วันพฤหัสบดีที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2565

จังหวัดนครพนม ประกอบพิธีวันรำลึกพระมหาเจษฎาเจ้าและวันข้าราชการพลเรือนประจำปี 2565

วันที่ 31 มีนาคม 2565 ที่หอประชุมศรีโคตรบูรณ์ วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนีนครพนม มหาวิทยาลัยนครพนม นายชาธิป รุจนเสรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานนำคณะหัวหน้าส่วนราชการ ศาล ทหาร ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ส่วนราชการต่าง ๆ ร่วมกันประกอบพิธีถวายราชสดุดีแด่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 เนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพและวันวันเจษฎาบดินทร์ เพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน ที่ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจอันน้อยใหญ่นานัปการ ในการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา รักษาบ้านเมือง ด้านการศึกษาและด้านอื่น ๆ ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อพสกนิกรชาวไทยและประเทศชาติ ครั้นเมื่อพระองค์เสด็จสวรรคตล่วงเลยมา 43 ปี พระองค์ก็ยังทรงได้โปรดพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ (เงินถุงแดง) ไว้เพื่อประโยชน์แก่แผ่นดิน ซึ่งเงินจำนวนนี้สามารถใช้กอบกู้เอกราชในดินแดนบางส่วนและรักษาอำนาจอธิปไตยไว้ได้มาจนถึงทุกวันนี้ ดังนั้นประชาชนชาวไทยและรัฐบาล จึงพร้อมใจกันประดิษฐานพระราชานุสาวรีย์ ณ ลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์ หน้าวัดราชนัดดาราม ในปี พ.ศ.2541 รวมทั้งทางราชการก็ได้มีการถวายพระราชสมัญญาว่า "พระมหาเจษฎาราชเจ้า” และคณะรัฐมนตรีมีมติให้วันที่ 31 มีนาคมของทุกปีเป็น วันระลึกพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหาเจษฎาราชเจ้า หรือ วันเจษฎาบดินทร์

จากนั้นได้ประกอบพิธีวันข้าราชการพลเรือน ประจำปี 2565 เพื่อให้ประชาชนได้เข้าใจถึงบทบาทและหน้าที่ของข้าราชการในการเป็นผู้ให้บริการ เสียสละ และอุทิศเวลาเพื่อประโยชน์ต่อส่วนรวม รวมถึงเพื่อให้ข้าราชการได้ตระหนักถึงเกียรติ หน้าที่ ความสามัคคี ซื่อสัตย์ ซึ่งเป็นคุณสมบัติของข้าราชการอันจะเปลี่ยนภาพพจน์ ทัศนคติของประชาชนที่มีต่อข้าราชการให้เป็นไปในทางที่ดีขึ้น ทั้งเป็นการเผยแพร่ผลงานใหม่ ๆ ของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการประชาชน และเป็นการยกย่องส่งเสริมข้าราชการที่มีความประพฤติและผลการปฏิบัติงานดีเด่น และเผยแพร่เกียรติคุณของข้าราชการดีเด่นให้ปรากฏ อันจะช่วยสร้างขวัญกำลังใจให้ข้าราชการกระทำความดีตลอดไป โดยได้กำหนดให้วันที่ 1 เมษายนของทุกปีเป็นวันข้าราชการพลเรือน เพราะเป็นวันที่ได้มีการประกาศบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการฉบับแรก คือ พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พุทธศักราช 2472 รวมถึงเป็นเครื่องแสดงถึงกตเวทิคุณสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ในพระมหาจักรีบรมราชวงศ์ ซึ่งเป็นผู้ทรงวางรากฐานระเบียบข้าราชการพลเรือนไทยสมัยใหม่ขึ้นมา

โดยในพิธีดังกล่าวได้มอบเกียรติบัตรและเข็มเชิดชูเกียรติ (ครุฑทองคำ) แก่ข้าราชการดีเด่นระดับประเทศของจังหวัดนครพนม จำนวน 4 ราย ประกอบไปด้วย ว่าที่ร้อยตรีเอก วัฒนา คงคาน้อย นายอำเภอปลาปาก ที่ทำการปกครองอำเภอปลาปาก นางณัฏฐ์ฎาพร ศรีประดิษฐ์ พยาบาลวิชาชีพชำนาญการพิเศษ โรงพยาบาลนครพนม นางวรนุช กรุงเกตุ ผู้อำนวยการกลุ่มงานส่งเสริมการพัฒนาชุมชน สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดนครพนม และนายณัฐวุฒิ ไวกิจอเนก ปลัดอำเภอศรีสงคราม ที่ทำการปกครองอำเภอศรีสงคราม และมอบเกียรติบัตรแก่ข้าราชการพลเรือนดีเด่นระดับจังหวัด จำนวน 14 ราย เพื่อเป็นยกย่องเชิดชูเกียรติข้าราชการที่ประพฤติปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดีแก่เพื่อนข้าราชการด้วยกัน


วันพุธที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2565

พ่อเมืองนครพนม ประสานไปรษณีย์ไทย และ Tops Market รับซื้อสับปะรดท่าอุเทน ช่วยเกษตรกรในพื้นที่

วันที่ 30 มีนาคม 2565 ที่อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม นายชาธิป รุจนเสรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า สับปะรดท่าอุเทน เป็นสับปะรดขึ้นชื่อของจังหวัดนครพนม เป็นสินค้าที่ได้รับการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์จากกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ (Geographical Indications หรือ GI) โดยเป็นสับปะรดพันธุ์ปัตตาเวียสายน้ำผึ้ง ที่พอเกษตรกรชาวสวนนำมาปลูกในพื้นที่แล้วกลายพันธุ์ ด้วยสภาพพื้นที่และภูมิอากาศที่เหมาะสมทำให้มีคุณลักษณะที่โดดเด่นเฉพาะตัว คือ มีรสชาติหวานฉ่ำ กลิ่นหอม ไม่กัดลิ้นและตาตื้นจึงเป็นที่ชื่นชอบของหลาย ๆ คน โดยปัจจุบันมีเกษตรกรประมาณ 1,320 ราย ในพื้นที่อำเภอท่าอุเทน และอำเภอโพนสวรรค์ปลูกเพื่อจำหน่าย พื้นที่รวมประมาณ 6,330 ไร่ ซึ่งจากการลงพื้นที่สำรวจของเจ้าหน้าที่คาดว่าจะมีผลผลิตออกสู่ท้องตลาดในช่วงเดือนเมษายน - กรกฎาคม 2565 ประมาณไร่ละ 4.7 ตัน ดังนั้นจึงได้มอบหมายให้คณะทำงานด้านการตลาดระดับจังหวัด (เซลล์แมนจังหวัดนครพนม) ประสานหาผู้รับซื้อผลผลิตล่วงหน้า เพื่อหาตลาดให้เกษตรกร เป็นการเพิ่มช่องทางการตลาดให้นอกเหนือจากช่องทางจำหน่ายตามปกติ ทั้งเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ และแก้ไขปัญหาล่วงหน้าที่อาจจะเกิดขึ้นเนื่องด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด รวมถึงเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับเกษตรกรว่าผลผลิตที่จะออกมามีตลาดรองรับอย่างแน่นอน ซึ่งจะสอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาจังหวัดนครพนมและนโยบายของรัฐบาล ที่ต้องการสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการและประชาชนในพื้นที่ ภายใต้ยุทธศาสตร์ที่ว่า ตลาดนำการผลิต

