ห้างค้าปลีกค้าส่งสมัยใหม่ ที่เข้าร่วมโครงการ ประกอบไปด้วย ห้างเทสโก้โลตัสสาขานครพนมและสาขาธาตุพนม ห้างแม็คโครนครพนม และห้างบิ๊กซีซุปเปอร์เซ็นเตอร์นครพนม

ซึ่งจากการลงพื้นที่ติดตามและสอบถามผู้ประกอบการรวมถึงประชาชนทั่วไป พบว่าในพื้นที่มีการออกมาจับจ่ายเลือกซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคเพิ่มมากขึ้นเท่าตัวจากช่วงก่อนหน้านี้ ทำให้เศรษฐกิจภายในจังหวัดมีการหมุนเวียนเพิ่มมากขึ้น ในส่วนของห้างร้านที่เข้าร่วมโครงการก็มีการติดป้ายประชาสัมพันธ์ที่ชัดเจนทำให้ประชาชนเข้าใจได้ง่าย ทำให้มีประชาชนออกมาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง โดยสินค้าที่ประชาชนส่วนใหญ่ซื้อมากที่สุดได้แก่ อาหารสด ไข่ไก่ รองลงมาเป็นอาหารปรุงสำเร็จรูป ขณะเดียวกันผู้ประกอบการก็ได้ให้ความมั่นใจกับประชาชนในพื้นที่ว่ามีการวางแผนสต๊อกสินค้าที่เพียงพอต่อความต้องการอย่างแน่นอน นอกจากนี้เพื่อการสร้างการรับรู้ให้กับประชาชนในพื้นที่เพิ่มมากขึ้น ก็ได้มีการขอความร่วมมือกับทางห้างร้านในการติดป้ายประชาสัมพันธ์เพิ่มเติมในจุดต่าง ๆ ที่สามารถเห็นได้โดยง่ายเพิ่มเติมอีก โดยโครงการนี้จะมีไปจนถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2563 จึงอยากเชิญชวนทุกท่านมาใช้บริการเพราะท่านจะได้สินค้าที่มีคุณภาพตรงตามความต้องการ ที่สำคัญประหยัดเป็นการลดภาระค่าครองชีพในครัวเรือนทั้งเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในช่วงสถานการณ์เช่นนี้ด้วย  

นรข.นครพนม เข้มบูรณาการร่วมปราบยาเสพติด ได้ทั้งผู้ต้องหาและของกลางจำนวนมาก

 วันที่ 18 พฤศจิกายน 2563 ที่หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง นาวาเอก ณัฐพัฒน์  ซื่อมงคล รองผู้บัญชาการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง พร้อมด้วยนายพิทักษ์ กุลฉวะ นักสืบสวนชำนาญการ ปปส.ภาค 4 และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหา 1 ราย พร้อมของกลางกัญชาแห้งอัดแท่ง จำนวน 210 กิโลกรัม และ รถยนต์ Nissan รุ่น อเมร่า หมายเลขทะเบียน 6กก 3787 กรุงเทพมหานคร ภายหลังเจ้าพนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดฝ่ายทหารชุดจับกุมได้รับแจ้งจากสายลับว่าจะมีการลักลอบส่งมอบยาเสพติดประเภทกัญชาแห้งอัดแท่งที่บริเวณหน้าปั๊มน้ำมัน ปตท. บ้านดงบัง หมู่ที่ 3 ตำบลดงบัง อำเภอบึงโขงหลง จังหวัดบึงกาฬ โดยเจ้าพนักงานชุดจับกุมได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้นและได้วางกำลังดักซุ่มอยู่บริเวณดังกล่าว จำนวน 3 จุด กระทั่งเวลาประมาณ 05:40 น พบรถยนต์ตามที่สายลับแจ้งวิ่งเข้ามาจอดที่ปั๊มน้ำมัน เจ้าพนักงานจึงได้ขับรถไปสกัดกั้นเพื่อเข้าตรวจสอบพบเป็นชายวัยรุ่น รูปร่างผอมใส่เสื้อยืดคล้ายสีทหาร ลักษณะตรงตามที่สายลับแจ้งนั่งอยู่ภายในรถในตำแหน่งคนขับ เรือเอก ชาตรี สิทน รอง หน.ชปพ.ศป.ปส.นรข.จึงได้แสดงบัตรเจ้าพนักงาน ปปส. ให้ผู้ต้องสงสัยดูพร้อมแสดงความบริสุทธิ์ใจและขออนุญาตทำการตรวจค้น ซึ่งปรากฏว่าภายในรถยนต์ พบกระสอบบรรจุกัญชาแห้งอัดแท่ง จำนวน 210 กิโลกรัม จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาว่ามียาเสพติดให้โทษประเภท 5 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย และแจ้งสิทธิผู้ต้องหาตามกฎหมายให้ทราบ จากนั้นจึงได้ทำบันทึกตรวจยึดยาเสพติดและรถยนต์ไว้เป็นของกลาง พร้อมควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เหล่าหลวง จังหวัดบึงกาฬ เพื่อสืบสวนสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ขณะเดียวกันที่สถานีเรือบ้านแพง หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง ก็มีการตรวจยึดยาเสพติด (ยาบ้า) จำนวน 47,783 เม็ด ได้ที่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขง บ้านนากระเสริม หมู่ 10 ตำบลพนอม อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม โดย นาวาเอก สุรศักดิ์ สุวรรณเกษา ผบ.นรข.เขตนครพนม ได้สั่งการให้ นาวาโท วิระวุฒิ บุญจันทร์ หัวหน้าสถานีเรือบ้านแพง บูรณาการร่วมกับ พันโท ชัยวิชิต ประทุมวัน หัวหน้าชุดปฏิบัติการโครงการปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่พิเศษ (พล.ม.3)  ร.ต.ยุทธจักร ศรีตะบุตตะ ผบ.ร้อย.ฉก.ทพ.2108  กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี ตชด.237 ในการปราบปรามหลังได้รับแจ้งจากสายลับว่าจะมีการลักลอบขนยาเสพติดเข้ามาในพื้นที่ โดยได้ส่งชุดลาดตระเวนลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณที่ได้รับแจ้ง กระทั้งชุดลาดตระเวนได้ตรวจพบเรือกีบเพลายาวต้องสงสัยแล่นจากฝั่งประเทศเพื่อนบ้านมายังฝั่งไทยจากนั้นได้โยนวัตถุต้องสงสัยขึ้นมาไว้บนฝั่ง เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเข้าตรวจค้น เมื่อบุคคลต้องสงสัยเห็นเจ้าหน้าที่ก็ได้ทิ้งของกลางและหันหัวเรือกลับไปยังประเทศเพื่อนบ้านด้วยความรวดเร็ว เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าตรวจสอบพบเป็นยาบ้า จำนวน 47,783 เม็ด จึงได้ทำบันทึกตรวจยึดและนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.ท่าอุเทน เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป



