วันที่ 17 ธันวาคม 2563 ที่สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดนครพนม นายธวัชชัย รอดงาม รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการและคณะทำงานวันดินโลกจังหวัดนครพนมว่า ดินเป็นทรัพยากรที่สำคัญต่อการเกษตรอย่างมาก เพราะเป็นปัจจัยพื้นฐานในการดำรงชีวิตของพืช ซึ่งดินที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยแร่ธาตุจะทำให้พืชเจริญเติบโตได้ดี และดินก็ยังมีอีกหลายส่วนที่มีความสำคัญไม่แพ้กัน เช่น ลักษณะทางกายภาพที่ช่วยในการยึดเกาะของรากพืชเพื่อให้ลำต้นไม่ล้มเอียง การเก็บกักน้ำเพื่อการเจริญเติบโตของพืช การให้อากาศแก่รากพืชเพื่อการหายใจ และด้วยพระอัจฉริยภาพ พระปรีชาสามารถ ในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ที่ทรงเห็นว่าดินเป็นปัจจัยพื้นฐานสำคัญในการสร้างสมดุลให้สภาพแวดล้อม จึงทรงให้ความสำคัญกับดินเช่นเดียวกับน้ำ โดยพระองค์ท่านทรงริเริ่มโครงการพัฒนาที่ดินมาตั้งแต่ปี 2511 เพื่อพลิกฟื้นผืนดินที่เสื่อมโทรมให้กลับมามีสภาพที่ดีขึ้น สามารถใช้ในการเพาะปลูกทำการเกษตรได้ โดยทรงพระราชทานแนวพระราชดำริควบคู่ไปกับการจัดตั้งศูนย์พัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เพื่อให้ทุกคนได้มาศึกษา เรียนรู้และนำไปปรับแก้ปัญหาเรื่องดินของตนเอง ส่งผลให้สหภาพวิทยาศาสตร์ทางดินนานาชาติ ได้มีมติทูลเกล้าฯ ถวายรางวัลนักวิทยาศาสตร์ดินเพื่อมนุษยธรรม แด่พระองค์ท่านเป็นพระองค์แรกของโลก เมื่อวันที่ 16 เมษายน 2555 เพื่อเป็นการยกย่องและถวายราชสดุดีพระเกียรติคุณให้เป็นที่ประจักษ์ ถึงพระวิสัยทัศน์และพระราชกรณียกิจเกี่ยวกับการพัฒนาและอนุรักษ์ทรัพยากรดินอย่างยั่งยืน และในโอกาสเดียวกันนี้ผู้บริหารสหภาพวิทยาศาสตร์ทางดินนานาชาติ ได้ขอพระราชทานให้วันที่ 5 ธันวาคมของทุกปีเป็นวันดินโลก world soil day โดยได้มีการบรรจุไว้ในปฏิทินปฏิบัติงานขององค์การสหประชาชาติอย่างเป็นทางการตั้งแต่ปี 2556 เป็นต้นมา ซึ่งทุก ๆ ปีเมื่อครบรอบประเทศสมาชิกจะมีการจัดกิจกรรมในวันสำคัญนี้
โดยในส่วนของจังหวัดนครพนม ปีนี้ได้เตรียมจัดงานวันดินโลกในวันที่
23 ธันวาคม 2563 ที่สถานีพัฒนาที่ดินนครพนม ตำบลหนองญาติ อำเภอเมืองนครพนม ภายใต้แนวคิด
Keep soil alive,
Protect soil biodiversity รักษ์ปฐพี คืนชีวีที่หลากหลายให้ผืนดิน
และภายใต้มาตรการเฝ้าระวังป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด
– 19 ซึ่งภายในงานจะมีกิจกรรมต่าง ๆ อย่างมากมาย
เพื่อถ่ายทอดความรู้ให้กับผู้ที่มาร่วมงาน เริ่มตั้งแต่ประตูทางเข้าที่จะมีแปลงปอเทืองให้ทุกคนได้เช็คอินภาพสวย
ๆ พร้อมกับเรียนรู้ถึงคุณประโยชน์ของปอเทืองในการนำมาปรับปรุงบำรุงดิน
และเมื่อเข้ามาภายในงานก็จะมีนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ ให้ทุกคนได้เห็นถึงพระอัจฉริยภาพของในหลวงรัชกาลที่
9 ที่ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจด้านทรัพยากรดินจนเป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาชาวโลก
นอกจากนี้ก็ยังมีแปลงลิ้นจี่ นพ 1. ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจ Gi ของนครพนมให้ทุกคนได้มาศึกษา
มีนิทรรศการฐานความรู้ต่าง ๆ ที่หน่วยงานราชการได้บูรณาการร่วมกันมาจัดแสดง
ทั้งภาควิชาการและการสาธิตวิธีปฏิบัติให้ได้เห็นขั้นตอนพร้อมกับการตอบข้อซักถามข้อสงสัย
ไม่ว่าจะเป็น ด้านพืช ประมง ปศูสัตว์ การน้อมนำหลักเกษตรทฤษฎีใหม่ไปปรับใช้ในพื้นที่
การดูแลรักษาและการปรับปรุงบำรุงดินในลักษณะต่าง ๆ การผลิตปุ๋ยและสารบำรุงดินไว้ใช้เองเพื่อลดต้นทุนการผลิต
รวมไปถึงการจำหน่ายผลผลิตทางการการเกษตรจากเกษตรกรในพื้นที่และการจำหน่ายสินค้า OTOP ขึ้นชื่อของจังหวัดนครพนม
จึงอยากขอเชิญชวนทุกท่านมาร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ไปพร้อม ๆ กันรับรองว่าจะได้รับองค์ความรู้ดี
ๆ กับไปดูแลดินพัฒนาแปลงเกษตรของตนเองอย่างแน่นอน

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น