จึงเป็นที่มาของวันนี้ที่ จังหวัดนครพนมได้จัดให้มีการทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่างตัวแทนวิสาหกิจชุมชนแปลงใหญ่ผู้ปลูกสับปะรด GI ตำบลโนนตาล อำเภอท่าอุเทน กับตัวแทนบริษัทไปรษณีย์ไทย โดยไปรษณีย์จังหวัดนครพนม ที่มีตลาดจำหน่ายสินค้าออนไลน์อย่าง www.thailandpostmart.com และบริษัทเซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด หรือ (Tops Market) ที่เป็นห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ มีศูนย์จำหน่ายและศูนย์กระจายสินค้าอยู่ตามที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ เพื่อที่จะรับซื้อสับปะรดท่าอุเทน (พืช GI) ของเกษตรกรชาวสวนจังหวัดนครพนมไปจำหน่ายตลอดทั้งฤดูเก็บเกี่ยว ทั้งนี้ในเดือนกรกฎาคมซึ่งเป็นเดือนสุดท้ายของการเก็บเกี่ยวผลผลิต ทางบริษัทจะมีการเข้ามาสอบถึงปริมาณผลผลิตและคุณภาพอีกครั้งว่าจะสามารถจัดส่งได้ในปริมาณมากน้อยขนาดไหน เพื่อดูจุดคุ้มทุนทั้งของบริษัทและของตัวเกษตรกรเอง สำหรับสเปคสินค้าเบื้องต้นกำหนดไว้คร่าว ๆ ประมาณ 1.2 - 1.7 กิโลกรัมต่อลูก ส่วนราคารับซื้อจะนำราคาตลาดเพื่อเป็นการพยุงราคาไม่ให้ราคาสินค้าตกต่ำ และมีการหักค่ากระจายสินค้า 3 % ต่อลูก เช่น สับปะรดราคาลูกละ 25 บาท เมื่อหักค่ากระจายสินค้าแล้วจะเหลือลูกละ 24.25 บาท สำหรับการรับ – ส่งสินค้า ทางบริษัทวางแผนไว้คือให้กลุ่มเกษตรกรนำสินค้ามารวมกันที่จุดเดียว จากนั้นจะส่งรถบรรทุกกระจายสินค้ามารับยังจุดที่ได้นัดหมายตามวันเวลาที่ได้มีการประสานล่วงหน้า คือวันพฤหัสบดีเพื่อนำไปจำหน่ายในวันศุกร์ และวันอาทิตย์เพื่อนำไปจำหน่ายในวันจันทร์


วันอังคารที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2565

นรข. สร้างเยาวชนนครพนมต้านภัยยาเสพติดพิทักษ์ลำโขง

วันที่ 29 มีนาคม 2565 ที่ห้องราชนาวี อาคารอเนกประสงค์ กองบัญชาการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง ตำบลอาจสามารถ อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม นายชาธิป รุจนเสรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานในการมอบใบประกาศเกียรติบัตรแก่เยาวชน นักเรียน นักศึกษา จากศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยในพื้นที่อำเภอบ้านเพลง อำเภอท่าอุเทน อำเภอธาตุพนม และอำเภอเมืองนครพนม จำนวน 30 คน ที่ผ่านการฝึกอบรมโครงการเยาวชนต้านภัยยาเสพติดพิทักษ์ลำน้ำโขง จังหวัดนครพนม ประจำปีงบประมาณ 2565 ที่หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง จัดขึ้นเพื่อ การสร้างเยาวชนรุ่นใหม่ ที่มีคุณธรรม จริยธรรม มีความรับผิดชอบต่อตนเอง ครอบครัว ชุมชน สังคม และประเทศชาติ และมีภูมิคุ้มกันตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยการเสริมสร้างและเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับภัยของยาเสพติดให้โทษ รวมถึงการบรรเทาสาธารณภัยเบื้องต้น การเปิดโอกาสให้เยาวชนเข้ามามีส่วนร่วมในการป้องกันและแจ้งเบาะแสยาเสพติด การแจ้งข่าวสารด้านสาธารณภัยในพื้นที่

นาวาเอก ชัชวาล โตรุ่ง เสนาธิการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำน้ำโขง และประธานอนุกรรมการฝ่ายจัดกิจกรรม เปิดเผยว่า โครงการเยาวชนต้านภัยยาเสพติดพิทักษ์ลำน้ำโขง ประจำปีงบประมาณ 2565 มีด้วยกัน 2 รุ่น ซึ่งรุ่นนี้เป็นรุ่นที่ 2 แล้วที่จัดการอบรม โดยผู้ที่เข้ารับการอบรมจะได้ทำกิจกรรมกับทางเจ้าหน้าที่ของหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำน้ำโขงและผู้ที่เกี่ยวข้อง เริ่มตั้งแต่การถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษ หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง อาชีพทางเลือก การบรรเทาสาธารณภัยและภัยพิบัติ การปฐมพยาบาลและการกู้ชีพ การสร้างความตระหนักรู้ถึงภัยคุกคามและภัยอันตรายของยาเสพติด การมีภาวะผู้นำ รวมถึงช่องทางการประชาสัมพันธ์แจ้งข้อมูลข่าวสารด้านยาเสพติดหรือการกระทำผิดกฎหมายต่าง ๆ ให้เจ้าหน้าที่ได้รับทราบ จากนั้นเป็นการศึกษาดูงานนอกสถานที่ ซึ่งจะทำให้ทุกคนได้เห็นว่าการนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันเป็นอย่างไร รวมถึงได้เห็นถึงการปฏิบัติหน้าที่ในการเฝ้าระวังป้องกันยาเสพติดตามแนวชายแดน


นครพนม จับมือไปรษณีย์ไทยและ 2 ห้างดัง ขายลิ้นจี่ GI ล่วงหน้าช่วยเกษตรกรในพื้นที่

วันที่ 29 มีนาคม 2565 ที่บ้านขามเฒ่า อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม นายชวนินทร์ วงศ์สถิตจิรกาล รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานในการทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) การซื้อลิ้นจี่นครพนม สายพันธุ์ นพ.1 ระหว่างตัวแทนวิสาหกิจชุมชนแปลงใหญ่ลิ้นจี่ นพ.1 กับตัวแทนบริษัทไปรษณีย์ไทย โดยไปรษณีย์จังหวัดนครพนม บริษัทสยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) และบริษัทเซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด หรือ (Tops Market) ที่คณะทำงานด้านการตลาดระดับจังหวัด (เซลล์แมนจังหวัดนครพนม) จัดขึ้น เพื่อหาช่องทางการตลาดให้แก่กลุ่มเกษตรกรและวิสาหกิจชุมชนแปลงใหญ่ผู้ปลูกลิ้นจี่ นพ.1 ให้มีช่องทางการตลาดนอกเหนือจากช่องทางการจำหน่ายตามปกติที่ผ่านพ่อค้าคนกลาง รวมถึงเป็นการสร้างความมั่นใจด้านการตลาดแก่เกษตรกรผู้ปลูกภายใต้ยุทธศาสตร์ ตลาดนำการผลิต ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาจังหวัดนครพนมและนโยบายของรัฐบาล ที่ต้องการสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในจังหวัด โดยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการและประชาชนในพื้นที่