วันอังคารที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

เกษตรนครพนม แนะเทคนิคเก็บเกี่ยวข้าวให้เกษตรกรได้ผลิตคุณภาพสูง มีรายได้เพิ่มขึ้น

 วันที่ 17 พฤศจิกายน 2563 ที่จังหวัดนครพนม นายวินัย คงยืน หัวหน้ากลุ่มส่งเสริมและพัฒนาการผลิต รักษาราชการแทนเกษตรจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า ในช่วงนี้เกษตรกรเริ่มที่จะมีการเก็บเกี่ยวผลผลิตข้าวในแปลงนาของตนเองแล้ว โดยข้าวที่เริ่มเพาะปลูกมาตั้งแต่ช่วงเดือนพฤษภาคมเริ่มที่จะสุกและสามารถเก็บเกี่ยวได้บางส่วนแล้ว ซึ่งที่ผ่านมาเรามักพบว่าเกษตรกรหลายรายยังมีปัญหาในเรื่องของการเก็บเกี่ยวผลผลิตข้าวให้มีคุณภาพและได้ปริมาณที่สูงเนื่องจากเก็บเกี่ยวไม่ถูกต้องเหมาะสมกับช่วงเวลา ซึ่งวิธีการสังเกตว่าข้าวมีความเหมาะสมสามารถที่จะเก็บเกี่ยวได้นั้น คือเมื่อข้าวเริ่มออกดอกประมาณ 80% ทั้งแปลงให้ถือเป็นวันออกดอก จากนั้นนับไปอีก 28 - 30 วัน ก็จะครบกำหนดวันเก็บเกี่ยวข้าวที่เหมาะสม โดยในช่วงนี้เมล็ดข้าวจะมีความชื้นประมาณ 20-25 % และถ้าในแปลงนามีน้ำขังอยู่ก็ขอให้เกษตรกรระบายน้ำออกจากแปลงนาก่อนถึงวันครบกำหนดเก็บเกี่ยวประมาณ 7 - 10 วัน เพื่อให้แปลงนาแห้งทันกับการเก็บเกี่ยวข้าวที่สุกแก่สม่ำเสมอ ซึ่งจะสะดวกไม่ว่าจะใช้คนหรือเครื่องจักรในการเก็บเกี่ยว หากเกษตรกรมีการเก็บเกี่ยวข้าวก่อนหรือหลังช่วงเวลาที่กล่าวมาข้างต้นจะทำให้ข้าวสูญเสียน้ำหนักและคุณภาพไป

ส่วนการนวดข้าวนั้นสามารถทำได้หลายวิธี แต่ทุกวิธีจะต้องระวังการสูญเสียปริมาณข้าวจากการร่วงหล่น กระเด็นติดไปกับฟางข้าว เมล็ดเกิดการแตกร้าวหรือแตกหัก ยกตัวอย่างเช่น ถ้าใช้คนนวดข้าวจะไม่เสียคุณภาพ มีการสูญเสียน้อย แต่ต้องใช้เวลาและเปลืองแรงงานมากจึงไม่เหมาะกับการทำนามาก ๆ แต่เหมาะกับข้าวที่จะเก็บไว้เป็นเมล็ดพันธุ์ ส่วนการนวดโดยใช้เครื่องนวดจะมีความสะดวกรวดเร็ว เสียค่าใช้จ่ายต่ำ เหมาะกับเกษตรกรที่มีการทำนามาก ๆ และใช้คนเกี่ยว และถ้าใช้รถเกี่ยวข้าวเครื่องจะทำการเกี่ยวและนวดข้าวบรรจุใส่ถังหรือกระสอบได้เลย ซึ่งวิธีนี้ความสูญเสียข้าวขึ้นอยู่กับความเร็วของรถเกี่ยว อายุข้าว ความชื้นเมล็ดข้าว และการล้มของต้นข้าวในแปลงนา เพราะฉะนั้นเกษตรกรจึงจำเป็นต้องเลือกวิธีที่เหมาะสมกับแปลงนาของตนเอง ส่วนการตากข้าวเพื่อลดความชื้นนั้นหลังจากเก็บเกี่ยวและนวดข้าวแล้วจะต้องรีบตากหรือลดความชื้นเมล็ดข้าวให้แห้งเร็วที่สุด เพื่อลดอัตราการหายใจของเมล็ดข้าวที่จะทำให้เมล็ดข้าวมีอุณหภูมิที่สูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์และทำให้ข้าวเสื่อมคุณภาพ เนื่องจากเกิดเชื้อรา ข้าวเหลือง ข้าวเน่าและข้าวคุณภาพต่ำทั้งยังจะส่งผลต่อราคาจำหน่ายด้วย ซึ่งการลดความชื้นของเมล็ดข้าวให้เหลือประมาณ 14 % จะทำให้สามารถเก็บข้าวได้นาน 2 -3 เดือน แต่ถ้าหากต้องการเก็บได้มากกว่านั้นเกษตรกรต้องลดความชื้นให้ต่ำกว่า 12 %

