วันพฤหัสบดีที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2563

เหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม จัดถุงยังชีพช่วยผู้ถูกกักตัวโควิดในพื้นที่ หลังได้รับการร้องขอผ่าน app พ้นภัย

 

วันที่ 31 ธันวาคม 2563 ที่สำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานการส่งมอบเครื่องอุปโภคบริโภคจากสภากาชาดไทย ให้กับ นายสมลักษ์ ยกน้อยวงษ์ นายอำเภอเมืองนครพนม ซึ่งเป็นตัวแทนอำเภอต่าง ๆ เพื่อนำไปส่งต่อยังผู้กักกันตัวเพื่อเฝ้าระวังเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่เดินทางกลับมาภูมิลำเนาจังหวัดนครพนม ภายหลัง นางกรรณิกา  กองฉลาด นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม พร้อมด้วย นางพรรณวดี รอดงาม รองนายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม ได้ระดมกำลังคณะกรรมการเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม ตลอดจนบุคลากร เจ้าหน้าที่ และสมาชิกกองอาสารักษาดินแดนจังหวัดนครพนมที่ 1 ช่วยกันแพ็คเครื่องอุปโภคบริโภคใส่ถุงยังชีพสภากาชาดไทย (ชุดธารน้ำใจ) จนแล้วเสร็จตามจำนวนที่ร้องขอ 318 ชุด ตามข้อมูล ณ วันที่ 29 ธันวาคม 2563

โดยการส่งมอบเครื่องอุปโภคบริโภคจากสภากาชาดไทยในครั้งนี้ สืบเนื่องมาจากที่มีประชาชนที่เดินทางจากจังหวัดสมุทรสาครและจังหวัดระยองกลับมาภูมิลำเนาจังหวัดนครพนม และต้องเข้าสู่กระบวนการเฝ้าระวังป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโควิด – 19 ตามมาตรการที่คณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดนครพนมกำหนด โดยต้องกักตัวเองอยู่ที่บ้านเป็นเวลา 14 วัน และอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน(อสม.) ในแต่ละท้องที่ ได้ทำการบันทึกข้อมูลคำร้องขอความช่วยเหลือ ผ่านระบบ application "พ้นภัย"  ของสภากาชาดไทย และผ่านการรับเรื่องของเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม นำไปสู่การจัดหาเครื่องอุปโภคบริโภคมาช่วยเหลือในครั้งนี้ โดย 1 ชุด จะประกอบไปด้วย บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป อาหารกระป๋อง ผงซักฟอก สบู่ แชมพู  ข้าวสาร และน้ำดื่มที่สามารถดำรงชีพได้ 14 วัน 


อุบัติเหตุปีใหม่นครพนมวันที่ 2 เจ็บ 6 เสียชีวิต 1 พร้อมออกมาตรการกักตัวผู้มาจากจังหวัดเสี่ยงโควิดเพิ่มรวม 5 จังหวัด

 

วันที่ 31 ธันวาคม 2563 ที่ศาลากลางจังหวัดนครพนม นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วยนายธวัชชัย รอดงาม รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ร่วมประชุมศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2564 และประชุมคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดนครพนม เพื่อหารือและวางแนวทางการดำเนินงานร่วมกันในการลดอุบัติเหตุทางถนนและเฝ้าระวังป้องกันการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโควิด – 19

โดยด้านการเฝ้าระวังป้องกันการเกิดอุบัติเหตุจังหวัดนครพนมได้มีการบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตั้งจุดตรวจจุดอำนวยความสะดวกเพื่อให้บริการประชาชนที่สัญจรไปมาโดยมีการผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งในรอบวันที่ 30 ธันวาคม 2563 จังหวัดนครพนมมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นทั้งสิ้น 6 ครั้ง มีผู้บาดเจ็บ 6 ราย และเสียชีวิต 1 ราย โดยมีสาเหตุมาจากการขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด เนื่องจากดื่มแล้วขับ สำหรับการบังคับใช้กฎหมายเจ้าหน้าที่มีการเรียกตรวจทั้งสิ้น 14,423 คัน และมีผู้ถูกดำเนินคดีจาก 10 มาตรการ จำนวน 2,489 คน ทั้งนี้ที่ประชุมได้เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานเพิ่มความเข้มข้นในการตรวจและบังคับใช้กฎหมายมากยิ่งขึ้น เพื่อลดบุคลที่อาจจะก่อให้เกิดความเสี่ยงบนท้องถนน

สำหรับสถานการณ์การเฝ้าระวังไวรัสโควิดของจังหวัดนครพนม จากข้อมูลสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครพนม ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2563 เวลา 7.00 น. จังหวัดนครพนมไม่พบผู้ติดเชื้อมาแล้ว 261 วัน นับจากวันที่กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ประกาศรายสุดท้ายเมื่อวันที่ 13 เมษายน 2563 โดยมีการเก็บตัวอย่างจากผู้ที่เดินทางมาจากจังหวัดสมุทรสาครตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2563 มีการดำเนินการตรวจแล้ว 273 ราย ไม่พบเชื้อแต่อย่างใด การตรวจผู้ค้าอาหารทะเล ไม่พบเชื้อ 55 ราย อยู่ระหว่างรอผล 22 ราย ส่วนแรงงานต่างด้าวมีการเก็บตัวอย่างไปแล้ว 172 ราย เป็นพม่า 71 ราย แรงงานลาว 79  ราย และกัมพูชา 22 ราย ทั้งหมดไม่พบเชื้อแต่อย่างใด ทั้งนี้จังหวัดนครพนมได้มีการประกาศคำสั่งที่ 4322/2563 เรื่องให้บุคคลผู้ที่เดินทางมาจากกรุงเทพมหานคร จังหวัดนนทบุรี และจังหวัดชลบุรี ตั้งแต่วันที่ 30 ธันวาคม 2563 มารายงานตัวเพื่อเข้ามาพักอาศัยในพื้นที่จังหวัดนครพนม เพิ่มเติมจากเดิมที่มีแค่ 2 จังหวัดคือ จังหวัดสมุทรสาครและจังหวัดระยอง ทำให้ปัจจุบันผู้ที่เดินทางมาจากจังหวัดเสี่ยง 5 จังหวัดต้องไปรายงานตัวต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ ณ  ที่ว่าการอำเภอ หรือกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หรือ อสม. ในพื้นที่ ที่ตนเองพักอาศัยโดยทันที โดยให้กักตัว 14 วัน ณ ที่พักอาศัยและดำเนินการตามกระบวนการควบคุมโรคติดต่อตามมาตรการที่คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนครพนมกำหนด และห้ามมิให้บุคคลที่เดินทางมาจากจังหวัดดังกล่าวเข้าพักอาศัยก่อนได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อในพื้นที่ เนื่องจากเป็นกรณีที่มีความจำเป็นเร่งด่วนหากปล่อยให้เนิ่นช้าไปจะก่อให้เกิดผลเสียหายอย่างร้ายแรงแก่สาธารณชน หรือผลกระทบต่อประโยชน์สาธารณะ จึงไม่อาจก่อให้คู่กรณีใช้สิทธิ์โต้แย้งตามมาตรา 30 วรรค 2 (1) แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ 2539 ทั้งนี้ผู้ใดฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 52 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 และต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับตามมาตรา 18 แห่งราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ 2548

วันพุธที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2563

นครพนม ยังปลอดโควิด ขณะที่อุบัติเหตุปีใหม่วันแรกเจ็บ 3 ราย

วันที่ 30 ธันวาคม 2563 ที่ศาลากลางจังหวัดนครพนม นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วยนายธวัชชัย รอดงาม รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม นำคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดนครพนม ตลอดจนหัวหน้าหน่วยงานในสังกัดกระทรวงมหาดไทย และหัวหน้าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ประชุมผ่านระบบวีดีทัศน์ทางไกล ร่วมกับ พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเพื่อรับทราบข้อราชการสำคัญเกี่ยวกับการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด -19 มาตรการป้องกันการพนันในพื้นที่ การป้องกันและปราบปรามยาเสพติด การบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวในพื้นที่และการขับเคลื่อนแนวทางป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2564

  โดยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด -19 ภายในประเทศ ยังคงมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น แบ่งเป็นการติดเชื้อจากบุคคลสู่บุคคล และการติดเชื้อแบบกลุ่มก้อน ดังนั้นเพื่อให้การควบคุมเฝ้าระวังป้องกันเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ จึงให้มีการแบ่งพื้นที่ออกเป็น 4 ระดับ คือ พื้นที่ควบคุมสูงสุด พื้นที่ควบคุม พื้นที่เฝ้าระวังสูงและพื้นที่เฝ้าระวัง ทั้งนี้มีข้อเน้นย้ำโดยขอให้มีกลไกเฝ้าระวังถึงระดับตำบล ในลักษณะโครงข่ายเฝ้าระวังรังผึ้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งให้เร่งค้นหาและจับกุมกลุ่มบุคคลที่มั่วสุมทำผิดกฎหมาย ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดและให้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด ให้มีการใช้มาตรการป้องกันโรคโควิด-19 เว้นระยะห่าง ล้างมือ สวมแมสก์หรือหน้ากากผ้า ตรวจวัดอุณหภูมิ และสแกนแอปฯ ไทยชนะ อย่างเต็มขีดความสามารถ รวมถึงการเฝ้าระวังการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย นอกจากนี้ยังขอความร่วมมือในการไม่เดินทางข้ามจังหวัดโดยไม่มีความจำเป็น ขอให้งดจัดกิจกรรมฉลองปีใหม่และงานวันเด็กเพราะอาจทำให้มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อและการระบาด สำหรับแนวทางในการดำเนินการเกี่ยวกับแรงงานต่างด้าว แบ่งเป็นแรงงานต่างด้าวที่มีนายจ้างให้ดำเนินการตามระบบ ส่วนแรงงานต่างด้าวที่ไม่มีนายจ้างให้สามารถแจ้งรายชื่อผ่านระบบออนไลน์ เข้ารับการตรวจคัดกรอง ทำทะเบียนประวัติ ให้นายจ้างยื่นคำขออนุญาตทำงานแทนคนงานต่างด้าว เมื่อมีการปรับปรุงทะเบียนประวัติคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย และมีใบอนุญาตทำงานแล้ว ก็สามารถทำงานได้ ขณะที่การขับเคลื่อนแนวทางป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2564 ขอให้บูรณาการร่วมกับการเฝ้าระวังป้องกันโควิด – 19

สำหรับสถานการณ์การเฝ้าระวังไวรัสโควิดของจังหวัดนครพนม ข้อมูล ณ วันที่ 29 ธันวาคม 2563 จังหวัดนครพนมไม่พบผู้ติดเชื้อมาแล้ว 259 วัน นับจากวันที่กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ประกาศรายสุดท้ายเมื่อวันที่ 13 เมษายน 2563 โดยในส่วนของการเก็บตัวอย่างจากผู้ที่เดินทางมาจากจังหวัดสมุทรสาครตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2563 มีการดำเนินการตรวจแล้ว 182 ราย ไม่พบเชื้อแต่อย่างใด ผู้เดินทางมาจากจังหวัดระยอง   เก็บตัวอย่าง 10 ราย ตรวจไม่พบเชื้อ ผู้ค้าอาหารทะเล  120 ราย ตรวจผลไม่พบเชื้อทั้งหมด ส่วนแรงงานต่างด้าวมีการเก็บตัวอย่างไปแล้ว 170 ราย เป็นพม่า 71 ราย ลาว 77 ราย และกัมพูชา 22 ราย โดยทั้งหมดไม่พบเชื้อแต่อย่างใด ส่วนการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2564 ตลอดวันที่ 29 ธันวาคม ที่ผ่านมา จังหวัดนครพนมมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นทั้งสิ้น 3 ครั้ง มีผู้บาดเจ็บ 3 ราย มีการเรียกตรวจทั้งสิ้น 13,184 คัน และมีผู้ถูกดำเนินคดีจากการบังคับใช้กฎหมายตาม 10 มาตรการหลัก จำนวน 1,522 คน

วันอังคารที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2563

นครพนม เปิดศูนย์ปฏิบัติการและศูนย์อำนวยความสะดวกทางถนน ลดอุบัติเหตุปีใหม่ 64 ภายใต้มาตรการป้องกันโควิด

 วันที่ 29 ธันวาคม 2563 ที่บริเวณหมวดการทางดอนยานาง อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานเปิดศูนย์อำนวยความสะดวกและปลอดภัยทางถนนและศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนจังหวัดนครพนม เพื่อให้บริการและรณรงค์ปลูกจิตสำนึกในการใช้รถใช้ถนนด้วยความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินแก่ประชาชนที่เดินทางสัญจรไปมาในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2564 โดยมุ่งหวังที่จะให้จำนวนครั้งการเกิดอุบัติเหตุ จำนวนผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตลดน้อยลงกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา

โดยทั้ง 2 ศูนย์ จะประกอบด้วยศูนย์ย่อย คือ ศูนย์อำนวยความสะดวกและปลอดภัยในทางหลวงหมายเลข 22 ตอน กุรุคุ -นครพนม ที่ กม. 234 + 951 บริเวณหน้าหมวดทางหลวงนครพนม ศูนย์บริการเคลื่อนที่เร็ว ประจำหมวดทางหลวง 5 หมวด ได้แก่ หมวดทางหลวงนครพนม หมวดทางหลวงท่าอุเทน หมวดทางหลวงศรีสงคราม หมวดทางหลวงปลาปาก และหมวดทางหลวงนาแก ศูนย์ปฏิบัติการอำนวยการข้อมูลสำหรับประสานงาน ตรวจสอบข้อมูลและสถานการณ์ในทางหลวงหมายเลข 212 ตอนท่าควาย -กลางน้อย ที่กม. 319 + 140 สำนักงานแขวงทางหลวงนครพนม ซึ่งการจัดตั้งศูนย์ในครั้งนี้ได้มีการบูรณาการหน่วยงานต่าง ๆ ตลอดจนองค์กรภาคีเครือข่าย โดยจะมีการจัดเจ้าหน้าที่อยู่เวรยามประจำศูนย์ตลอด 24 ชั่วโมง ไปจนถึงวันที่ 4 มกราคม 2564 รวมทั้งสิ้น 7 วัน เพื่อให้บริการแก่ประชาชนในด้านข้อมูลต่าง ๆ รวมถึงการให้ความช่วยเหลือ ตลอดจนที่พักรถชั่วคราว พร้อมทั้งตรวจตราความเรียบร้อยในสายทางที่รับผิดชอบให้มีความสะดวกและปลอดภัยในการเดินทางมากยิ่งขึ้น ควบคู่ไปกับการให้ข้อมูลเกี่ยวกับการปฏิบัติตัวและสถานการณ์ไวรัสโควิด -19 เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจถึงมาตรการเฝ้าระวังป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโควิด – 19 ของจังหวัดนครพนมที่กำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้ ที่ทุกคนที่เข้ามาในพื้นที่จังหวัดนครพนม จะต้องผ่านการคัดกรอง สอบสวนโรค ลงทะเบียน App NPM Covid1-9 เพื่อยืนยันตัวตนในการติดตามตัว รวมถึงปฏิบัติตามมาตรการ ใส่แมส ล้างมือ เว้นระยะห่างอย่างเคร่งครัด ขณะที่คนที่เดินทางมาจากจังหวัดสมุทรสาครและจังหวัดระยองจะต้องได้รับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ทุกรายในวันแรกที่เข้ามาในพื้นที่พร้อมกักตัวที่บ้านเป็นเวลา 14 วัน โดยจะมีการติดตามอาการอย่างต่อเนื่อง ส่วนบุคคลที่มาจากจังหวัดอื่นไม่ต้องกักตัว ยกเว้นสอบสวนแล้วเกี่ยวข้องกับการระบาด เช่น เข้าไปพื้นที่เสี่ยงจะต้องถูกกักตัว

นครพนม เปิดจุดแลนด์มาร์คบ้านวัฒนธรรมโบราณ ส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมและสินค้าพื้นเมือง

 

วันที่ 29 ธันวาคม 2563 ที่บริเวณถนนสวรรค์ชายโขง อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานนำคณะหัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ตลอดจนประชาชนและนักท่องเที่ยว ร่วมเยี่ยมชมบ้านวัฒนธรรมโบราณและกิจกรรมท่องเที่ยววัฒนธรรม รวมชนเผ่าไทนคร 8 ชนเผ่า 2 เชื้อชาติ ที่จังหวัดนครพนม จัดขึ้นเพื่อให้ผู้ที่มาเยือนจังหวัดนครพนมได้สัมผัสวิถีชีวิตคนนครพนม ภายใต้แนวคิดที่ต้องการการท่องเที่ยวในพื้นที่ การส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมชนเผ่า ตลอดจนการจำหน่ายสินค้าพื้นเมือง สินค้า OTOP เพื่อเป็นของฝากของที่ระลึกให้กับนักท่องเที่ยวและประชาชนทั่วไป