โดยลิ้นจี่พันธุ์ นพ.1 หรือ นครพนม 1 เป็นลิ้นจี่ที่มีลักษณะเด่นเฉพาะตัว คือ มีผลใหญ่ เนื้อแห้งไม่เละ มีรสหวานอมเปรี้ยวเล็กน้อย ไม่มีรสฝาด ทําให้เป็นที่นิยมรับประทานของประชาชนทั่วไปทั้งในและต่างประเทศ เป็นผลไม้ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ จากกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ (Geographical Indications หรือ GI) มาตั้งแต่ปี 2560 ซึ่งในแต่ละปีจะมีผลผลิตเริ่มออกมาให้ประชาชนได้รับประทานในช่วงเดือนเมษายน - พฤษภาคม โดยในปี 2565 นี้ จังหวัดนครพนมมีสภาพอากาศที่เหมาะสมทำให้ผลผลิตลิ้นจี่ติดดอกออกผลมากกว่าปีที่ผ่านมาประมาณ 10-15 % คาดว่าจะมีผลผลิตออกจำหน่ายถึง 3 รุ่นด้วยกัน ดังนั้นคณะทำงานด้านการตลาดระดับจังหวัด (เซลล์แมนจังหวัดนครพนม) จึงได้ประสาน 3 บริษัท เพื่อร่วมกันจำหน่ายลิ้นจี่ นพ.1 ในครั้งนี้เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรในพื้นที่ให้มีช่องทางการตลาดที่เพิ่มมากขึ้น เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจแก้ปัญหาล่วงหน้าในสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด ที่อาจส่งผลกระทบต่อการจำหน่ายผลผลิตที่มี ทั้งเป็นการสร้างความมั่นใจให้เกษตรกร ว่าจะสามารถจำหน่ายได้อย่างต่อเนื่องตลอดฤดูกาล เพราะเป็นการตกลงล่วงหน้าก่อนผลผลิตจะออกสู่ตลาด โดยบริษัทไปรษณีย์ไทย สาขาจังหวัดนครพนม จะรับซื้อในราคากิโลกรัมละ 80 บาท จำนวน 8 ตัน ขณะที่บริษัทสยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) จะรับซื้อจำนวน 400 ตัน ส่วนบริษัท Tops Market จะรับซื้อไปเรื่อย ๆ ในปริมาณที่จำหน่ายได้ ซึ่งทางบริษัทมีนโยบายไม่กดราคาสินค้าของเกษตรกร แต่ขอให้เป็นราคาเดียวกับที่เกษตรกรจำหน่ายให้กลุ่มอื่น ๆ โดยในการจัดส่งจะมีการแจ้งล่วงหน้าถึงจำนวนและปริมาณที่บริษัทต้องการเป็นรอบ ๆ ทั้งนี้ในบันทึกข้อตกลงจะเป็นการรับซื้อขนาดผลลิ้นจี่ 25 – 30 ผลต่อกิโลกรัม ซึ่งเป็นมาตรฐานสินค้าลิ้นจี่ GI ส่วนราคาซื้อ – ขาย จะเป็นไปตามปริมาณและคุณภาพที่ผู้ซื้อและผู้ขายตกลงกันอีกครั้ง โดยจะเริ่มส่งผลผลิตครั้งแรกในวันที่ 10 เมษายน 2565 นี้


วันเสาร์ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2565

สกู๊ป ข้าราชการพลเรือนดีเด่นผู้น้อมนำหลักการทรงงานมาปรับใช้ด้วยหัวใจแห่ง teamwork

เมื่อพูดถึงการทำงาน หลายคนก็มีเทคนิคและวิธีการที่แตกต่างกันออกไป เพื่อที่จะทำให้งานที่ทำ แล้วเสร็จทันเวลา มีคุณภาพได้มาตรฐาน ก่อให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลที่คุ้มค่า โดยในวันนี้สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครพนม ขอนำทุกคนไปเรียนรู้เคล็ดลับ จาก 1 ในข้าราชการพลเรือนดีเด่น ระดับประเทศ ประจำปี 2564 ผู้ที่เป็นต้นแบบของการได้รับรางวัลอันทรงคุณค่าของชีวิตราชการ ในการพัฒนาประเทศและการให้บริการประชาชน

นางวรนุช กรุงเกตุ ผู้อำนวยการกลุ่มงานส่งเสริมการพัฒนาชุมชน สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า ตั้งแต่ที่เริ่มรับราชการก็จะยึดถือในการปฏิบัติตามกฎระเบียบของทางราชการ แล้วก็น้อมนำหลักการทรงงานมาปรับใช้ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็น การทำงานอย่างมีขั้นตอน มีลำดับขั้น ยึดในหลักการของเศรษฐกิจพอเพียง และทำงานอย่างมีความสุข ซึ่งหลักการทรงงาน 23 ประการ เราสามารถนำมาปรับใช้ได้ทั้งหมดที่สำคัญคือยึดประโยชน์ของทางราชการและประชาชนเป็นหลัก แล้วจะทำให้เรามีกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ในทุกตำแหน่งที่เราได้รับมอบหมาย นอกจากนี้ยังยึดหลักในการสร้างทีม คุมงานด้วยแผนงานที่ร่วมกับทีมงานออกแบบ ทั้งมีการประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ยกตัวอย่างเช่น การที่กรมการพัฒนาชุมชนได้รับมอบหมายให้ดำเนินโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบ การพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ โคก หนอง นา โมเดล ก็เป็นงานใหม่ที่กรมการพัฒนาชุมชนได้รู้จักในปี 2563 และปี 2564 ซึ่งเป็น 2 ปีที่ได้เริ่มเรียนรู้ ก็จะมีการศึกษาระเบียบว่าต้องเกี่ยวข้องกับอะไรบ้าง ศึกษาความเป็นมาของโครงการ ว่ามีหลักการอย่างไร มีขั้นตอนการปฏิบัติแบบไหน และจะต้องประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่าง เช่น สำนักงานโยธาธิการและผังเมือง ซึ่งท่านก็ให้ความรู้ความเข้าใจในการทำงานกับเราเกี่ยวกับด้านช่าง การออกแบบพื้นที่ จากนั้นนำความรู้ที่ได้มาคุยกับทีมว่าจะวางแผนอย่างไรต่อไป เพื่อให้เป็นไปตามระเบียบและขั้นตอน อีกอย่างถ้าระเบียบอันไหนที่ไม่ไม่เข้าใจ ไม่แน่ใจ ก็ปรึกษาทำงานควบคู่กับสำนักงานป.ป.ช. จังหวัด สตง.จังหวัด จึงส่งผลให้การทำงานของจังหวัดนครพนมประสบความสำเร็จได้ผลเป็นที่น่าพอใจ เป็น 1 ใน 4 จังหวัดของทั่วประเทศที่ได้รับรางวัลหน่วยงานต้นแบบการขับเคลื่อนนโยบายสำคัญของกรมการพัฒนาชุมชนในปี 2564

และนี่เป็นเพียงหนึ่งในแนวทาง การปฏิบัติงานของข้าราชการต้นแบบ ที่ประสบความสำเร็จ ได้รับรางวัลอันยิ่งใหญ่จากการทุ่มเท เสียสละที่น้อมนำหลักการทรงงานมาปรับใช้ พร้อมด้วยหัวใจแห่ง teamwork โดยยึดมั่นในประโยชน์ของทางราชการและประชาชนเป็นหลัก


วันศุกร์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2565

กกต. เดินหน้าพัฒนาบุคลากรและเสริมศักยภาพภาคีเครือข่ายเส้นทางประชาธิปไตย 20 จังหวัดภาคอีสาน