วันจันทร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

คณะส่วนล่วงหน้าลงพื้นที่จังหวัดนครพนม ตรวจพื้นที่และประชุมเตรียมการรับเสด็จ ฯ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี

วันที่ 16 พฤศจิกายน 2563 ที่มหาวิทยาลัยนครพนม อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม พลอากาศตรี พิศณุ ไพบูลย์ ราชองครักษ์ในพระองค์ 904/905 เป็นหัวหน้าคณะนำส่วนล่วงหน้าลงพื้นที่ซักซ้อมการปฏิบัติ และตรวจติดตามการเตรียมการรับเสด็จในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ไปพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยนครพนม ประจำปีการศึกษา 2562 จำนวน 1,025 คน ณ อาคารศรีโคตรบูรณ์ มหาวิทยาลัยนครพนม ในวันพุธที่ 16 ธันวาคม 2563 โดยมีนายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วยคณะหัวหน้าส่วนราชการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมให้การต้อนรับและร่วมประชุม เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และสมพระเกียรติอย่างสูงสุด


ทั้งนี้ในที่ประชุมได้แจ้งกำหนดการเสด็จพระราชดำเนิน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี รวมถึงแนวทางและมาตรการป้องกันในการเฝ้าระวังการติดเชื้อโรคไวรัสโคโรน่า (โควิด – 19) การถวายความปลอดภัย ผังเส้นทางเสด็จพระราชดำเนินฯไปพระราชทานปริญญาบัตร ผังที่นั่งบัณฑิตภายในหอประชุมศรีโคตรบูรณ์ ชั้น 3 ผังภายในห้องเตรียมปริญญาบัตร(ด้านข้างเวที) รวมทั้งเรื่องอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

กรอ.นครพนม วางแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ เตรียมจัดคริสต์มาสและเคาท์ดาวน์วิถีไทย ดึงนักท่องเที่ยวเข้าพื้นที่สร้างรายได้ให้ประชาชน

            วันที่ 16 พฤศจิกายน 2563 ที่ห้องประชุมพระธาตุนคร ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดนครพนม (หลังใหม่) นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อพัฒนาและแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจจังหวัดนครพนม (กรอ.จังหวัดนครพนม) ครั้งที่ 4/2563 เพื่อร่วมรับฟังและพิจารณาการขับเคลื่อนและกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่จังหวัดนครพนม

โดยในการหารือครั้งนี้ ได้มีการวางแนวทางเบื้องต้นที่จะจัดกิจกรรมเพื่อดึงนักท่องเที่ยวเข้ามาในพื้นที่ ใน 2 ช่วงเทศกาล คือ เทศกาลคริสต์มาส และเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2564 ซึ่งกิจกรรมจะเน้นให้เห็นถึงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนนครพนมรวมถึงศิลปวัฒนธรรมอันโดดเด่นของแต่ละชนเผ่า ที่มีอยู่ถึง 8 ชนเผ่า 2 เชื้อชาติ โดยจะมีการปรับแต่งภูมิทัศน์สถานที่ในหลาย ๆ ส่วน เช่น ตามถนนสายต่าง ๆ จะมีการประดับหลอดไฟให้มีแสงและสีที่สวยงามพร้อมกับการประดับธุงอีสาน ที่เป็นเครื่องหมายแห่งการขับไล่มารให้พ้นไป เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจของคนในแต่ละชุมชน ประดิษฐ์จากเส้นด้ายหลากสี ถักทอด้วยความเพียรทำให้เกิดเป็นความงดงามเมื่อต้องแสงไฟที่ประดับจะมีความโดดเด่นมากยิ่งขึ้นกับลวดลายเฉพาะของแต่ละชนเผ่าที่จะประดิษฐ์ออกมาประดับสถานที่และทำให้นักท่องเที่ยวที่มาเยือนเกิดความประทับใจกับความสวยงามที่มีเอกลักษณ์แห่งความเป็นไทยอีสานและเอกลักษณ์ของคนนครพนม ประดับต้นคริสต์มาสตามสถานที่สำคัญ เช่น สวนหย่อมลานพญาศรีสัตนาคราชและสวนหลวง ร.9 นอกจากนี้ยังเตรียมสร้างบ้านชนเผ่าเพื่อให้แต่ละอำเภอได้ทำกิจกรรมการแสดงศิลปวัฒนธรรม รวมถึงนำสินค้าเด่น เมนูอาหารอร่อยของแต่ละชุมชนมาวางจำหน่าย เป็นการกระจายรายได้และกระตุ้นเศรษฐกิจในชุมชน เพราะจากการสอบถามนักท่องเที่ยวพบว่า ส่วนใหญ่หาซื้อสินค้าประจำท้องถิ่นได้ยากมากต้องลงไปในพื้นที่จึงจะได้เห็นทำให้บางครั้งพลาดโอกาสที่จะได้สินค้าดี ๆ ติดมือกลับไปฝากคนทางบ้านและบุคคลอันเป็นที่รักและนับถือ ซึ่งถ้าจังหวัดมีการรวมจุดเช่นนี้จะเป็นการตอบโจทย์นักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดีทั้งเป็นการเพิ่มรายได้ให้คนในชุมชนด้วย โดยในส่วนนี้ได้มีการวางแผนในระยะยาวที่จะให้เป็นพื้นที่แบบถาวรที่เมื่อนักท่องเที่ยวมาแล้วนึกถึงทันทีขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าควรตั้งในจุดไหนถึงจะมีความเหมาะสมมากที่สุด