โดยกิจกรรมในครั้งนี้เกิดขึ้น เนื่องจากการที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากเดินทางมาเยือนจังหวัดนครพนม แล้วมีการสอบถามว่าจะหาซื้อของฝากของที่ระลึกของจังหวัดนครพนมได้ที่ไหนที่สะดวกที่สุด หรือว่าบางคนอยากไปลองสัมผัสบรรยากาศความเป็นกันเองของแต่ละชนเผ่าต้องไปที่ใดได้บ้าง หรือบางคนได้ไปสัมผัสแล้วอยากให้คนอื่นได้เห็น จึงเป็นเสียงสะท้อนและก่อให้เกิดการรวมเอาเอกลักษณ์และอัตลักษณ์ของคน 8 ชนเผ่า 2 เชื้อชาติที่อาศัยอยู่ในนครพนมในครั้งนี้ขึ้นมา โดยผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมได้มอบหมายให้อำเภอทั้ง 12 อำเภอ จัดสร้างบ้านวัฒนธรรมโบราณของแต่ละชนเผ่าที่อาศัยอยู่ในอำเภอของตนเองขึ้นมา จำนวน 12 หลัง โดยใช้พื้นที่สาธารณประโยชน์ที่อยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขงห่างจากองค์พญาศรีสัตตนาคราชไปทางทิศใต้ประมาณ 2 กิโลเมตรเป็นสถานที่ก่อสร้าง ซึ่งบ้านแต่ละหลังจะสร้างจากไม้เก่าทั้งหมด ลักษณะตัวบ้านเป็นแบบบ้านยกสูงมีชานยื่นออกมาโดยทุกหลังจะมีลักษณะแข็งแรงถาวร จากนั้นมีการประดับตกแต่งให้สวยงามตามเอกลักษณ์และอัตลักษณ์ของแต่ละชนเผ่าที่ได้การสอดแทรกจินตนาการ ศิลปวัฒนธรรม ที่สืบทอดต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น ทำให้บ้านแต่ละหลังมีความโดดเด่นกลายเป็นจุดสนใจที่ใครผ่านมาตรงนี้ต้องแวะมาถ่ายภาพเก็บไว้เป็นที่ระลึกตั้งแต่เริ่มมีการก่อสร้างใหม่ กระทั่งแล้วเสร็จสมบูรณ์ ทำให้สถานที่แห่งนี้กลายเป็นอีกหนึ่งจุดแลนด์มาร์คที่ประชาชนและนักท่องเที่ยวอยากมาลองสัมผัสกับการเล่าแบบปากต่อปากและเห็นจากสื่อโซเชียล โดยในปัจจุบันได้มีการประดับตกแต่งสถานที่เพิ่มเติมด้วยธุงอีสานที่ชาวบ้านได้ร่วมแรงร่วมใจกันทำขึ้นรวมกว่า 4,000 ต้น ทำให้สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยความสวยงามแห่งสีสัน นอกจากนี้ชาวบ้านยังได้นำเอาสินค้า OTOP สินค้าพื้นเมืองที่เป็นสินค้าเด่นของแต่ละอำเภอมาวางจำหน่ายด้วย ไม่ว่าจะเป็น เสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย เครื่องประดับ เครื่องใช้ในครัวเรือน เครื่องประดับตกแต่งบ้าน เครื่องมือจักสาน และสินค้าอื่น ๆ อีกมากมาย

ซึ่งผู้ที่สนใจสามารถมาเช็คอินเพื่อสัมผัสและมีความสุข สนุกกับวิถีชีวิต Slow life ของคนนครพนมในบรรยากาศชิวล์ๆ ริมฝั่งโขง ได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ทั้งนี้แต่ละอำเภอจะมีการผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนส่งเจ้าหน้าที่มาจัดจำหน่ายสินค้าและแสดงศิลปวัฒนธรรมให้ได้ชมทุกวัน  

วันจันทร์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2563

นครพนม จัดสรรงบสนับสนุนเพิ่มประสิทธิภาพห้องแล๊บตรวจโควิด

 

วันที่ 28 ธันวาคม 2563 ที่ห้องประชุมพระธาตุพนม ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดนครพนม นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนครพนม เพื่อประชุมหารือ ร่วมกันวางแนวทางดำเนินการเฝ้าระวังป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโควิด -19 ด้วยสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่จังหวัดสมุทรสาครพบผู้ติดเชื้อจำนวนมากรวมถึงจังหวัดอื่น ๆ ที่มีผู้เข้าไปสัมผัสเชื้อ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องให้สามารถดำเนินการไปในทิศทางเดียวกันบนพื้นฐานมาตรการเฝ้าระวังป้องกันไวรัสโควิด -19 ที่เข้มแข็งและเข้มข้น สร้างความมั่นใจให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาเยือนจังหวัดนครพนม รวมถึงพิจารณางบประมาณจัดซื้อวัสดุและอุปกรณ์การตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อใช้ในการเก็บสิ่งส่งตรวจกลุ่มเป้าหมาย แรงงานต่างด้าว ผู้จำหน่ายอาหารทะเล และผู้ที่เดินทางมาจากจังหวัดสมุทรสาครและจังหวัดระยอง เพื่อให้เป็นไปตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการ เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2556 และหลักเกณฑ์การใช้จ่ายเงินทดรองราชการในเชิงป้องกันหรือยับยั้งภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน ที่ประกาศ ณ วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2563 ข้อ 5 (2)

โดยในพื้นที่จังหวัดนครพนมไม่พบผู้ติดเชื้อมาแล้ว 258 วัน นับจากวันที่กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ประกาศรายสุดท้ายของจังหวัดนครพนมเมื่อวันที่ 13 เมษายน 2563 ขณะเดียวกันทางคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดนครพนมได้ส่งทีมสอบสวนโรคลงพื้นที่เก็บตัวอย่าง จากผู้ที่เดินทางมาจากจังหวัดสมุทรสาครตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2563 แล้ว 173 ราย ซึ่งไม่พบเชื้อแต่อย่างใด ขณะเดียวกันก็มีการเก็บตัวอย่างผู้ค้าอาหารทะเล 108 ราย ผลไม่พบเชื้อ 96 ราย อยู่ระหว่างรอผล 12 ราย ส่วนแรงงานต่างด้าวมีการเก็บตัวอย่างไปแล้ว 149 ราย เป็นพม่า 71 รายซึ่งครบทุกรายตามที่มีการสำรวจ ขณะที่แรงงานลาวมีการเก็บตัวอย่างไปแล้ว 75 ราย และกัมพูชา 3 ราย โดยทั้งหมดไม่พบเชื้อแต่อย่างใด นอกจากนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมยังได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบไปด้วย ตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม ฝ่ายปกครองจังหวัดนครพนม สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครพนม และแรงงานจังหวัดนครพนม บูรณาการร่วมกันในการตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับแรงงานต่างด้าวที่อยู่ในจังหวัดนครพนมอีกครั้ง พร้อมให้รายงานให้ที่ประชุมทราบเป็นการด่วน เพื่อตรวจสอบว่ายังมีแรงงานต่างด้าวตกหล่นสำรวจหลงเหลืออยู่ในพื้นที่หรือไม่ เนื่องจากมีแรงงานต่างด้าวที่ขึ้นทะเบียนกับผู้ประกอบการทั้งสิ้น 1,303 ราย แต่จากการสำรวจมีเพียง 345 รายที่ยังอยู่ในพื้นที่ โดยให้หาว่าจำนวนที่หายไปนั้น มีการเดินทางออกจากจังหวัดตั้งแต่เมื่อไหร่ หรือไปอยู่ที่ไหนเพื่อความชัดเจนของข้อมูล เพราะก่อนหน้านี้ที่มีการระบาดของไวรัสโควิด – 19 ช่วงต้นปีส่วนหนึ่งได้มีการเดินทางกับไปยังประเทศต้นทางและปัจจุบันยังไม่ได้กลับเข้ามาทำงานที่จังหวัดนครพนม  สำหรับการจัดสรรงบประมาณจัดซื้อวัสดุและอุปกรณ์การตรวจของห้องปฏิบัติการนั้น ที่ประชุมมีมติให้ใช้หลักเกณฑ์การเบิกจ่ายเงินทดรองราชการในเชิงป้องกันหรือเจ้ายั้งภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน เพื่อเป็นการเสริมศักยภาพให้กับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานให้สามารถดำเนินการตรวจคัดกรองตัวอย่างได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยได้อนุมัติวงเงิน 1,361,000 บาท เพื่อจัดซื้ออุปกรณ์ สำหรับชุดอุปกรณ์เก็บตัวอย่าง ชุดสกัดสารพันธุกรรม น้ำยาสำหรับทำลายเซลล์ไวรัส น้ำยาเพิ่มปริมาณสารพันธุกรรม เสื้อกาวน์ชนิดคลุมทั้งตัว ถุงมือไนไดรท์ หน้ากาก n95 หลอดดูดสารละลายชนิดมีตัวกรอง หลอดสำหรับเพิ่มปริมาณสารพันธุกรรมพร้อมฝาปิด หลอดพลาสติกขนาด 1.5 มิลลิลิตร และน้ำยาสำหรับทำลายเอนไซน์ Rnase

สกู๊ป สสจ.นครพนม องค์กรแห่งความใสสะอาด

 ปัญหาการทุจริตคอรัปชั่นเป็นปัญหาใหญ่ที่ส่งผลกระทบต่อสังคม และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครพนมก็ได้มีการขับเคลื่อนและประกาศเจตนารมณ์ต่อต้านการทุจริตคอรัปชั่น เรามาดูว่าสำนักงานแห่งนี้มีการดำเนินงานกันอย่างไร