วันที่ 25 มีนาคม 2565 ที่จังหวัดนครพนม นายอิทธิพล บุญประคอง ประธานกรรมการการเลือกตั้ง เป็นประธานเปิดการอบรมผู้บริหารและพนักงานสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัด และเสริมสร้างความร่วมมือภาคีสื่อมวลชนระดับจังหวัด กลุ่มภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวม 20 จังหวัด เพื่อเพิ่มศักยภาพในการสื่อสารและการประชาสัมพันธ์ รวมทั้งเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งกับเครือข่ายในการร่วมกันเผยแพร่ภารกิจของคณะกรรมการการเลือกตั้ง สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัด และศูนย์ส่งเสริมการศึกษาและการมีส่วนร่วมของพลเมืองสู่ประชาชน โดยมี นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง นายชาธิป รุจนเสรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมการศึกษาและการมีส่วนร่วมของพลเมืองที่ 7 และ 8 หัวหน้ากลุ่มงานอำนวยการ พนักงานหรือเจ้าหน้าที่ที่ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดมอบหมาย ให้ทำหน้าที่ด้านการสื่อสารประชาสัมพันธ์ จังหวัดละ 2 คน รวมกิจกรรม

โดยกิจกรรมในครั้งนี้เกิดขึ้นจากการที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการสื่อสารและการประชาสัมพันธ์ที่มีภาคีเครือข่ายร่วมกันขับเคลื่อนเพื่อสร้างการรับรู้สู่ประชาชน ดังนั้นเพื่อ พัฒนาบุคลากรและเสริมศักยภาพภาคีเครือข่ายเส้นทางประชาธิปไตย 20 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จึงได้จัดการฝึกอบรมดังกล่าวขึ้น เพื่อให้ครอบคลุมงานด้านการสื่อสารและการประชาสัมพันธ์ของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดทั่วประเทศให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งผู้ที่เข้ารับการอบรมในครั้งนี้จะได้รับความรู้จากวิทยากรผู้มีประสบการณ์ เกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์และการสร้างเครือข่ายเพื่อภาพลักษณ์ที่ดีขององค์กรอย่างยั่งยืน ความร่วมมือกับเครือข่ายในการสื่อสารประชาสัมพันธ์ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น การสร้างเครือข่ายด้านการสื่อสารและการประชาสัมพันธ์ที่สัมฤทธิ์ผลของหน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานภาคเอกชน ตลอดจนภารกิจการดำเนินงานด้านการสื่อสารและการประชาสัมพันธ์บนความร่วมมือจากเครือข่ายของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง แนวทางการทำงานระหว่างเครือข่ายและสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ข้อเสนอแนะการสื่อสารประชาสัมพันธ์และการสร้างเครือข่ายระหว่างสำนักงานกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัด และสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งส่วนกลาง


วันพฤหัสบดีที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2565

นครพนม บูรณาการความร่วมมือ ลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ยากไร้ สร้างสังคมอุดมสุขทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืน

วันที่ 24 มีนาคม 2565 ที่จังหวัดนครพนม นายชาธิป รุจนเสรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วย นางกาญจนี รุจนเสรี นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม นำคณะหัวหน้าส่วนราชการ เหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม และเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจและให้ความช่วยเหลือผู้ยากไร้ที่ประสบปัญหาความเดือดร้อนในพื้นที่ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต ยกระดับครัวเรือนกลุ่มเป้าหมาย 3 ประเภท ซึ่งประกอบไปด้วย ครัวเรือนที่ไม่ผ่านเกณฑ์ จปฐ. ปี 2564 ตามข้อ 22 ด้านรายได้ คือมีรายได้เฉลี่ยต่ำกว่า 38,000 บาท/คน/ปี ครัวเรือนจากระบบการพัฒนาคนแบบชี้เป้า (TPMAP) ปี 2562 และครัวเรือนที่ได้รับความเดือดร้อนจากเวทีประชาคม ทั้ง 5 มิติ ได้แก่ ด้านสุขภาพ ด้านความเป็นอยู่ ด้านการศึกษา ด้านรายได้ และด้านการเข้าถึงบริการภาครัฐ โดยเป็นการบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วนเพื่อร่วมกันให้ความช่วยเหลือ สนับสนุน ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนผู้ยากไร้ ภายใต้แนวคิด นครพนมสร้างสังคมอุดมสุข ทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืน

โดยการลงพื้นที่ในครั้งนี้ได้ไปที่บ้านเลขที่ 207 หมู่ที่ 2 บ้านนาคอกควาย ตำบลดงขวาง อำเภอเมืองนครพนม เพื่อให้ความช่วยเหลือ นางแถม ศรีษร อายุ 78 ปี ซึ่งเป็นผู้ยากไร้ที่มีรายได้เลี้ยงชีวิต เพียงเดือนละ 2,000 บาท จากการที่ออกไปรับจ้างล้างผักหอมแบ่งให้กับเพื่อนบ้านในราคากิโลกรัมละ 5 บาท การสานกระติบข้าวเพื่อส่งพ่อค้าคนกลางที่มารับซื้อในชุมชน ราคากระติบละ 16 บาท และเบี้ยผู้สูงอายุเดือนละ 700 บาท ทำให้ในแต่ละวันมีรายได้ไม่เพียงพอต่อการดำรงชีวิต อีกทั้งยังมีโรคประจำตัวคือโรคหอบหืด ดังนั้นหน่วยงานต่าง ๆ จึงได้บูรณาการร่วมกันเพื่อให้ความช่วยเหลือ โดยก่อนหน้านี้ทางองค์การบริหารส่วนตำบลดงขวาง และผู้นำชุมชนตลอดจนประชาชนในพื้นที่ได้ร่วมกันเข้ามาปรับปรุงซ่อมแซมบ้านให้ใหม่ เพื่อให้มีความมั่นคงแข็งแรง โดยปรับเปลี่ยนให้เป็นบ้านชั้นเดียวที่ก่อด้วยอิฐแล้วฉาบปูน ส่วนวันนี้ได้ร่วมกันนำเครื่องอุปโภคบริโภค ข้าวสาร อาหารแห้ง สบู่ ยาสีฟัน แปรงสีฟัน ยาสามัญประจำบ้าน น้ำดื่ม เครื่องใช้ในครัวเรือน ผ้าห่ม จาน ชาม ช้อน มุ้ง เมล็ดพันธุ์ผักเพื่อใช้ปลูกไว้รับประทาน ไม้ไผ่สำหรับใช้เป็นวัสดุในการสานกระติบข้าว และเงินบริจาคมาสนับสนุนเป็นทุนในการประกอบอาชีพ และเงินสงเคราะห์ครอบครัวกรณีฉุกเฉินเพื่อให้เก็ยไว้ใช้จ่ายในชีวิตประจำวันต่อไป


จังหวัดนครพนม บูรณาการออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ พอ.สว. พร้อมหน่วยบำบัดทุกข์ดูแลประชาชนในพื้นที่ตำบลดงขวาง

วันที่ 24 มีนาคม 2565 ที่โรงเรียนบ้านนาคอกควาย ตำบลดงขวาง อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม นายชาธิป รุจนเสรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม นำคณะหัวหน้าส่วนราชการ เหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม และเจ้าหน้าที่หน่วยงานต่าง ๆ ออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ พอ.สว. จังหวัดนครพนม ให้บริการประชาชน ร่วมกับโครงการจังหวัดเคลื่อนที่แบบบูรณาการ หน่วยบำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างรอยยิ้มให้ประชาชน สร้างการเข้าถึงแบบครบวงจรในจุดเดียว