นอกจากนี้ในที่ประชุมยังมีการพิจารณา เรื่องการของใช้ตราสัญลักษณ์จังหวัดนครพนมเพื่อร่วมทำกิจกรรม เผยแพร่ ส่งเสริมแหล่งท่องเที่ยววิถีไทย สำหรับใช้ในกิจกรรมการเก็บตัวผู้เข้าประกวด มีสมิโมซ่า ควีน ไทยแลนด์ 2563 (MISS MIMOSA QUEEN THAILAND 2020)  ในพื้นที่จังหวัดนครพนมอีกด้วย

วันเสาร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

จ.นครพนม จัดงานวันพระบิดาแห่งฝนหลวง น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ ร.9

วันที่ 14 พฤศจิกายน 2563 ที่บริเวณศาลาประชาคมยงใจยุทธ ศาลากลางจังหวัดนครพนม นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานนำคณะหัวหน้าส่วนราชการ ศาล ทหาร ตำรวจ เหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม เจ้าหน้าที่หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น นักเรียน นักศึกษา และประชาชนจังหวัดนครพนมร่วมกันประกอบพิธีถวายราชสักการะวางพานพุ่มดอกไม้สด พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เนื่องในวันพระบิดาแห่งฝนหลวง ประจำปี 2563 เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านที่ทรงตรากตรำพระวรกายในการทรงงานเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต บำบัดทุกข์ บำรุงสุขของราษฎรผู้ยากไร้ ด้อยโอกาสทั่วทุกภาคของประเทศให้มีความเป็นอยู่ดีขึ้น


โดยเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2545 คณะรัฐมนตรีได้มีมติกำหนดให้วันที่ 14 พฤศจิกายนของทุกปี เป็นวันพระบิดาแห่งฝนหลวง เพื่อให้ประชาชนคนไทยและมวลมนุษยชาติ ได้น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในฐานะองค์พระบิดาแห่งฝนหลวง เนื่องด้วยเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2498 เป็นวันที่พระองค์ท่านและสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงเสด็จเยี่ยมราษฎรในพื้นที่ทุรกันดารภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทรงทอดพระเนตรเห็นความทุกข์ยากของพสกนิกรจากปัญหาการขาดแคลนน้ำ และทรงทอดพระเนตรเห็นเมฆบนฟ้าลอยผ่าน ณ เวลานั้น พระองค์จึงทรงตั้งพระราชหฤทัย ที่จะแปรเมฆเหล่านั้นให้เป็นเม็ดฝนเพื่อมาแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำให้กับราษฎร โดยพระองค์ท่านทรงมุ่งมั่นทุ่มเทพระสติปัญญา พระวรกาย และสละพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ ทำการศึกษาวิจัย พัฒนาจนประสบความสำเร็จเป็นเทคโนโลยีการทำฝนเทียมที่มีประสิทธิภาพ  ก่อกำเนิดเป็นโครงการพระราชดำริฝนหลวงขึ้นมาตราบจนทุกวันนี้ โดยโครงการพระราชดำริฝนหลวงได้สร้างคุณูปการ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และความมั่นคงด้านทรัพยากรน้ำให้แก่ประเทศไทย ที่สำคัญเทคโนโลยีฝนหลวงยังเป็นที่ยอมรับจากทั่วโลก ได้รับการจดสิทธิบัตรในพระปรมาภิไธยทั้งในประเทศและต่างประเทศ และหลายๆ ประเทศก็ได้ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต เพื่อนำเทคนิคและวิธีการที่ทรงคิดค้นขึ้นมาไปปรับใช้ในการแก้ไขปัญหาความแห้งแล้งในประเทศของตัวเอง และในวันนี้ 14 พฤศจิกายน 2563 เป็นวันครบรอบ 65 ปีแห่งการกำเนิดฝนหลวงพระราชทาน

วันพฤหัสบดีที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

คลังนครพนม แนะผู้ประกอบการเพิ่มรายได้ด้วยการเข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง

คลังนครพนม แนะผู้ประกอบการเพิ่มรายได้ด้วยการเข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง 
วันที่ 12 พฤศจิกายน 2563 ที่จังหวัดนครพนม นางสุธิษา จารุเมธาวิทย์ คลังจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า โครงการคนละครึ่งเป็นมาตรการที่ภาครัฐออกมาเพื่อรักษาระดับการบริโภคภายในประเทศ ซึ่งได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคมแล้ว ที่มีการเปิดสิทธิ์ให้จำนวน 10 ล้านราย แต่ในจำนวนนั้นมีการคืนสิทธิ์ให้เนื่องจากไม่ผ่านการตรวจคุณสมบัติ หรืออาจจะเปลี่ยนใจไปใช้สิทธิ์​ของช๊อปดีมีคืน เพื่อใช้เป็นตัวหักภาษีแทน ดังนั้นรัฐบาลจึงมีการเปิดรับใหม่ให้เต็มจำนวนในวันที่ 11 พฤศจิกายนที่มา ซึ่งปรากฏว่าเมื่อเปิดให้ลงทะเบียนใช้เวลาไม่นานก็ครบจำนวน​นั่นคือในส่วนภาคประชาชน แต่ในภาพรวมของผู้ประกอบการยังไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้​ ​1​ ล้าน​ราย โดยในจังหวัดนครพนม​ที่ผ่านมามีผู้ประกอบการร้านค้าสนใจสมัคร​เข้าร่วมโครงการ​ ซึ่ง​ข้อมูล ณ วันที่ 8 พฤศจิกายน 2563  มีผู้ประกอบการ​เข้าร่วม ทั้งสิ้น 2,053 ร้านค้า 
ดังนั้นผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมจึงได้มีการมอบนโยบายให้ผู้ที่เกี่ยวข้องในการขับเคลื่อนลงพื้นที่ เพื่อไปประชาสัมพันธ์ให้กำนันผู้ใหญ่บ้านได้เข้าใจและเชิญชวนผู้ประกอบการร้านค้าต่าง ๆ ที่อยู่ในจังหวัดได้เข้าร่วมโครงการเพิ่มเติม​ เพื่อร่วมกันกระตุ้น​เศรษฐกิจ​ สำหรับการใช้จ่ายเงินในโครงการนั้นร้านค้าจะรับเงินผ่านแอพพลิเคชั่นถุงเงิน ส่วนผู้ที่เข้าร่วมโครงการจะจ่ายเงินผ่านแอพพลิเคชั่นเป๋าตัง​ ซึ่ง​หลายร้านอาจจะมีความกังวลว่าเงินจะเข้าบัญชีเมื่อไหร่  จึง​ก็ขอเรียนชี้แจงว่าธนาคารกรุงไทยจะดำเนินการโอนในส่วนที่ประชาชนจ่ายให้ในวันถัดไประหว่างเวลา 2:00 -6:00 น. ส่วนอีกครึ่ง​ซึ่ง​ไม่เกิน 150 บาทต่อวันที่รัฐสนับสนุนจะโอนให้ในช่วงเวลา 17.00  - 19.00 น ของวันเดียวกัน ส่วนกรณีวันศุกร์เสาร์อาทิตย์ หรือวันหยุดนักขัตฤกษ์นั้น การโอนเงินภาคประชาชนให้ร้านค้ายังคงเหมือนเดิมคือจะได้ในวันทำการถัดไปในช่วงเวลาเดิม แต่ของภาครัฐจะไปสมทบทีเดียวในวันจันทร์ อันนี้ก็จะเป็นในส่วนของการรับเงินในโครงการคนละครึ่ง ดังนั้นจึงอยากเชิญชวนผู้ประกอบการทุกรายในนครพนมที่เป็นร้านค้าทั่วไป ที่ยังไม่ได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลเข้าร่วมโครงการนี้ เพราะไม่มีอะไรเสียหาย แต่ตรงข้ามกลับจะเป็นผลดีมากกว่าเพราะอาจทำให้ยอดขายของท่านเพิ่มมากขึ้นจากเดิมที่ขายปกติอยู่ก็เป็นได้ เนื่องจากผู้บริโภคในโครงการคนละครึ่ง จำนวน​10​ ล้านคนทั่วประเทศ​กำลังรอเข้าไปใช้สิทธิ์ซื้อสินค้าจากร้านค้าของท่านอยู่

วันพุธที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

ข้าราชการ เจ้าหน้าที่นครพนม รวมพลังสร้างต้นแบบรักษามาตรฐานเมืองน่าอยู่ กับกิจกรรมหน้าบ้าน น่ามอง

 วันที่ 11 พฤศจิกายน 2563 ที่จังหวัดนครพนม นายสุวิทย์ จันทร์หวร รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานนำข้าราชการ เจ้าหน้าที่ของทุกส่วนราชการ ทั้งในระดับจังหวัด อำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ร่วมกันทำความสะอาดสถานที่ ตัวอาคาร และพื้นที่บริเวณโดยรอบทั้งภายในและภายนอกหน่วยงานที่ตนเองปฏิบัติงานอยู่ ภายใต้กิจกรรมหน้าบ้าน น่ามอง เพื่อร่วมกันสร้างต้นแบบให้กับประชาชนได้เห็นถึงความสำคัญในการรักษาความสะอาดบ้านเรือนของตนเองซึ่งเป็นพื้นฐานของการเสริมสร้างสุขภาพที่ดีให้กับประชาชน เป็นการสร้างความประทับใจให้กับผู้ที่ได้พบเห็น ทำให้ทุกคนได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาจังหวัด ทั้งยังเป็นการรักษามาตรฐานเมืองแห่งความสุข เมืองน่าอยู่ ตลอดจนเป็นการเตรียมความพร้อมรองรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาเยือนจังหวัดนครพนม ซึ่งได้รับการจัดอันดับให้เป็นเมืองแห่งความสุข เป็นเมื่องน่าอยู่ มีธรรมชาติที่สวยงาม มีวัฒนธรรมที่หลากหลาย และเป็นจังหวัดที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจเดินทางมาเยือนเป็นจำนวนมาก