นายแพทย์มานพ ฉลาดธัญญกิจ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า จะใช้คำว่าส่วนราชการโปร่งใสนั้นบ่งถึงว่า กระทรวงสาธารณสุขของเราจะต้องมีภาพสะท้อนตรงนี้ ซึ่งก็มีหลายประการด้วยกัน  อย่างแรกที่เห็นคือทุกคนมีเจตนาร่วมกัน มีการประกาศเจตนารมณ์สุจริตโดยต่อต้านการคอรัปชั่นรูปแบบต่าง ๆ ร่วมกันทุกที่ ทั้งในส่วนของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ในส่วนของโรงพยาบาล สาธารณสุขอำเภอ รพ.สต. ต่างๆ นอกจากการปฏิญาณตนที่จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวแล้ว ทุกคนก็จะไม่ละเลยหรือเพิกเฉยต่อกระบวนการที่จะก่อเกิดการทุจริตขึ้น เช่น คนนั้นคนนี้ทุจริตหรือว่าส่อเจตนาทุจริต ทุกคนจะร่วมมือกันในการต่อต้าน เข้าไปยับยั้ง ในส่วนของการประพฤติมิชอบอันนั้น มีการแจ้งให้กับผู้บังคับบัญชาทราบในข้อสงสัยต่าง ๆ เกี่ยวกับขั้นตอนหรือวิธีปฏิบัติที่ไม่โปร่งใส จึงถือเป็นส่วนที่ดีอีกประเด็นหนึ่ง ที่สำคัญคือเรามีผู้ที่กำหนดหน้าที่ความรับผิดชอบในส่วนของการทำให้ราชการโปร่งใส มีหน่วยงานต่าง ๆ ตรวจสอบ มีการตักเตือน รวมถึงมีการพยายามทำความรู้ความเข้าใจกับบุคลากรอื่น ๆ ที่อาจจะไม่เข้าใจในกระบวนการที่จะทำให้ระบบราชการมีความโปร่งใสมากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาอย่างน้อย 3 ปี คือตั้งแต่ปี 2560 – 63 สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครพนม มีกระบวนการที่เรียกว่า ITA ในการสำรวจประเมินคุณธรรมและความโปร่งใส โดยจะมีตัวชี้วัดหลายตัวด้วยกันเพื่อเปรียบเทียบผลการดำเนินงาน ซึ่งจะเป็นตัวบ่งบอกถึงคุณธรรมและความโปร่งใสในการปฏิบัติงาน เป็นตัวสะท้อนเรื่องความโปร่งใสยุติธรรม โดยตัวเลขในปี 2560 ประมาณ 91 เปอร์เซ็นต์ และเพิ่มขึ้นในปี 2563 เป็นประมาณ 97 เปอร์เซ็นต์ นั่นหมายถึงว่าแนวทางต่าง ๆ ที่เราได้ร่วมกันทำมาทั้งกับหน่วยงาน ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ ลูกจ้างชั่วคราว ลูกจ้างทั่วไป เป็นแนวโน้มที่ดีขึ้น แสดงให้เห็นว่าส่วนราชการโปร่งใส ใสสะอาด ต่อต้านทุจริตคอรัปชั่น เป็นวัฒนธรรมขององค์กรของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครพนมแห่งนี้

เราจะเห็นได้ว่าเมื่อทุกคนร่วมแรงร่วมใจกัน ก็ส่งผลให้องค์กรแห่งนี้เป็นองค์กรแห่งความใสสะอาด และถ้าเราทุกคนร่วมแรงร่วมใจกัน ก็จะทำให้สังคมของเราเป็นสังคมแห่งความใสสะอาดอย่างแน่นอน

วันจันทร์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2563

นครพนมเรียกประชุมด่วน ยกการ์ดเพิ่มมาตรการคัดกรองเข้ม สร้างความอุ่นใจให้ประชาชนและนักท่องเที่ยว

 วันที่ 21 ธันวาคม 2563 ที่ห้องประชุมพระธาตุพนม ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดนครพนม นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ได้เชิญคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนครพนม นายอำเภอทุกอำเภอตลอดจนตัวแทนหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนในพื้นที่ร่วมประชุมหารือเพื่อวางแนวทางดำเนินการเฝ้าระวังป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโควิด -19 ร่วมกัน ด้วยสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่จังหวัดสมุทรสาครพบผู้ติดเชื้อจำนวนมากรวมถึงจังหวัดอื่น ๆ ที่มีผู้เข้าไปสัมผัสเชื้อ โดยจังหวัดสมุทรสาครได้มีการประกาศล็อกดาวน์ไปเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2563 ไปแล้ว แม้ในพื้นที่จังหวัดนครพนม จะไม่มีไม่พบผู้ติดเชื้อมาแล้ว 250 วัน นับจากวันที่กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ประกาศรายสุดท้ายของจังหวัดนครพนมเมื่อวันที่ 13 เมษายน 2563 แต่เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องให้สามารถดำเนินการไปในทิศทางเดียวกันบนพื้นฐานมาตรการเฝ้าระวังป้องกันไวรัสโควิด -19 ที่มีความเข้มข้น สร้างความมั่นใจให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาเยือนจังหวัดนครพนม  

ซึ่งก่อนหน้านี้ภายหลังทราบสถานการณ์ของจังหวัดสมุทรสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมได้นำคณะเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่พูดคุยสร้างความเข้าใจกับพ่อค้า ประชาชนที่มาจับจ่ายซื้อหาอาหารทะเลสด อาหารแช่แข็งในตลาดสด เกี่ยวกับการปฏิบัติตัวและมาตรการเฝ้าระวังของจังหวัด รวมถึงมีการเก็บตัวอย่างกลุ่มผู้มีความเสี่ยงที่เข้าเกณฑ์ต้องสอบสวนโรค (PUI) ทั้งสิ้น 8 ราย ส่งตรวจหาเชื้อ มีการร่วมกันทำความสะอาดตลาดสดเทศบาล รวมถึงมีการประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนในการปฏิบัติตัวและการเฝ้าระวังให้ประชาชนในพื้นที่ได้ทราบ นอกจากนี้ยังมีการส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่สำรวจเส้นทางอาหารทะเลสดและให้ความรู้ แนวทางปฏิบัติแก่ผู้ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่เทศบาลเมืองนครพนม แยกเป็นห้างสรรพสินค้าที่รับอาหารทะเลสด อาหารแช่แข็งมาจากจังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งมีอยู่ 1 ห้าง ร้านค้าที่มีการรับสินค้าอาหารทะเลสด อาหารแช่แข็งมาจากจังหวัดสมุครสาครมาเปิดร้านชาบู/หมูกระทะ ซึ่งมีอยู่ 5 ร้าน และร้านริมฟุตบาท ร้านอาหารแช่แข็งที่รับอาหารทะเลสด อาหารแช่แข็งจากจังหวัดสมุทรสาครมาจำหน่ายอีก 3 ร้าน ทั้งนี้จากการติดตามคัดกรองบุคคลที่กลับจากจังหวัดสมุทรสาครมาอยู่จังหวัดนครพนมตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2563 มีทั้งสิ้น 28 ราย มาจากตลาดกลางกุ้งจังหวัดสมุทรสาคร 2 ราย ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้มีการเก็บตัวอย่างทุกคนส่งตรวจหาเชื้อแล้ว เบื้องต้นยังไม่พบผู้ติดเชื้อ และอยู่ระหว่างรอผลตรวจ 4 ราย

โดยในส่วนของมาตรการเฝ้าระวังป้องกันนั้นที่ประชุมได้มีมติเป็นข้อสั่งการให้เจ้าหน้าที่ทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องไปตรวจเช็คและเตรียมเครื่องมืออุปกรณ์ให้พร้อม โดยต้องประมาณการว่าแต่ละอย่างสามารถใช้ได้อีกกี่วัน หากเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินที่จำเป็นจะต้องใช้จะได้บริการจัดการได้ทันท่วงที ให้มีเบอร์สายด่วนที่ประชาชนสามารถโทรมาสอบถามและประสานงานได้ตลอด 24 ชั่วโมง และในโอกาสนี้ที่ประชุมยังได้มีความเห็นร่วมกันว่าควรให้มีการตั้งจุดคัดกรองก่อนเข้าสู่จังหวัดเป็นการเพิ่มมาตรการเข้ม จำนวน 4 จุดใหญ่ ซึ่งจะเปิดพร้อมกันในเวลา 08:00 น.ของวันพรุ่งนี้ 22 ธันวาคม 2563 รวมถึงให้มีการยกระดับการตรวจคัดกรองที่ท่าอากาศยานนครพนมและสถานีขนส่งเพิ่มเติมด้วย ในส่วนของการจัดงานเทศกาลในช่วงปีใหม่ที่มีกิจกรรมการรวมกันของคนจำนวนมากและมีความเสี่ยงอย่างการแสดงคอนเสิร์ตเบื้องต้นให้งดจัดไปก่อน จนถึงวันที่ 3 มกราคม 2564 แต่ถ้าเป็นงานประเพณีที่มีการเว้นระยะห่าง มีมาตรการควบคุมที่ดีให้ดำเนินการได้ตามปกติ