โดยในการออกหน่วยเคลื่อนที่ในครั้งนี้ ได้มีการแนะนำส่วนราชการต่าง ๆ ให้กับประชาชนได้รู้จักเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของแต่ละหน่วย เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้ารับบริการได้อย่างถูกต้องตรงตามความต้องการของแต่ละคน รวมถึงตอบข้อซักถามข้อสงสัยของประชาชน รวมถึงได้นำเอานโยบายต่าง ๆ ของรัฐบาลไปชี้แจงให้ประชาชนได้รับรู้ รับทราบ เพื่อสร้างความเข้าใจ จากนั้นจึงได้ร่วมกันมอบรถจักรยานให้กับนักเรียนได้ใช้ปั่นมาเรียนหนังสือ มอบพันธุ์ปลาแก่ผู้นำชุมชนเพื่อนำไปปล่อยตามแหล่งน้ำ มอบถุงยังชีพเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม มอบเงินสงเคราะห์ครัวเรือนยากจน และมอบเงินสงเคราะห์ผู้สูงอายุ ก่อนที่จะแยกย้ายกันไปรับบริการตามจุดต่าง ๆ ประกอบไปด้วย จุดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ พอ.สว. จังหวัดนครพนม ที่คณะแพทย์ได้นำเครื่องมือและอุปกรณ์สาธารณสุขต่าง ๆ มาให้บริการตรวจสุขภาพเบื้องต้น ทำทันตกรรม ให้คำปรึกษาปัญหาสุขภาพ และการฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันไวรัสโควิด จุดให้บริการอื่น ๆ ของหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่นำบริการมาให้ทุกคนได้ศึกษาหาความรู้แบบไม่มีค่าใช้จ่าย ทั้งด้านการเกษตร ประมง ปศุสัตว์ ที่ดิน การบริหารจัดการน้ำ การป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย การให้บริการซ่อมเครื่องมือทางการเกษตร การแจกพันธุ์ต้นไม้ การทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย การเลือกใช้พลังงาน การทำบัตรประชาชน การรับเรื่องราวร้องทุกข์ร้องเรียน การเข้าถึงกองทุนยุติธรรม การทำประกันสังคม การวางแผนออมกับ กอช. การให้บริการตัดผม การขึ้นทะเบียนและทำหมันสัตว์ การฝึกอาชีพเสริมเพื่อหารายได้ การออกบูธจำหน่ายสลากกาชาดเพื่อหารายได้มาช่วยเหลือผู้ยากไร้ในพื้นที่จังหวัดนครพนม รวมถึงการออกร้านจำหน่ายสินค้าราคาถูก สินค้าทางการเกษตร และสินค้า OTOP เพื่อให้ประชาชนได้เลือกซื้อไปใช้ในครัวเรือน


วันพุธที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2565

สกู๊ปข่าว ข้าราชการผู้ยึดมั่นในคำปฏิญาณวิชาชีพพยาบาล

วิชาชีพพยาบาล เป็นอีกหนึ่งสายงานของการรับราชการเพื่อดูแลพี่น้องประชาชน ซึ่งพยาบาลทุกคนจะมีการปฏิญาณตน ตั้งแต่เข้ารับการศึกษา กระทั่งได้มาประจำการตามสถานพยาบาลต่าง ๆ และด้วยความมุ่งมั่น ทุ่มเท เสียสละปฏิบัติตนบนพื้นฐานของคำปฏิญาณ จึงส่งผลให้หลาย ๆ คนได้รับรางวัลต่าง ๆ เพื่อเชิดชูเกียรติ และหนึ่งในนั้นก็คือ รางวัลข้าราชการพลเรือนดีเด่นระดับประเทศ ซึ่งในปี 2564 นี้ จังหวัดนครพนมมี 1 ท่านที่ได้รับรางวัลอันทรงคุณค่าเพื่อเป็นต้นแบบให้ข้าราชการคนอื่น ๆ ได้นำปฏิบัติตาม

นางณัฏฐ์ฎาพร ศรีประดิษฐ์ พยาบาลวิชาชีพชำนาญการพิเศษ โรงพยาบาลนครพนม กล่าวว่า จริงๆแล้วการทำงาน ตั้งแต่ตัวเองได้เป็นตำแหน่งพยาบาลวิชาชีพ ก็ได้ยึดมั่นในวิชาชีพการพยาบาลมาโดยตลอด คือเป็นผู้ให้มากกว่าผู้รับ ทำด้วยความมุ่งมั่น ทุ่มเท เสียสละ เพราะตำแหน่งหน้าที่ทุกหน้าที่มีภาระงาน ตั้งแต่ที่เราเลือกที่จะเรียนแล้วว่าจะเป็นอะไร เมื่อได้รับมอบหมายจึงต้องทำให้ดีที่สุด ดีให้สมกับที่เรามุ่งมั่นในการเรียน ดีที่สุดที่จะทำให้ประชาชนที่อยู่ในความดูแลของเราให้ ได้รับการดูแลและปลอดภัยจากโรคและภัยสุขภาพ แล้วก็ไม่ได้คิดว่าจะได้อะไรตอบแทน เพราะฉะนั้นถ้าทำอย่างนี้มาตลอดจะมีความสุขกับการทำงาน แล้วเราจะได้ในสิ่งที่เราคิดว่าเป็นผลจากการทุ่มเท เสียสละของตัวเราเอง ซึ่งก็คือความดีที่เราได้ทำไว้ ในปัจจุบันก็รับหน้าที่เป็นหัวหน้างาน งานอาชีวเวชกรรม ซึ่งในตรงนี้จะมีหน้าที่ดูแลด้านสุขภาพของวัยทำงานทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นในภาคของส่วนราชการ ภาคเอกชน สถานประกอบการทั้งหมด รวมทั้งบุคลากรทางการแพทย์ทั้งหมด โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์โควิด หนึ่งในหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายคือการบริหารจัดการเรื่องของวัคซีนจังหวัด และการให้บริการวัคซีนแก่ประชาชนทุกกลุ่มเพื่อให้ได้เป้าหมายที่ทางกระทรวงกำหนด ทำให้โรงพยาบาลได้เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ประชาชนได้รับวัคซีนครอบคลุม โดยเฉพาะในกลุ่ม 608 ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความจำเป็นต้องได้รับวัคซีนก่อน มียอดเป็นอันดับ 2 ของประเทศและตั้งแต่ที่ได้รับการเสนอชื่อก็รู้สึกภาคภูมิใจว่า อย่างน้อยเราก็เป็นตัวแทนของโรงพยาบาลเข้าไปเสนอผลงานและความดีที่เราได้ทำ และเป็นหนึ่งตัวอย่างของคนทำความดีมาตลอดชีวิตรับราชการ พอผลประกาศออกมาว่าได้รับรางวัล ก็ต้องขอขอบคุณ คณะกรรมการและประชาชนทุกคนที่ทำให้มีวันนี้ รวมถึงขอบคุณตัวเองและครอบครัวที่ทำให้มีความมุ่งมั่น พยายามทำทุกอย่างด้วยความเสียสละ

และนี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งในแนวทางการปฏิบัติงานของข้าราชการต้นแบบ ที่ประสบความสำเร็จ ได้รับรางวัลอันยิ่งใหญ่ในชีวิตราชการ กับรางวัลข้าราชการพลเรือนดีเด่น ระดับประเทศ