โดยทุกส่วนราชการในระดับจังหวัด อำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้ตรงลงพร้อมใจกันที่จะร่วมกันทำความสะอาดในทุก ๆ วันพุธ เริ่มตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดยในส่วนของศาลากลางจังหวัดนครพนมซึ่งมีหน่วยงานราชการจำนวนมากใช้ในการปฏิบัติราชการนั้น นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมได้มอบหมายให้แต่ละหน่วยรับผิดชอบพื้นที่ที่ตนเองใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ ขณะที่บริเวณภายนอกตัวอาคารได้แบ่งพื้นที่ออกเป็น 5 โซนพร้อมกับมอบหมายให้แต่ละหน่วยรับผิดชอบ ประกอบไปด้วย โซนบริเวณด้านหน้าศาลากลางจังหวัดนครพนมหลังใหม่ไปจนสุดปลายสนามทางทิศเหนือ โซนบริเวณรั้วศาลากลางจังหวัดหลังใหม่ฝั่งทิศเหนือและทิศตะวันตกตลอดแนว โซนบริเวณด้านหลังศาลากลางหลังใหม่ตลอดแนวจนถึงโรงจอดรถ โซนบริเวณด้านหน้าและด้านหลังศาลากลางจังหวัดนครพนมหลังเก่าไปจนถึงรั้วทางเข้าศาลากลางทางด้านทิศเหนือตลอดแนว และโซนบริเวณสนามด้านหลังศาลากลางจังหวัดนครพนมหลังเก่าบริเวณโดยรอบหอประชุมยงใจยุทธและเรือนรับรอง

วันอังคารที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

มทบ.210 เปิดการฝึกทหารใหม่ ผลัด 2/63 อย่างเป็นทางการ สร้างทหารต้นแบบที่สง่างามของกองทัพบก

 วันที่ 10 พฤศจิกายน 2563 ที่จังหวัดนครพนม พลตรีสามารถ  จินตสมิทธิ์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 210  เปิดเผยว่า วันนี้ที่ค่ายพระยอดเมืองขวาง มีพิธีเปิดการฝึกทหารใหม่ รุ่นปี 2563 ผลัดที่ 2 อย่างเป็นทางการสำหรับน้อง ๆ ทหารใหม่ที่มีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่จังหวัดนครพนมและจังหวัดมุกดาหารและได้เดินทางเข้ามาเป็นรั้วของชาติ สังกัดมณฑลทหารบกที่ 210 จำนวน 157 นาย พร้อมกับพิธีประดับเครื่องหมายนายพวกให้กับครูฝึกทหารใหม่ โดยมีคณะผู้บังคับบัญชา กำลังพลนายทหาร นายสิบ และทหารกองประจำการร่วมเป็นสักขีพยาน

ซึ่งการฝึกนั้นจะมีระยะเวลา 6 สัปดาห์ เริ่มมาตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน ไปจนถึงวันที่ 14 ธันวาคม 2563 จากนั้นจะเป็นการฝึกเฉพาะหน้าที่อีก 1 สัปดาห์ จึงจะสำเร็จการฝึกบุคคลตามที่กองทัพบกกำหนด โดยในปีนี้ที่มีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด – 19 ทำให้กระทรวงกลาโหมมีมาตรการในการฝึกทหารใหม่ที่เปลี่ยนแปลงไปไม่เหมือนทุกปี เพราะมีการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคเป็นการสร้างความปลอดภัยให้กับทหารทุกนายตามแนวทาง New Normal มีการปรับลดเวลาการฝึกลง และขยายสถานที่ฝึกให้กว้างมากขึ้นตามความเหมาะสม แต่ยังคงมีความเข้มข้นอยู่เหมือนเดิม เพื่อสร้างให้น้อง ๆ ทหารใหม่ทุกคนคนมีความสง่างาม เป็นมาตรฐานเดียวกัน และกลายเป็นต้นแบบที่ดีของกองทัพบก โดยการฝึกทหารใหม่นั้นมีวัตถุประสงค์เพื่อปรับสภาพร่างกายและจิตใจให้น้อง ๆ ทหารใหม่จากการดำเนินชีวิตแบบพลเรือนมาเป็นแบบทหาร ทำให้ทุกคนได้ทราบถึงคุณลักษณะ ท่าทาง แบบธรรมเนียมปฏิบัติของทหาร รวมทั้งเป็นการปลูกฝังระเบียบวินัย คุณธรรม จริยธรรมที่ดีงาม ตลอดจนเสริมสร้างร่างกายให้มีความสมบูรณ์แข็งแรง รวมทั้งทำให้มีความรู้ในวิชาทหารเบื้องต้นที่ทหารทุกเหล่าจำเป็นต้องทราบ ไม่ว่าจะเป็น วิชาทหารทั่วไป การใช้อาวุธ และยุทธวิธี

สำหรับผู้ปกครองของน้องทหารใหม่ทุกคนไม่ต้องเป็นห่วงบุตรหลาน สามารถสบายใจได้ เพราะทุกวันนี้ค่ายทหารมีการเปลี่ยนแปลงไปมาก รวมถึงตนได้มีการกำชับและเน้นย้ำกับครูฝึกทุกนายให้ดูแลน้องทหารใหม่ให้ดี ให้เปรียบเสมือนน้องคนเล็กของครอบครัว ทั้งเรื่องการฝึก การกินอยู่หลับนอนและการจัดเตรียมอุปกรณ์ป้องกันเชื้อ โดยทุกอย่างต้องมีความปลอดภัยและห่างไกลจากเชื้อไวรัสโควิด – 19  และถ้าผู้ปกครองต้องการที่จะมาเยี่ยมบุตรหลานทางค่ายก็ยินดีให้การต้อนรับ โดยจะเปิดให้เยี่ยมได้ทุกวันอาทิตย์ เริ่มตั้งแต่วันที่ 15 พฤศจิกายน 2563 เป็นต้น ซึ่งในวันนั้นนอกจากครอบครัวและญาติ ๆ จะได้เยี่ยมบุตรหลานแล้ว ยังจะได้รู้จักกับผู้บังคับหน่วยทหารและบุคลากรทุกระดับชั้นด้วย ตลอดจนเราจะพาชมค่ายด้วยว่า น้องทหารใหม่ทุกนายใช้ชีวิตความเป็นอยู่อย่างไร  สถานที่หลับนอนเป็นแบบไหน ได้รับประทานอาหารแบบไหน ได้ฝึกอะไรบ้าง ที่สำคัญอีกอย่างคือการศึกษาต่อระหว่างประจำการเพราะกองทัพบกมีนโยบายในการเพิ่มโอกาสให้ทหารกองประจำการได้ต่อยอดสู่การเป็นทหารอาชีพมากยิ่งขึ้น เช่น การสอบบรรจุเข้ารับราชการทหาร การสอบคัดเลือกเป็นนักเรียนนายสิบ เป็นต้น