วันอาทิตย์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2563

พ่อเมืองนครพนมนำทีมลุยตลาดสดเก็บตัวอย่างกลุ่มเสี่ยงเฝ้าระวังโควิดจากอาหารทะเล สร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชน

วันที่ 20 ธันวาคม 2563 ที่จังหวัดนครพนม นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม นำคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดนครพนม นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองนครพนม และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่เยี่ยม สอบถาม ให้ความรู้เกี่ยวกับการเฝ้าระวังป้องกันไวรัสโควิด -19 แก่พ่อค้าแม่ค้าและประชาชนที่มาจับจ่ายในตลาดสดเทศบาลเมืองนครพนม รวมทั้งเก็บตัวอย่างกลุ่มเสี่ยงที่เป็นพ่อค้าแม่ค้าขายอาหารทะเลเพื่อส่งตรวจหาเชื้อ สืบเนื่องจากเหตุการณ์ที่มีการพบผู้ป่วยโควิด-19 ในจังหวัดสมุทรสาคร เมื่อวันที่ 17 ธันวาคมที่ผ่านมา เป็นหญิงอายุ 67 ปี ซึ่งมีอาชีพค้าขายกุ้งและปลาอยู่ในตลาดกลางกุ้งจังหวัดสมุทรสาคร ตำบลมหาชัย และต่อมาในเวลา 14.00 น. ของวันนี้ จังหวัดสมุทรสาครได้แถลงสถานการณ์ผู้ติดเชื้อภายในจังหวัดพบว่ามีผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 146 ราย จากเดิม 548 ราย รวมเป็น 694 ราย โดย 90% เป็นแรงงานงานต่างด้าวในตลาดกลางกุ้ง และอาจทำให้ประชาชนมีความวิตกกังวลว่าการรับประทานอาหารทะเลที่มาจากจังหวัดสมุทรสาคร หรือที่อื่น ๆ ปลอดภัยหรือไม่ รับประทานได้หรือเปล่า และมีความเสี่ยงมากน้อยขนาดไหน

นายแพทย์มานพ ฉลาดธัญญกิจ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า ขอประชาชนอย่าได้ตื่นตระหนกจนเกินไป ซึ่งการรับประทานอาหารทะเลนั้นยังคงสามารถรับประทานได้ตามปกติ ซึ่งมาตรการป้องกันโรคที่ดีอย่างหนึ่งก็คือ การรับประทานอาหารที่สุกและร้อน หากเรารับประทานเช่นนี้นอกจากจะเป็นการป้องกันโรคทั่วไปแล้ว ยังเป็นการป้องกันไวรัสโควิด-19 ด้วย สิ่งสำคัญคือขอให้ยึดมาตรการ กินร้อน ใช้ช้อนส่วนตัว อย่างไรก็ตามหลายคนอาจมีความกังวลว่าจะเหมือนที่ตลาดเมืองอู่ฮั่น แต่ปัจจุบันเรารู้วิธีป้องกัน รู้จักโควิดมากขึ้น หากเรามีการสวมหน้ากากอนามัย 100% ก็จะช่วยได้ ที่สำคัญตลาดสดเทศบาลแห่งนี้ และตลาดสดทั่วไปของนครพนมเป็นตลาดพื้นที่โล่ง ไม่ใช่ห้องปรับอากาศ มีการถ่ายเทได้ดี ถ้ามีการทำความสะอาดที่ดีกความเสี่ยงก็ลดลงตามไปด้วย แต่อย่างไรก็ดีเพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนทุกคน อีกทั้งเป็นการเฝ้าระวังป้องกันการแพร่ระบาดไวรัสโควิด -19 ในพื้นที่จังหวัดนครพนม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมจึงได้นำเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ kick off ในการลงพื้นที่เก็บตัวอย่างกลุ่มเสี่ยงทุกตลาดในพื้นที่ โดยในช่วงเย็นของวันนี้ที่ตลาดแห่งนี้ก็จะมีการร่วมกันทำความสะอาดและฆ่าเชื้ออีกด้วย ทั้งนี้อยากฝากถึงผู้ที่เดินทางมาจากจังหวัดสมุทรสาคร หรือประชาชนที่อยู่ในพื้นที่และทราบว่ามีผู้ที่มาจากจังหวัดสมุทรสาคร ขอให้แจ้งให้ไปรายงานตัวกับเจ้าหน้าที่ อสม. หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ผู้ใหญ่บ้านและกำนัน เพื่อลงทะเบียนคัดกรองโควิด-19 และเฝ้าระวังตนเองที่บ้านเป็นเวลา 14 วันหากมีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก ปวดกล้ามเนื้อ หายใจไม่ได้กลิ่น ถ่ายเหลว หายใจหอบเหนื่อย ขอให้แจ้ง อสม.หรือ เจ้าหน้าที่สาธารณสุข กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เพื่อประสานให้ส่งรถไปรับด้วย

บรรยากาศการเลือกตั้ง อบจ.นครพนม

 

วันที่ 20 ธันวาคม 2563 ที่หน้าสำนักงานเทศบาลเมืองนครพนม ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่ลงคะแนนเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครพนมและสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครพนม บรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคักของผู้มาใช้สิทธิ์ โดยหลายคนเลือกที่จะมาก่อนเวลาเพื่อสอบถามเจ้าหน้าที่ถึงขั้นตอนการปฏิบัติตัวและวิธีการเลือกว่าต้องทำอย่างไร เนื่องจากกลัวว่าตนเองจะเลือกผิดพลาดแล้วทำให้ไม่ได้คนที่ต้องการเข้าไปทำหน้าที่แทนตนเองในการดูแลท้องถิ่นเพราะห่างหายจากการเลือกตั้งมานาน ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ได้มีการอธิบายถึงขั้นตอนและวิธีการปฏิบัติว่าต้องทำอย่างไร ส่วนการตัดสินใจเป็นของเจ้าของสิทธิ์ คือถ้าเลือกนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครพนมให้กากบัตรสีเขียวในเบอร์ที่ต้องการ ขณะที่บัตรสีแดงเป็นการเลือกสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครพนม กระทั่งในเวลา 8.00 น. เจ้าหน้าที่ก็ได้ทำการเปิดหีบเลือกตั้งและเริ่มให้ผู้มีสิทธิ์ได้ใช้สิทธิ์ของตนเอง

โดยคุณยาย วัย 88 ปี ชื่อ น.ส.วนิดา สุดสงวน ได้สิทธิ์เป็นคนแรกเข้าคูหาลงคะแนนเลือกตั้ง เปิดเผยว่า วันนี้เป็นวันที่ดีมาก อากาศก็สดชื่น ปกติตนเองจะเป็นคนแรกที่มาใช้สิทธิ์ลงคะแนนในการเลือกตั้งทุกครั้ง ซึ่งจะมีการเตรียมตัวมาอย่างดี โดยจะตื่นแต่เช้าไปปั่นจักรยานออกกำลังกายแล้วก็มาที่จุดเลือกตั้งเลย ซึ่งก็จะทันเวลาพอดี ครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน จึงอยากฝากและเชิญชวนทุกท่านที่มีสิทธิ์มาร่วมกันออกเสียงลงคะแนนเพราะเป็นหน้าที่ของเราโดยตรงที่จะต้องเลือกคนไปทำงานในสภาท้องถิ่นแทนตนเอง

ด้านนายฤทธิเดช ติธรรม ซึ่งเป็นอีกคนที่มาพร้อม ๆ กับคุณยายวัย 88 ปี เปิดเผยว่า ตนเองก็รู้สึกดีใจที่ได้มาเป็นคนแรก ๆ ของการลงคะแนนเพราะมันคือหน้าที่และอยากได้คนดีเข้าไปทำหน้าที่แทนตนเอง ส่วนที่เลือกมาลงคะแนนตั้งแต่เช้าเพราะไม่อยากให้เกิดความแออัดของสถานที่ เนื่องจากคาดว่าในช่วงสายคนจะมาลงคะแนนเยอะ ซึ่งอาจจะเกิดความเสี่ยงในเรื่องของการเฝ้าระวังป้องกันการแพร่ระบาดไวรัสโควิด -19 ได้ โดยหลังจากนี้ก็จะไปที่ไปรษณีย์เพื่อรับสลากกินแบ่งรัฐบาลที่จองไว้ไปจำหน่าย

วันเสาร์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2563

ที่ปรึกษา รมต.นร. ร่วมพิธีเจริญพระพุทธมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคลของแผ่นดินที่นครพนม

 