โคก หนอง นา ที่มาพร้อมการทำบุญและประชาสัมพันธ์


นายสวงเดช ธรรมชัย พัฒนาการอำเภอท่าอุเทน เปิดเผยว่า จากที่สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดนครพนมได้มีโครงการพัฒนาหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงกิจกรรมศูนย์เรียนรู้ โคก หนอง นา โมเดล เมื่อปี 2564หลังจากที่คุณวิไล แสงนิกุลได้สมัครเข้ามาพัฒนาชุมชนจังหวัดนครพนม ก็ได้มีการประสานส่งตัวไปฝึกอบรมเกี่ยวกับการทำ โคก หนอง นา จำนวน 3 วัน 4 คืน แล้วก็ให้ได้ใช้วิชาที่ไปฝึกอบรมมา มาพัฒนาในแปลงเกษตรของตัวเอง ในส่วนของสำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอท่าอุเทน ก็ได้มีการประสานการขุดแปลงนาเพื่อปรับปรุงให้เป็น โคก หนอง และนา ซึ่งเมื่อแล้วเสร็จในตอนนั้น ก็มีนักพัฒนาพื้นที่ร่วมกับพัฒนากร ลงพื้นที่สนับสนุนการขับเคลื่อนโครงการ โดยได้เข้ามาแนะนำ สนับสนุนพันธุ์พืชและต้นไม้ รวมถึงกระตุ้นให้เจ้าของแปลงได้ใช้ความรู้ที่ฝึกอบรมมาร่วมกับทางชุมชน ผ่านกิจกรรมเอามื้อสามัคคี จำนวน 3 ครั้ง โดยการขับเคลื่อนตรงนี้ถือว่ามีความท้าทายเป็นอย่างมากเพราะแปลงที่ขุดขึ้นมาเป็นดินที่ไม่ค่อยอุดมสมบูรณ์

นางวิไล แสงนิกุล เกษตรกรบ้านตาลปากน้ำ หมู่ที่ 2 ตำบลไชยบุรี อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม กล่าวว่า พื้นที่ตรงนี้เป็นพื้นที่โนน และเมื่อขุดดินขึ้นมาจากสระก็จะมีก้อนหินเล็กๆ ที่ชาวบ้านเรียกหินแฮ่ติดขึ้นมาด้วย ทำให้ดินไม่มีคุณภาพ ดังนั้นจึงมีการวางแผนการปลูก ในการลักษณะการปรับปรุงบำรุงดิน ใช้จุลินทรีย์หน่อกล้วยรวมกับอึเอ็ม ซึ่งอีเอ็มจะไปหาซื้อมาจากตลาดในราคาแกลลอนละ 70 บาท ก็นำมาขยายผสมกับจุลินทรีย์หน่อกล้วยที่ทำขึ้นมาเอง เพราะคิดว่าทั้ง 2 ตัวจะช่วยทำให้ดินมีคุณภาพดีเหมาะสำหรับการปลูกพืช นอกจากนี้ก็ยังมีน้ำหมักมาใส่เพิ่มเติมด้วย ซึ่งพอเรานำมาใช้ก็ถือว่าได้ผลเป็นอย่างดี เพราะตะไคร้สามารถจำหน่ายได้ในราคาที่สูงถึงมัดละ 120 บาท เนื่องจากมีกอใหญ่ ส่วนผลผลิตอื่นๆ ก็เช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็น พริก มะเขือ โหระพา แมงลัก ซึ่งการขายก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไร เพราะลูกค้าจะมาเก็บเอาเองที่สวน แต่ละวันจะมีรายได้ตั้งแต่ 100 บาทขึ้นไปจนถึง 200 กว่าบาท เพราะคนในพื้นที่ที่มาซื้อไปทำครัวที่บ้าน เราเพียงหาถุงไว้ให้ วันไหนไม่อยู่ลูกค้าที่เป็นเพื่อนบ้านก็จะจัดการเก็บเองแล้วก็นำเงินมาวางไว้ที่โต๊ะม้าหินอ่อนใต้ถุนบ้าน หรือถ้าวันไหนมีออเดอร์จากคนที่ทำโต๊ะจีนสั่งเข้ามาก็จะมีรายได้เพิ่มขึ้นไปอีก สำหรับการทำโคก หนอง นา นั้น แต่ละวันก็ใช้เวลาไม่มากเท่าไหร่ตื่นเช้าขึ้นมา 5:00 น ก็จะแบ่งโซนรดน้ำ พอสายหน่อยก็อาบน้ำไปวัดทำบุญ กลับมาเริ่มมีแดดก็นั่งเล่นหรือไม่ก็เตรียมพืชผักที่เราจะปลูกในเรือนเพาะชำ เป็นการเพาะกล้าไว้ ตอนเย็นก็ดูแลส่วนที่เหลือไปเรื่อย ๆ ซึ่งก็มีความสุขดี ได้ดูแลต้นไม้ ได้เดินไปรอบๆ แปลงเกษตร ยิ่งตอนแดดร้อนๆ เรามานั่งพักแล้วมองไปเห็นต้นไม้ออกยอด ผลิใบก็ดีใจแล้ว ถ้าอยากรับประทานปลาก็ตกเบ็ดมาปิ้งย่าง ซึ่งถ้าใครอยากทำโคก หนอง นา ในลักษณะแบบนี้ ก็อยากให้เอาใจใส่ต้นไม้และดูแลต้นไม้ให้ดี เพราะพืชและต้นไม้เหล่านี้รออาหารจากเราถึงจะเจริญเติบโต ต้องมั่นพรวนดิน ใส่ปุ๋ย รดน้ำ ซึ่งทุกวันนี้มีคนเข้ามาดูแปลง โคก หนอง นา ที่ทำอยู่เรื่อย ๆ ส่วนใหญ่ก็จะชอบถามว่าปลูกยังไงพืชและต้นไม้ถึงเขียวและเจริญเติบโตได้เป็นอย่างดี เราก็ให้ความรู้ตามที่ทำไป

นายสวงเดช ธรรมชัย พัฒนาการอำเภอท่าอุเทน กล่าวเพิ่มเติมว่า ตอนนี้พอเห็นเป็นรูปธรรมชัดเจนมีพืชผักอะไรขึ้นมามากมายใช้เวลาเพียง 10 เดือน ก็เป็นที่สนใจของคนในหมู่บ้านและหมู่บ้านข้างเคียงได้ มาดูมาศึกษา มาสอบถามกับเจ้าของแปลงอยู่เรื่อย ๆ ขณะเดียวกันเจ้าของแปลงพอมีงานบุญ หรือกิจกรรมอะไรในชุมชนก็นำผลผลิตที่ได้ไปแบ่งปันให้กับชาวบ้าน พร้อมประชาสัมพันธ์ว่ามาจากแปลง โคก หนอง นา ที่ทำ ทำให้ในพื้นที่เริ่มมีการขยายผลในส่วนนี้ตามมาด้วย

วันจันทร์ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2565

รมว. ดีอีเอส ลงพื้นที่นครพนม สร้างเครือข่ายภาคอีสานต้านข่าวปลอม ขยายความรู้สู่ประชาชน

วันที่ 21 มีนาคม 2565 ที่จังหวัดนครพนม นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เป็นประธานเปิดกิจกรรมสร้างการรับรู้ เพื่อรู้เท่าทันและรับมือกับข่าวปลอม ครั้งที่ 2 ที่กระทรวงกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมจัดขึ้น เพื่อสร้างภาคีเครือข่ายศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งประกอบไปด้วย อาสาสมัครดิจิทัล (อสด.) สมาคมนักวิทยุอาสาสมัครเล่น สมาพันธ์สมาคมวิทยุสมัครเล่นควบคุมข่ายประเทศไทย และกลุ่มอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ในการขยายผลสร้างการรับรู้ วิธีสังเกตข่าวปลอม ช่องทางการแจ้งเบาะแส และเป็นกลไกหนึ่งในการขับเคลื่อนการตรวจสอบเฝ้าระวังการเผยแพร่ข้อมูล เนื้อหาและข่าวสารที่เผยแพร่อยู่ในระบบอินเทอร์เน็ต