พุทธศาสนิกชนนครพนม ร่วมประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์ น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ ร.9 และเพื่อความเป็นสิริมงคลของแผ่นดิน

 วันที่ 10 พฤศจิกายน 2563 ที่ศาลาการเปรียญวัดมหาธาตุ ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม  นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานนำคณะหัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ และพุทธศาสนิกชนชาวจังหวัดนครพนม ร่วมกันประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคลให้กับแผ่นดินและประชาชนชาวไทยทุกหมู่เหล่า ในโอกาสวันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ 5 ธันวาคม 2563 ซึ่งเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 โดยมีพระราชสิริวัฒน์ รองเจ้าคณะจังหวัดนครพนม เจ้าอาวาสวัดสว่างสุวรรณาราม เป็นประธานฝ่ายสงฆ์

ซึ่งจากสถานการณ์ในปัจจุบัน ประเทศไทยได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติและโรคระบาดอย่างต่อเนื่อง และประชาชนส่วนใหญ่ในประเทศไทยนับถือพระพุทธศาสนา รัฐบาลจึงได้มอบหมายให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ สนองแนวทางตามมติที่ประชุมมหาเถรสมาคมในการนำหลักธรรมทางพระพุทธศาสนามาเป็นกรอบแนวคิดในการดำรงชีวิตอย่างมีสติ เพื่อให้ทุกคนผ่านพ้นวิกฤตการณ์ต่าง ๆ ไปได้ด้วยดี โดยจัดให้มีพิธีเจริญพระพุทธมนต์ขึ้น เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9  แสดงออกถึงความจงรักภักดีในสถาบันชาติและพระมหากษัตริย์ ทั้งเป็นการเสริมสิริมงคลให้กับปวงชนชาวไทยทุกหมู่เหล่า ทั้งนี้จังหวัดนครพนมกำหนดจัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์ขึ้นทั้งสิ้นจำนวน 5 ครั้ง ในเวลา 10.00 น. ของวันที่ 10 ,17, 24 พฤศจิกายน 2563 วันที่ 1 ธันวาคม และวันที่ 5 ธันวาคม 2563 ณ ศาลาการเปรียญวัดมหาธาตุ ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จึงขอเชิญชวนพุทธศาสนิกชนชาวจังหวัดนครพนมทุกท่าน แต่งกายชุดสุภาพโทนสีขาว หรือชุดขาวปฏิบัติธรรมร่วมพิธีเจริญพระพุทธมนต์ดังกล่าวโดยพร้อมเพรียงกัน

วันจันทร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

กกต.นครพนม สร้างความรู้เกี่ยวกับการเลือกตั้ง อบจ. ให้ผู้สมัครและผู้ที่เกี่ยวข้อง สร้างความสมานฉันท์ โปร่งใสเป็นไปตามกฎหมาย

  วันที่ 9 พฤศจิกายน 2563 ที่จังหวัดนครพนม นายสุวิทย์ จันทร์หวร รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานเปิด การเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการเลือกตั้งเชิงสมานฉันท์ ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครพนม และนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครพนม ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดนครพนม จัดขึ้นเพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับกฎหมาย ระเบียบ วิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการหาเสียงและใช้เครื่องมือ อุปกรณ์วิธีการในการเลือกตั้ง แก่ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ผู้สนับสนุนผู้สมัครและผู้ที่เกี่ยวข้อง จำนวน 300 คน ได้เข้าใจและสามารถปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง สร้างการยอมรับ   รู้รักสามัคคี รักษาความเป็นมิตรความสมานฉันท์ ก่อนและหลังการเลือกตั้งระหว่างผู้สมัครรับเลือกตั้ง ผู้เกี่ยวข้องตลอดจนประชาชน เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริต เที่ยงธรรมและชอบด้วยกฎหมาย อันจะนำมาซึ่งผู้แทนของประชาชนอย่างแท้จริง

โดยผู้ที่เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้จะได้รับความรู้เกี่ยวกับ การควบคุมการเลือกตั้งให้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม กฎหมายและความผิดเกี่ยวกับการหาเสียงเลือกตั้งท้องถิ่น วิธีการและลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้ง การคัดค้านการเลือกตั้ง การจัดทำและยื่นบัญชีค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งท้องถิ่น คำสั่งศาลอุทธรณ์และศาลอุทธรณ์ภาคความผิดเกี่ยวกับการหาเสียงเลือกตั้ง ทั้งนี้การเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครพนม และนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครพนม ที่จะมีขึ้นในวันที่ 20 ธันวาคม 2563 นั้น คณะกรรมการการเลือกตั้งได้แบ่งเขตเลือกตั้งออกเป็น 30 เขต มีผู้สนใจสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครพนม จำนวน 101 คน และสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครพนม จำนวน 5 คน