วันที่ 19 ธันวาคม 2563 ที่วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มอบหมายให้ นางสาวณัฐธ์ภัสส์ ยงใจยุทธ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานฝ่ายฆราวาส นำนายธวัชชัย รอดงาม รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม คณะหัวหน้าส่วนราชการ ตลอดจนนายอำเภอธาตุพนม เจ้าหน้าที่ และพุทธศาสนิกชนจังหวัดนครพนม ร่วมประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคลให้กับแผ่นดินและประชาชนชาวไทยทุกหมู่เหล่าในโอกาสวันชาติและวันพ่อแห่งชาติ 5 ธันวาคม 2563 เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และเพื่อความเป็นสิริมงคลของประเทศ โดยมีพระเทพวรมุนี เจ้าคณะจังหวัดนครพนม เจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนม เป็นประธานฝ่ายสงฆ์

สำหรับพิธีเจริญพระพุทธมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคลของแผ่นดินนั้น เป็นไปตามมติของมหาเถรสมาคม ที่ให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ดำเนินการจัดพิธีโดยพร้อมเพรียงกันทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 23 ตุลาคม 2563 เป็นต้นมา เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้น้อมนำหลักธรรมทางพระพุทธศาสนามาเป็นกรอบแนวคิดในการดำรงชีวิตอย่างมีสติ ทำให้ทุกคนผ่านพ้นวิกฤตการณ์ต่าง ๆ ไปได้ด้วยดี และเพื่อความเป็นสิริมงคลให้กับแผ่นดินและประชาชนชาวไทยทุกหมู่เหล่า ในโอกาสวันชาติและวันพ่อแห่งชาติ 5 ธันวาคม 2563 ซึ่งจากการจัดพิธีพบว่ามีประชาชนจำนวนสนใจเข้าร่วมพิธีเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เพราะการสวดมนต์นั้นก่อให้เกิดอานิสงส์ต่าง ๆ มากมาย ทั้งขับไล่ความขี้เกียจ อารมณ์เบื่อ ทำจิตให้เป็นสมาธิ ทำใจให้มีความสำรวม ยิ่งถ้าผู้สวดรู้ความหมายรู้คำแปลจะยิ่งทำให้ผู้นั้นก่อเกิดปัญญาเพราะต้องพิจารณาและคิดตามไปด้วย จึงมีการขยายระยะเวลาการจัดพิธีจนถึงสิ้นเดือนธันวาคม 2563

โดยในโอกาสนี้พระเทพวรมุนี เจ้าคณะจังหวัดนครพนม เจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนม ได้แสดงพระธรรมเทศนา ใจความตอนหนึ่งว่า คนเราทุกข์อยู่ที่หัว กลัวอยู่ที่ใจและเจ็บอยู่ที่ท้อง ดังนั้นเราจะต้องเอาพระพุทธมาไว้ที่หัว คือการทำสมาธิท่องพุทโธจะทำให้เรารู้ตื่น รู้เบิกบาน รู้เท่าทันในเรื่องต่าง ๆ สิ่งไหนไม่ดีก็ไม่ต้องทำ ต่อมาคือการเอาพระธรรมมาไว้ที่ใจเพื่อเป็นที่เครื่องยึดเหนี่ยวและเป็นที่พึ่งทางใจ ทำให้เรารู้จักอดทน ข่มใจ ใจเย็น ซึ่งจะทำให้เราหายหวาดกลัวในเรื่องต่าง ๆ และสุดท้ายคือเจ็บอยู่ที่ท้องเป็นเพราะเราไม่รู้จักพอเพียง กินมากเกินไป อยากได้มากเกินไป ใช้มากเกินความจำเป็น ซึ่งถ้าเรารู้จักการพอเพียงที่สมควรกับฐานะของตนเอง ก็จะทำให้ไม่เจ็บปวด ไม่ทรมาน ทั้งยังสามารถเผื่อแผ่แก่ผู้อื่นที่เดือดร้อนได้ ซึ่งถ้าเราทำได้ทั้ง 3 อย่าง ก็จะทำให้ทุกคนอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข

วันศุกร์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2563

คกก.นครพนม ขันน๊อตมาตรการป้องกันโควิด พร้อมคาดโทษผู้ละเมิด รับเทศกาลปีใหม่

วันที่ 18 ธันวาคม 2563 ที่ห้องประชุมพระธาตุนคร ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดนครพนม นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนครพนม ครั้งที่ 31/2563 และประชุมทางไกลร่วมกับนายอำเภอผ่านระบบ VDO Conference เพื่อติดตามสถานการณ์ ผลการดำเนินงานและประเด็นปัญหาการเฝ้าระวังป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโควิด -19 รวมถึงพิจารณาการจัดการแข่งขันกีฬาครูและบุคคลากรทางการศึกษาโรงเรียนอนุบาลประจำจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ครั้งที่ 11 ประจำปี 2563 การจัดงานรำลึก 60 ปี หอนาฬิกาเวียดนามอนุสรณ์คราวย้ายกลับปิตุภูมิ และการขอผ่อนปรนขนส่งสินค้าข้ามแดนเป็นการชั่วคราว ที่บริเวณท่าเทียบเรือบ้านโพธิ์ไทร อำเภอบ้านแพง นอกจากนี้ยังมีกรณีการแบ่งพื้นที่รับผิดชอบศูนย์โควิด – 19  และข้อสั่งการจากกระทรวงมหาดไทย รวมถึงการดำเนินงานในช่วงเทศกาลปีใหม่ ตามมาตรการเฝ้าระวังอุบัติเหตุ 7 วันอันตราย และมาตรการป้องกันควบคุมโควิด – 19


โดยในส่วนของสถานการณ์ covid 19 ทั่วโลกนั้น พบว่าไวรัสมีการกลายพันธุ์และพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นในหลายพื้นที่ ขณะที่ประเทศไทยก็มีการพบผู้ติดเชื้อเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ในส่วนของจังหวัดนครพนมยังไม่พบผู้ติดเชื้อมาแล้ว 247 วัน นับจากวันที่กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ประกาศรายสุดท้ายของจังหวัดนครพนมไปเมื่อวันที่ 13 เมษายน 2563 โดยจังหวัดนครพนมมีผู้ป่วยที่เข้าเกณฑ์การเฝ้าระวังและสอบสวนโรค pui covid 19 แบ่งเป็น ผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง 90 ราย ผู้ป่วยปอดอักเสบหาสาเหตุไม่ได้ 62 ราย ผู้ที่เดินทางมาจากประเทศ 30 ราย บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข 12 ราย สำหรับประเด็นปัญหาในการเฝ้าระวังป้องกันและควบคุมโรคจากการลงพื้นที่ตรวจประเมินสถานประกอบการภายในจังหวัดนครพนมพบว่า ร้านจำหน่ายอาหารหรือเครื่องดื่ม ร้านสะดวกซื้อ ร้านค้าปลีกค้าส่ง ร้านเสริมสวยแต่งผมหรือตัดผมสำหรับสุภาพบุรุษหรือสตรี โรงแรม รีสอร์ท ที่พัก สถานที่ออกกำลังกาย และตลาดบางแห่งไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานตามที่กำหนด จึงได้มีการแจ้งเตือนให้ปรับปรุงเป็นการด่วนพร้อมคาดโทษหากตรวจพบในครั้งต่อไปจะให้ปิดเป็นเวลา 14 วัน ส่วนการขอผ่อนปรนขนส่งสินค้าข้ามแดนเป็นการชั่วคราวและการจัดกิจกรรมนั้น มติที่ประชุมได้มีการอนุญาตให้ดำเนินการได้แต่ต้องอยู่ภายใต้การควบคุมและการดำเนินงานเฝ้าระวังป้องกันการแพร่ระบาดไวรัสโควิด – 19 ที่ได้มาตรฐานทุกประการ ส่วนกรณีการแบ่งพื้นที่รับผิดชอบศูนย์โควิด – 19 แบ่งการปฏิบัติเป็นพื้นที่ชายแดน พื้นที่ตอนใน และพื้นที่หมู่บ้าน/ชุมชน ซึ่งทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องจะมีการบูรณาการงานร่วมกัน หากพบบุคคลที่เดินทางจากพื้นที่เสี่ยง ให้ดำเนินการตามมาตรการเฝ้าระวังป้องกันไวรัสโควิด- 19 กรณีพบการละเมิดให้พิจารณาดำเนินการตามกฎหมายทุกราย เช่นพบการลักลอบข้ามชายแดนเข้ามาในพื้นที่ เมื่อกักตัวครบ 14 วันแล้วให้ส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย ทั้งนี้มติที่ประชุมได้เน้นย้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสร้างการรับรู้เข้าใจ และขอความร่วมมือกับประชาชนและภาคประชาสังคมในการปฏิบัติตัวในการเฝ้าระวังป้องกันไวรัสโควิด – 19 ที่ต้องมีการตรวจคัดกรองวัดอุณหภูมิร่างกาย เว้นระยะห่าง ล้างมือ และสวมแมสหรือหน้ากากผ้า เพื่อเป็นการสร้างเกาะป้องกันให้กับตนเองและทุกคน สำหรับมาตรการเฝ้าระวังอุบัติเหตุ 7 วันอันตราย และมาตรการป้องกันควบคุมโควิด – 19 ในช่วงเทศกาลปีใหม่นั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมได้เน้นย้ำให้ผู้รับผิดชอบประสานกับผู้ประกอบการที่กำลังดำเนินการสร้างและปรับปรุงซ่อมแซมถนนให้มีการติดตั้งป้ายสัญญาณจราจร ป้ายแจ้งเตือนและไฟส่องสว่างให้เพียงพอทุกจุด ให้ทุกอำเภอบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้มข้นในเรื่อง เมาขับ เสพขับ โดยเฉพาะกรณีคนที่ประสบเหตุเป็นเด็ก ให้สืบสวนเอาผิดถึงผู้ที่จำหน่ายจ่ายแจกทุกราย