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวว่า ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม (Anti Fake News Center: AFNC) เป็นหนึ่งในนโยบายหลัก 12 ด้านของรัฐบาล โดยมุ่งเน้นการจัดการข้อมูลที่เป็นเท็จทางสื่อออนไลน์ โดยเฉพาะข่าวปลอมที่สร้างความตื่นตระหนกและความเสียหายกับประชาชนและสาธารณชนในวงกว้าง บูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานภาครัฐทุกภาคส่วน ในการตรวจสอบและเผยแพร่ข่าวที่ถูกต้องแก่ประชาชน ยึดหลักการสำคัญในการทำงาน คือ ความเที่ยงธรรมและปราศจากอคติในการคัดเลือกข่าว เพื่อสร้างความเชื่อมั่นของประชาชน โดยมีกระบวนการ ขั้นตอนการทำงานที่ชัดเจน ถูกต้อง กระชับ รวดเร็ว มีหน่วยงานต้นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับประเด็นข่าวนั้น ๆ เป็นผู้ตรวจสอบข้อมูลและยืนยันข้อเท็จจริงตามมาตรฐานสากล International Fact Checking Network หรือ IFCN เพื่อจัดการแก้ไขปัญหาข่าวปลอม และในปี 2565 นี้ กระทรวงดิจิทัลฯ และศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม จะมีการระดมทุกกลยุทธ์เพื่อสร้างให้ประชาชนคนไทยรู้เท่าทันสื่อลวง ทั้งในแง่ของการจัดการกับข่าวปลอม และการปราบปรามดำเนินคดีต่อผู้กระทำความผิดตามกฎหมาย กรณีเป็นการกระทำความผิดทางเทคโนโลยี ตาม พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 เน้นข่าวที่มีผลกระทบต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน 4 กลุ่มข่าว คือ กลุ่มภัยพิบัติ (น้ำท่วม แผ่นดินไหว เขื่อนแตก สึนามิ ไฟไหม้) กลุ่มเศรษฐกิจ การเงินการธนาคาร/ หุ้น , กลุ่มผลิตภัณฑ์สุขภาพ วัตถุอันตราย เครื่องสำอาง รวมถึงสินค้าและบริการที่ผิดกฎหมายอื่น และกลุ่มนโยบายรัฐบาล /ข่าวสารทางราชการ/ความสงบเรียบร้อยของสังคม / ขัดศีลธรรมอันดี และความมั่นคงภายในประเทศ ซึ่งประชาชนที่สนใจสามารถ สามารถตรวจสอบยืนยันข่าวที่มีการเผยแพร่แล้วเป็น Infographic รวมถึงแจ้งเบาะแสได้ที่เว็บไซต์ https://www.antifakenewscenter.com หรือทาง Facebook: Anti-Fake News Center ทาง Twitter @AfncThailand และทาง Line@antifakenewscenter หรือจะโทรสายด่วน 1111 ต่อ 87 ก็ได้เช่นเดียวกัน

นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 1 ก.พ. 65 คณะรัฐมนตรี (ครม.) ก็ได้มีมติเห็นชอบในหลักการ “ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการป้องกันปราบปรามและแก้ไขปัญหาการเผยแพร่ข้อมูลเท็จทางสื่อสังคมออนไลน์ พ.ศ. ….” ให้จัดตั้งศูนย์ประสานงานการป้องกันปราบปรามและแก้ไขปัญหาการเผยแพร่ข้อมูลเท็จทางสื่อสังคมออนไลน์ ใน 3 ระดับ ได้แก่ (1) ศูนย์ประสานงานกลาง จัดตั้งโดยกระทรวงดิจิทัลฯ มีอำนาจและหน้าที่ประสานงานกับศูนย์ประสานประจำกระทรวงและศูนย์ประสานงานประจำจังหวัด ในการดำเนินการตามกฎหมายกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องประชาสัมพันธ์ให้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับข่าวปลอม และสร้างเครือข่ายอาสาสมัครสอดส่องดูแลข้อมูลข่าวสารปลอมบนสื่อสังคมออนไลน์ (2) ศูนย์ประสานงานประจำกระทรวง มีอำนาจและหน้าที่รับแจ้งข้อมูลที่สงสัยว่าอาจเป็นข่าวปลอมเพื่อตรวจสอบและชี้แจงข้อเท็จจริง โดยให้ปลัดกระทรวงตั้งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบข่าวปลอม ประชาสัมพันธ์ข่าวปลอม และดำเนินการตามกฎหมายกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง และ (3) กระทรวงมหาดไทย จัดตั้งศูนย์ประสานงานการป้องกันและแก้ไขปัญหาการเผยแพร่ข้อเท็จจริงทางสื่อสังคมออนไลน์ประจำจังหวัด โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดที่ได้รับมอบหมาย ทำหน้าที่หัวหน้าศูนย์ มีอำนาจและหน้าที่รับแจ้งข้อมูลที่สงสัยว่า อาจเป็นข่าวปลอม เพื่อตรวจสอบและพิจารณาเนื้อหา ชี้แจงให้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับข่าวปลอม และดำเนินการตามกฎหมายผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง และสุดท้ายนี้ก็ขอฝากทุกคนในการช่วยกันเป็นหูเป็นตา หากพบว่ามีเนื้อหาที่ผิดกฎหมาย เช่น พนันออนไลน์ ลามกอนาจาร หมิ่นสถาบัน ละเมิดลิขสิทธิ์ เข้าข่ายผิดกฎหมายอาหารและยา การหลอกลวงออนไลน์ และภัยจากแก๊ง Call Center สามารถแจ้งมาที่ศูนย์รับเรื่องร้องเรียนปัญหาออนไลน์ 1212 หรือสายด่วน 1441 ของตำรวจไซเบอร์ หรือจะแจ้งความออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ศูนย์รับแจ้งความออนไลน์ในคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ทาง www.thaipoliceonline.com” กระทรวงฯ จะดำเนินการตามกระบวนการทางกฎหมายทันที


พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานสัญญาบัตรพัดยศ ผ้าไตร ถวายหลวงปู่แสง จันทวังโส

วันที่ 21 มีนาคม 2565 เวลา 13.30 น. ที่วัดโพธิ์ชัย บ้านโพนตูม หมู่ 4 ต.ก้านเหลือง อ.นาแก จ.นครพนม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ นายศุภชัย ภู่งาม องคมนตรี เป็นประธานประกอบพิธีอัญเชิญสัญญาบัตร พัดยศ และ ผ้าไตรพระราชทาน เลื่อนสมณศักดิ์ชั้นพระเทพถวายแด่ พระเทพมงคลวัชโรดม (หลวงปู่แสง จันทวังโส) อายุ 102 ปี รวม 81 พรรษา พระเกจิอาจารย์ชื่อดังที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเป็นที่เคารพศรัทธาของพุทธศาสนิกชน โดยมี นายชาธิป รุจนเสรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม คณะหัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนประชาชนในพื้นที่ร่วมพิธี


