วันที่ 6 ธันวาคม 2563 ที่จังหวัดนครพนม นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย(มท.2) และคณะลงพื้นที่ติดตามการแก้ปัญหากรณีที่ดินสาธารณประโยชน์โคกภูกระแต – บ้านไผ่ล้อม ตำบลอาจสามารถ อำเภอเมืองนครพนม และที่ดินสาธารณประโยชน์ดงคัดเค้า ตำบลอุ่มเหม้า อำเภอธาตุพนม และตำบลพุ่มแก อำเภอนาแก โดยได้มีการร่วมประชุมกับนายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม นายธวัชชัย รอดงาม รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม คณะหัวหน้าส่วนราชการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและตัวแทนสมัชชาคนจน เพื่อหารือแนวทางร่วมกัน จากนั้นจึงได้ลงพื้นที่เยี่ยม พูดคุย ชี้แจงถึงแนวทางการแก้ไขปัญหากับกลุ่มสมัชชาคนจนในพื้นที่
นายนิพนธ์ บุญญามณี
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.2) เปิดเผยว่า วันนี้เป็นการลงพื้นที่
จังหวัดนครพนมในนามของคณะอนุกรรมการแก้ปัญหาให้กับพี่น้องเกษตรกรสมัชชาคนจน ซึ่งมีปัญหาที่ดินสาธารณประโยชน์อยู่
2 แปลง
โดยในที่ประชุมคณะอนุกรรมการได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่ายเป็นอย่างดียิ่ง ทั้งจากทางจังหวัดนครพนม
ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม หัวหน้าส่วนราชการ ที่ดินจังหวัดและอำเภอ
ตลอดจนตัวแทนสมัชชาคนจน โดยมีความเห็นพ้องต้องกันถึงแนวทางที่จะแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนจนได้ข้อยุติและจะได้นำเสนอต่อคณะกรรมการชุดใหญ่ที่มีรองนายกรัฐมนตรี
พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นประธาน ซึ่งตนเองคิดว่าการแก้ปัญหาโดยใช้รูปแบบอย่างนี้จะทำให้พี่น้องเกษตรกรได้ทราบผล
ได้รู้ถึงการแก้ปัญหาและเห็นถึงการปฏิบัติหน้าที่ของทุกฝ่ายได้เป็นอย่างดี ซึ่งในมติที่ประชุมเห็นพ้องต้องกันว่าให้นำกฎหมายปฏิรูปที่ดินมาใช้ในการแก้ปัญหาสำหรับที่ดินแปลงแรก
คือที่ดินสาธารณประโยชน์โคกภูกระแต – บ้านไผ่ล้อม ตำบลอาจสามารถ อำเภอเมืองนครพนม ส่วนที่อีก
1 แปลง
คือที่ดินสาธารณประโยชน์ดงคัดเค้า ตำบลอุ่มเหม้า อำเภอธาตุพนม และตำบลพุ่มแก
อำเภอนาแก ให้มีการรางวัดตรวจสอบแนวเขตใหม่ให้ชัดเจนเพื่อตรวจสอบหนังสือสำคัญที่หลวงที่เคยขึ้นทะเบียนไว้เมื่อปี
2529 และปี 2539
ในหนังสือสำคัญที่ดินหลวง 3 แปลง
หากพื้นที่ดังกล่าวมีแนวเขตชัดเจนแล้ว จะมาดูอีกครั้งเป็นกรณีไปว่าเกษตรกรรายใดเข้าไปทำประโยชน์ในพื้นที่ส่วนใด
พื้นที่ใดขึ้นทะเบียนบ้าง จากนั้นจะได้นำไปสู่การพิจารณาในโอกาสต่อไป โดยทางกรมที่ดินได้รับไปเร่งรัดดำเนินการในเรื่องนี้
ขณะเดียวกันในส่วนของข้อกรณีพิพาท ได้ขอความกรุณาผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมให้ดูในเรื่องนี้
โดยให้ทางจังหวัดนครพนมไปหารือกับอัยการดูว่าในการดำเนินคดีจะดำเนินการอย่างไรต่อไป
เพราะคดีอยู่ในชั้นศาลแล้ว ขั้นตอนจะต้องเป็นไปตามกฎหมาย ส่วนการดำเนินการอย่างไรนั้น
ต้องไปดูว่าเงื่อนไขทางกฎหมายว่าจะสามารถดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดได้บ้างต่อไปอีกครั้ง

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น