วันพฤหัสบดีที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2563

รองผู้ว่านครพนม ชวนน้อมรำลึกพระมหากรุณาธิคุณ ร.9 นำเรื่องดินสู่การปฏิบัติพัฒนาแปลงเกษตร ในงานวันดินโลก

 

วันที่ 17 ธันวาคม 2563 ที่สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดนครพนม นายธวัชชัย รอดงาม รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการและคณะทำงานวันดินโลกจังหวัดนครพนมว่า ดินเป็นทรัพยากรที่สำคัญต่อการเกษตรอย่างมาก เพราะเป็นปัจจัยพื้นฐานในการดำรงชีวิตของพืช ซึ่งดินที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยแร่ธาตุจะทำให้พืชเจริญเติบโตได้ดี และดินก็ยังมีอีกหลายส่วนที่มีความสำคัญไม่แพ้กัน เช่น ลักษณะทางกายภาพที่ช่วยในการยึดเกาะของรากพืชเพื่อให้ลำต้นไม่ล้มเอียง การเก็บกักน้ำเพื่อการเจริญเติบโตของพืช การให้อากาศแก่รากพืชเพื่อการหายใจ และด้วยพระอัจฉริยภาพ พระปรีชาสามารถ ในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ที่ทรงเห็นว่าดินเป็นปัจจัยพื้นฐานสำคัญในการสร้างสมดุลให้สภาพแวดล้อม จึงทรงให้ความสำคัญกับดินเช่นเดียวกับน้ำ โดยพระองค์ท่านทรงริเริ่มโครงการพัฒนาที่ดินมาตั้งแต่ปี  2511 เพื่อพลิกฟื้นผืนดินที่เสื่อมโทรมให้กลับมามีสภาพที่ดีขึ้น สามารถใช้ในการเพาะปลูกทำการเกษตรได้ โดยทรงพระราชทานแนวพระราชดำริควบคู่ไปกับการจัดตั้งศูนย์พัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เพื่อให้ทุกคนได้มาศึกษา เรียนรู้และนำไปปรับแก้ปัญหาเรื่องดินของตนเอง ส่งผลให้สหภาพวิทยาศาสตร์ทางดินนานาชาติ ได้มีมติทูลเกล้าฯ ถวายรางวัลนักวิทยาศาสตร์ดินเพื่อมนุษยธรรม แด่พระองค์ท่านเป็นพระองค์แรกของโลก เมื่อวันที่ 16 เมษายน 2555 เพื่อเป็นการยกย่องและถวายราชสดุดีพระเกียรติคุณให้เป็นที่ประจักษ์ ถึงพระวิสัยทัศน์และพระราชกรณียกิจเกี่ยวกับการพัฒนาและอนุรักษ์ทรัพยากรดินอย่างยั่งยืน และในโอกาสเดียวกันนี้ผู้บริหารสหภาพวิทยาศาสตร์ทางดินนานาชาติ ได้ขอพระราชทานให้วันที่ 5 ธันวาคมของทุกปีเป็นวันดินโลก world soil day โดยได้มีการบรรจุไว้ในปฏิทินปฏิบัติงานขององค์การสหประชาชาติอย่างเป็นทางการตั้งแต่ปี 2556 เป็นต้นมา ซึ่งทุก ๆ ปีเมื่อครบรอบประเทศสมาชิกจะมีการจัดกิจกรรมในวันสำคัญนี้


โดยในส่วนของจังหวัดนครพนม ปีนี้ได้เตรียมจัดงานวันดินโลกในวันที่ 23 ธันวาคม 2563 ที่สถานีพัฒนาที่ดินนครพนม ตำบลหนองญาติ อำเภอเมืองนครพนม ภายใต้แนวคิด Keep soil alive, Protect soil biodiversity รักษ์ปฐพี คืนชีวีที่หลากหลายให้ผืนดิน และภายใต้มาตรการเฝ้าระวังป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด – 19  ซึ่งภายในงานจะมีกิจกรรมต่าง ๆ อย่างมากมาย เพื่อถ่ายทอดความรู้ให้กับผู้ที่มาร่วมงาน เริ่มตั้งแต่ประตูทางเข้าที่จะมีแปลงปอเทืองให้ทุกคนได้เช็คอินภาพสวย ๆ พร้อมกับเรียนรู้ถึงคุณประโยชน์ของปอเทืองในการนำมาปรับปรุงบำรุงดิน และเมื่อเข้ามาภายในงานก็จะมีนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ ให้ทุกคนได้เห็นถึงพระอัจฉริยภาพของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจด้านทรัพยากรดินจนเป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาชาวโลก นอกจากนี้ก็ยังมีแปลงลิ้นจี่ นพ 1. ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจ Gi ของนครพนมให้ทุกคนได้มาศึกษา มีนิทรรศการฐานความรู้ต่าง ๆ ที่หน่วยงานราชการได้บูรณาการร่วมกันมาจัดแสดง ทั้งภาควิชาการและการสาธิตวิธีปฏิบัติให้ได้เห็นขั้นตอนพร้อมกับการตอบข้อซักถามข้อสงสัย ไม่ว่าจะเป็น ด้านพืช ประมง ปศูสัตว์ การน้อมนำหลักเกษตรทฤษฎีใหม่ไปปรับใช้ในพื้นที่ การดูแลรักษาและการปรับปรุงบำรุงดินในลักษณะต่าง ๆ  การผลิตปุ๋ยและสารบำรุงดินไว้ใช้เองเพื่อลดต้นทุนการผลิต รวมไปถึงการจำหน่ายผลผลิตทางการการเกษตรจากเกษตรกรในพื้นที่และการจำหน่ายสินค้า OTOP ขึ้นชื่อของจังหวัดนครพนม จึงอยากขอเชิญชวนทุกท่านมาร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ไปพร้อม ๆ กันรับรองว่าจะได้รับองค์ความรู้ดี ๆ กับไปดูแลดินพัฒนาแปลงเกษตรของตนเองอย่างแน่นอน

วันอังคารที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2563

ททท.นครพนม เนรมิตอุโมงค์ดาว สร้าง Open House จุดเช็คอินรับนักท่องเที่ยวช่วงคริสต์มาสและปีใหม่ 64

 

วันที่ 15 ธันวาคม 2563 ที่บริเวณการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนครพนม ถนนสุนทรวิจิตร เขตเทศบาลเมืองนครพนม ได้มีการเปิดตัว Open House จุดเช็คอินอีกแห่งรองรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาเยือนจังหวัดนครพนมในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและเทศกาลปีใหม่ 2564  โดยได้มีการเนรมิตอุโมงค์ไฟประดับด้วยดวงดาวน้อยใหญ่ สร้างจากประตูทางเข้าจนถึงบันไดขึ้นตัวอาคารสำนักงานซึ่งเป็นตึกแบบโคโลเนียล ที่มีการก่อสร้างแบบตะวันตกและดัดแปลงให้เข้ากับความเป็นไทย กลายเป็นการผสมผสานที่ลงตัวทั้งหรูหราและคลาสสิกในเวลาเดียวกัน

นางสาวกนกวรรณ ดุงศรีแก้ว ผู้อำนวยการ ททท. สำนักงานนครพนม เปิดเผยว่า Open House ที่เกิดขึ้นนี้มาจากโครงการหน้าบ้าน น่ามอง ของจังหวัดนครพนม ที่ทุกส่วนราชการอยากทำให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้เห็นถึงความสะอาด สิ่งสวยงามของบ้านพักข้าราชการ สำนักงานของหน่วยงานต่าง ๆ ที่มีความโดดเด่นด้วยเอกลักษณ์เฉพาะของตัวอาคาร แล้วเกิดความประทับใจตั้งแต่วินาทีแรกที่มาสัมผัส โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนครพนม ได้นำแนวนโยบายนั้นมาสานต่อและเนรมิตอุโมงค์ไฟขึ้นมาให้ทุกคนได้มาเช็คอินสถานที่แห่งนี้อีกแห่ง ซึ่งถ้าใครมาตรงนี้ในเวลากลางวันจะได้มุมภาพที่สวยแปลกตากับตัวอาคารอันโดดเด่นที่เป็นสถาปัตยกรรมแบบตะวันตกผสมกับไทย พร้อมกับบรรยากาศริมฝั่งแม่น้ำที่เป็นทิวเขาทอดยาวตามแม่น้ำโขง ขณะที่ในช่วงเย็นทางสำนักงานจะมีการเปิดไฟให้กับอุโมงค์ดาว ก็จะทำให้เกิดมุมมองในอีกมิติที่สวยงามแตกต่างออกไป โดยจะเปิดให้ทุกคนได้มาถ่ายภาพสวย ๆ จนถึงเวลา 21.00 น.