วันอาทิตย์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

นครพนมคึกคักรับยามเช้า นักวิ่งกว่า 4,046 คน ร่วมกิจกรรม เดิน-วิ่ง ข้ามโขง นครพนม-คำม่วน มาราธอน 2020

 

วันที่ 8 พฤศจิกายน 2563 ที่บริเวณสะพานมิตรภาพแห่งที่ 3 ตำบลอาจสามารถ อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม ซึ่งเป็นสถานที่ปล่อยตัวนักวิ่งของกิจกรรมเดิน-วิ่ง ข้ามโขง "นครพนม-คำม่วน มาราธอน 2020"  บรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคักของนักกีฬา 4,046 คน ที่สมัครเข้าร่วมกิจกรรมที่จังหวัดนครพนมร่วมกับมูลนิธิศรีโคตรบูรจัดขึ้นภายใต้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด -19 อย่างเคร่งครัด เพื่อเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนทุกเพศทุกวัยได้มีการตื่นตัวในการออกกำลังกายและเล่นกีฬาอย่างสม่ำเสมอ ทำให้ทุกคนได้มีประสบการณ์ในการวิ่งมาราธอน อีกทั้งเป็นการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวของจังหวัดให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น ซึ่งรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายจะนำไปสนับสนุนมูลนิธิศรีโคตรบูรเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตเยาวชน ประชาชน ผู้สูงอายุ และผู้บกพร่องทางร่างกาย ให้มีสุขภาพพลานามัยที่แข็งแรงสมบูรณ์ และสนับสนุนโรงพยาบาลนครพนมในการจัดหาวัสดุอุปกรณ์ และเครื่องมือทางการแพทย์มาบริการประชาชน

โดยสนามแข่งขันในครั้งนี้ ได้รับการรับรองมาตรฐานจากสหพันธ์กรีฑาเอเซีย (Asian Athletics Association) แบ่งการแข่งขันออกเป็น 3 ประเภท คือ HALF MARATHON ระยะทาง 21.1 กิโลเมตร มีผู้ร่วมกิจกรรม 1,031 คน MINI MARATHON ระยะทาง 10 กิโลเมตร จำนวน 1,567 คน และ FUN RUN ระยะทาง 5 กิโลเมตร จำนวน 1,051 คน นอกจากนี้ยังมีประเภท VIP ชาย/หญิง ที่เปิดโอกาสให้ทุกคนมาเดิน - วิ่ง สัมผัสบรรยากาศที่งดงามของจังหวัดนครพนมอีกจำนวน 397 คน โดยการปล่อยตัวได้เริ่มขึ้นในเวลา 05.00 น. จากนั้นจะเป็นการปล่อยตัวในแต่ละรุ่นห่างกัน 30 นาที สำหรับเส้นทางการวิ่งนั้นทุกคนจะได้วิ่งขึ้นไปสัมผัสกับบรรยากาศบนสะพานมิตรภาพแห่งที่ 3 ซึ่งเป็นสะพานที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย เป็นเส้นทางการคมนาคมขนส่ง ด้านการค้าและการท่องเที่ยวเชื่อมโยงจากประเทศไทยไปประเทศลาว ประเทศเวียดนามและภาคใต้ของประเทศจีน โดยสะพานแห่งนี้มีความยาวรวม 780 เมตร กว้าง 13 เมตร มี 2 ช่องจราจร เปิดใช้อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2554 โดยสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเสด็จเป็นประธานร่วมกับท่านบุญยัง วอละจิด รองประธานประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เมื่อสัมผัสกับบรรยากาศบนสะพานแล้วก็จะเลี้ยวกับมาเข้าสู่เส้นทางการแข่งขันของแต่ละประเภทที่เป็นการเดิน-วิ่ง บนเส้นทางจักรยานที่อยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขงเพื่อสัมผัสกับวิถีชีวิตของคนในชุมชนและธรรมชาติที่งดงามยามรุ่งอรุณที่จะมองเห็นสะพานมิตรภาพแห่งที่ 3  ทิวทัศน์ภูเขาหินปูนลูกน้อยใหญ่ที่เรียงรายทอดยาวตามเส้นทางการวิ่ง ไปพร้อมกับการสูดเอาอากาศที่บริสุทธิ์และลมเย็น ๆ ที่พัดขึ้นมาจากแม่น้ำโขงซึ่งหาที่ใดเหมือน

ทั้งนี้ผู้ร่วมกิจกรรมทุกคนต้องมีการเช็คอิน - เอาท์ ผ่านแอพพลิเคชั่นไทยชนะ ผ่านจุดคัดกรองอุณหภูมิก่อนเข้างานและต้องสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า หรือ Face Shied ขณะที่วิ่งจะมีจุดให้น้ำระหว่างทางที่เป็นแบบภาชนะปิดเท่านั้นไม่มีการรินน้ำจากแก้ว เมื่อเข้าเส้นชัยแล้วนักวิ่งจะต้องแยกไปรับเหรียญหลังเส้นชัยในจุดที่กำหนดไว้ในแต่ละระยะแข่งขัน เพื่อลดการรวมตัวหน้าเส้นชัย ส่วนอาหารก็จะเป็นแบบ box set และที่สำคัญคือผู้ที่เข้าร่วมการแข่งขันจะได้รับสิทธิ์ประกันชีวิตจากงานด้วย