ด้านนายสุวิทย์ จันทร์หวร รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า ในช่วงเทศกาลท่องเที่ยวฤดูหนาวของทุก ๆ ปี จังหวัดนครพนมมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่เสมอ โดยในปีนี้จะมีความแตกต่างจากทุกปี เพราะอยู่ในมาตรการเฝ้าระวังป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด -19 ซึ่งการจัดงาน Winter Festival ยังคงมีอยู่ เป็นซีรีย์ที่ 3 มีชื่อตอนว่า สีสันแห่งสายลม Cocols of the wind โดยกิจกรรม เช่น อุโมงค์ไฟที่ยาวที่สุดริมฝั่งโขงก็จะยังคงมีเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือการสร้างจุดเช็คอินสวย ๆ ริมฝั่งโขงเพิ่มขึ้นมาอีก ที่บริเวณลานกีฬาสวรรค์ชายโขง ด้านหลังโรงแรมฟอร์จูน ซึ่งตรงนั้นจะเป็นบ้านไม้โบราณของ 8 ชมเผ่า 2 เชื้อชาติ ที่ชาวบ้านจาก 12 อำเภอ ได้ร่วมแรงร่วมใจกันสร้างขึ้นมาพร้อมกับมีการประดับตกแต่งให้มีความสวยงามด้วยธุงอีสานและเอกลักษณ์เฉพาะถิ่นของแต่ละชุมชน ซึ่งถ้าไปเช็คอินตรงนั้นก็จะได้บรรยากาศแบบพื้นบ้านอีสาน รวมถึงมีการแสดงสินค้าพื้นถิ่น สินค้า OTOP ให้ทุกคนได้มาจับจองซื้อหาเป็นของฝาก ของที่ระลึก สำหรับคนทางบ้านและบุคคลอันเป็นที่รักด้วย จึงอยากขอเชิญชวนทุกท่านได้มาสัมผัสและร่วมเฉลิมฉลอง เช็ค ชม แชะ ช๊อปและแชร์ กับประชาชนชาวจังหวัดนครพนมในช่วงเทศกาลแห่งความสุข เทศกาลคริสมาสต์และเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2564 นี้

วันอาทิตย์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2563

นักท่องเที่ยวแห่ชมหุ่นปลายักษ์เคลื่อนไหว งาน Fish Town Paradise @ Nakhon Phanom

 

วันที่ 13 ธันวาคม 2563 ที่จังหวัดนครพนม บรรยากาศการท่องเที่ยวยังเป็นไปด้วยความคึกคักของประชาชนและนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะที่อำเภอศรีสงครามจะมีมากเป็นพิเศษ เพราะมีการจัดงาน Fish Town Paradise @ Nakhon Phanom หรืองานประเพณีมหกรรมเทศกาลปลาลุ่มน้ำสงคราม ซึ่งชุมชนต่าง ๆ ในอำเภอศรีสงคราม ได้ร่วมกันสร้างปลาขนาดใหญ่ ที่มีรูปร่างและสีสันเหมือนปลาในลุ่มน้ำสงคราม แม่น้ำโขงให้สามารถเคลื่อนไหวได้เสมือนจริง มาจัดแสดงให้ทุกคนได้ศึกษาและเรียนรู้ระบบนิเวศของลุ่มแห่งนี้ เป็นการปลูกฝัง สร้างจิตสำนึก ให้ทุกคนได้หันมาใส่ใจ ห่วงแหนและร่วมกันอนุรักษ์ ป้องกันไม่ให้ปลานานาชนิดที่อาศัยอยู่ในลุ่มน้ำแห่งนี้สูญพันธุ์ไป ทั้งเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่ให้เป็นที่รู้จักและแพร่หลายมากยิ่งขึ้น

โดยปลาที่สร้างขึ้นมานั้นจะใช้แบตเตอรี่รถยนต์เป็นแหล่งจ่ายพลังงาน และมีระบบฟันเฟืองที่ใช้มอเตอร์เป็นตัวขับเคลื่อนให้ปลาเคลื่อนไหวในลักษณ์ต่าง ๆ ซึ่งปลาที่นำมาสร้างในครั้งนี้ มีทั้งสิ้น 10 ตัว โดยแต่ละตัวจะมีความกว้างประมาณ 30 - 80 เซนติเมตร ความยาวประมาณ 2-3 เมตร และสูงประมาณ 1-2 เมตร ประกอบไปด้วย ปลาตะเพียนขาว มีลักษณะลำตัวสีน้ำเงิน เกล็ดบนเส้นข้างลำตัว 33-36 เกล็ด เกล็ดรอบคอหาง 16 เกล็ด ลำตัวป้อมและแบนข้าง ชอบกินพืชน้ำและตัวอ่อนแมลง ปลากระสูบขีด ด้านข้างลำตัวมีแถบขวางบริเวณใต้ครีบหลังลงมาถึงท้อง ขนาดใหญ่เต็มที่ 70  เซนติเมตร ปลาแก้มช้ำ มีลักษณะคล้ายปลาตะเพียนแต่จะมีลำตัวเพรียวกว่า ส่วนหัวมีหนวด 2 คู่ที่มุมปาก พบในทุกภาคของประเทศไทย ปลาเสือตอลายใหญ่ มีรูปร่างแบนข้าง ครีบก้นเล็กมีก้านครีบแข็ง มีแถบสีดำคาดขวางลำตัวในแนวเฉียง ขนาดโตสุดหนักได้ถึง 7 กิโลกรัม ปลานาง เป็นปลาเนื้ออ่อนที่ประชาชนพื้นถิ่นชอบรับประทานเพราะมีกลิ่นคาวน้อย เนื้อละเอียด มีรสหวาน นิยมนำมาทอดกรอบและทำแกงฉู่ฉี่เพราะทานได้ทั้งตัว ปลายี่สก ซึ่งจัดอยู่ในวงปลาตะเพียน ตัวเรียวยาว แบนข้าง หัวค่อนข้างโต ครีบทุกครีบสีชมพูอ่อนปนแดง ปลากระดี่หม้อ หรือที่ชาวอีสานเรียกปลากระเดิด เป็นปลาพื้นบ้านของไทยอีกชนิดที่นิยมจับมาทำอาหาร ปลาสร้อยนกเขา หรือปลาอีไท มีลักษณะลำตัวข่อนข้างแบน ปากเล็ก ความยาวเมื่อโตเต็มที่ประมาณ 30 เซนติเมตร และปลาไนทอง ชอบกินตระไคร้น้ำ แหนชนิดต่างๆ รวมถึงลูกกุ้ง หอยและซากสัตว์ โดยพันธ์ุดังเดิมอยู่ที่ประเทศจีนและญี่ปุ่น

นอกจากนี้ผู้ที่มาร่วมงานยังจะได้รับชม การรำบวงสรวงจากนางรำชุมชนต่าง ๆ จำนวน 500 ชีวิต เพื่อเป็นการขอขมาลาโทษแม่น้ำสงครามกับทุกสิ่งที่ได้ล่วงเกินตลอดปีที่ผ่านมา ชมซุ้มวิถีชีวิตคนลุ่มน้ำสงคราม ลิ้มชิมรสกับเมนูอาหารปลาเนื้ออ่อน การเปิดตลาดสินค้าผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูปจากปลานานาชนิด  สินค้า OTOP ขึ้นชื่อของชาวศรีสงคราม การประกวดร้องเพลง การแสดงศิลปินวัฒนธรรมพื้นถิ่น การประกวดเทพีปลา การ ประกวดท่องสรภัญญะนิทานพื้นบ้าน ประกวดนาฏศิลป์พื้นบ้านอีสาน ประกวดธิดาปลาจำแลง การแข่งขันชกมวย การแสดงดนตรีลูกทุ่งหมอลำ การแสดงจากศิลปินนักร้องชื่อดัง และการออกซุ่มมัจฉาพาโชคเพื่อหารายได้มาสนับสนุนงานกิจการกาชาดอำเภอศรีสงคราม เพื่อนำไปช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนในพื้นที่ โดยงานในครั้งนี้จะมีไปจนถึงวันที่ 18 ธันวาคม 2563