พระเทพมงคลวัชโรดม (แสง จันทวังโส) ปัจจุบันมีอายุ 102 ปี 81 พรรษา เป็นพระสุปฏิปันโนที่เคร่งครัดในพระธรรมวินัยไม่ยอมประพฤติล่วงพระบัญญัติแม้ในสิ่งที่ผู้อื่นเห็นว่าเล็กน้อย มีความสมถะ และมีความรู้ลึกซึ้งแตกฉาน เป็นพระสงฆ์ที่เปี่ยมด้วยคุณธรรมและเมตตาเป็นที่พึ่งของชาวบ้าน โดยพระเทพมงคลวัชโรดม (แสง จันทวังโส) มีนามเดิมว่า นายแสงวงศ์ วงษ์ตาผา เกิดเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2463 วันแรม 6 ค่ำ เดือน 4 ปีมะแม (ตรงกับสมัยรัชกาลที่ 6) บิดาชื่อนายบุญจันทร์ มารดาชื่อนางสิงห์ เป็นชาวบ้านโพนตูม ต.ก้านเหลือง อ.นาแก โดยท่านได้เข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์เมื่ออายุ 19 ปี ด้วยการบรรพชาเป็นสามเณรหน้าไฟ เพื่ออุทิศส่วนกุศลและส่งดวงวิญญาณให้กับคุณตาที่ล่วงลับ ณ วัดศรีสำราญจิต บ้านดอนโทน หมู่ที่ 5 ต.ก้านเหลือง มีพระครูนาครธรรมนิเทศ เจ้าอาวาสวัดศรีสำราญจิตเป็นพระอุปัชฌาย์ และเมื่อเสร็จพิธีอุทิศส่วนกุศลและส่งดวงวิญญาณแล้ว เจ้าอาวาสไม่ยอมให้ลาสิกขา และพาเดินธุดงค์ปฏิบัติธรรมกรรมฐาน บำเพ็ญเพียร มาต่อเนื่องในพื้นที่หลายจังหวัดของภคอีสาน และได้เข้าจำพรรษาอยู่ที่วัดบ้านแก้ง อ.เขมราฐ จ.อุบลราชธานี เรื่อยมา กระทั่งวันที่ 3 ตุลาคม 2482 ท่านอายุครบ 22 ปี จึงได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ มีพระครูบริหารเกษมรัฐ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอุยเป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ พระดมเป็นพระอนุสาวนาจารย์ หลังอุปสมบทได้มุ่งมั่นเล่าเรียนด้วยปฏิภาณไหวพริบที่ดีเลิศจนสำเร็จการศึกษาแผนกธรรม ได้แก่ นักธรรมชั้นตรี–โท–เอก ตามลำดับ อีกทั้งยังได้เล่าเรียนอักขระเลขยันต์และวิทยาคมต่าง ๆ จนเชี่ยวชาญ โดยท่านเป็นพระภิกษุผู้ปฏิบัติชอบตามพระธรรมวินัย คอยเทศนาธรรมโวหารโปรดญาติโยมและชาวบ้านอย่างสม่ำเสมอจนเป็นที่เคารพศรัทธามาตลอด ต่อมาญาติโยมจึงได้นิมนต์ท่านกลับบ้านเกิด เพื่อมาจำพรรษา ณ วัดโพธิ์ชัย บ้านโพนตูม หมู่ 4 ต.ก้านเหลือง และด้วยท่านเป็นพระที่มีความสมถะ ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ มีความรู้ลึกซึ้งแตกฉาน และในช่วงนั้นแถบเทือกเขาภูพานมีผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ชุกชุม ท่านได้นำสมุนไพรที่มีอยู่ในป่าลึกแถบภูดงน้อย มารักษาโรคภัยไข้เจ็บให้กับชาวบ้านจนหายป่วย ภายหลังการสู้รบสงบลง จึงมีชาวบ้านและลูกศิษย์ที่เลื่อมใสศรัทธาจำนวนมาก แวะเวียนมากราบไหว้และทำบุญไม่ขาดสาย และด้วยการบำเพ็ญประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนาและดูแลการเจ็บป่วยของชาวบ้าน จึงได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตร นามพระครูอุดมรังสี และดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดโพธิ์ชัย รวมทั้งเป็นเจ้าคณะตำบลก้านเหลือง


ต่อมาในปี 2564 ที่ผ่านมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ถวายสัญญาบัตร พัดยศ ผ้าไตร เลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชมงคลวัชโรดม และในครั้งนี้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ถวายสัญญาบัตร พัดยศ ผ้าไตร เลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระเทพมงคลวัชโรดม ถึงแม้ปัจจุบันจะมีอายุ 102 ปีแล้ว แต่สายตาท่านยังดี หูยังได้ยิน ชอบการสนทนา พูดคุยสนุกสนานติดตลก ไม่ถือเนื้อถือตัว ชอบฉันเนื้อปลา นม มะละกอ กล้วยน้ำว้า และมะขามหวาน โดยท่านยังคงรับกิจนิมนต์เป็นปกติ และยังคงมีความเคร่งครัดในพระธรรมวินัยและวัตรปฏิบัติเช่นเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

วันเสาร์ที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2565

นรข.นครพนม ยึดยาบ้า 230,000 เม็ด หลังขบวนการค้ายาเสพติดปลอมเป็นชาวประมง

วันที่ 19 มีนาคม 2565 ที่หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง จังหวัดนครพนม นายชาธิป รุจนเสรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วย พลเรือตรี สมบัติ จูถนอม ผู้บัญชาการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง ( ผบ.นรข.) นาวาเอก พรภิรมย์ ยศบุญ ผู้บังคับการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง เขตนครพนม นาวาโท ธนะพงษ์ สุดรักษ์ หัวหน้าสถานีเรือบ้านแพง พันเอก ปราโมทย์ เนียมสำเภา รองผู้บังคับการกองบังคับการควบคุมที่ 1 กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี ร้อยเอก ธนากร นาเหล็ก ผู้บังคับกองร้อยทหารพรานที่ 2109 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 21 ร้อยตำรวจเอก อุทัย เกิดแก้ว และเจ้าหน้าที่หน่วยความมั่นคงในพื้นที่ที่เกี่ยวข้องร่วมกันแถลงข่าวผลการบูรณาการความร่วมมือเฝ้าระวัง ป้องกัน และปราบปรามยาเสพติดตามแนวชายแดนและในพื้นที่ ภายใต้แผนยุทธการฟ้าสางที่ฝั่งโขง ประจำปี 2565 ที่เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2565 ที่ผ่านมาสามารถตรวจยึดยาบ้า จำนวน 230,000 เม็ด พร้อมกัญชาอัดแท่ง จำนวน 10 แท่ง/กิโลกรัม เรือกีบพร้อมเครื่องยนต์ 1 ลำ และอุปกรณ์หาปลา ภายหลัง ผบ.นรข.ได้มีคำสั่งกำชับสั่งเข้มงวดกวดขันการกระทำผิดตามกฎหมายต่าง ๆ ในพื้นที่รับผิดชอบ พร้อมให้ประสานบูรณาการงานข่าว ร่วมกับหน่วยความมั่นคงในพื้นที่ จนทราบว่าจะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดเข้ามาในราชอาณาจักรไทย บริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขง บ้านท่าหนามแก้ว ตำบลหนองเทา อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม

โดยเจ้าหน้าที่ได้จัดชุดลาดตระเวนทั่งทางบกและทางน้ำ กระทั่งเวลา 4.30 น. ได้ตรวจพบเรือต้องสงสัย 2 ลำ ลอยลำอยู่กลางแม่น้ำโขง จากนั้นไม่นาน 1 ใน 2 ลำ ก็แล่นเข้ามาที่ท่าน้ำ แล้วก็มีชาย 2 คน เดินลงบันไดทางขึ้น – ลงที่มายังที่เรือเข้าจอดเทียบ เจ้าหน้าที่สังเกตเห็นว่าชายทั้งคู่กำลังขนของขึ้นจากเรือจึงได้แสดงตัวขอเข้าตรวจค้น เมื่อเห็นดังนั้นชาย 2 คนก้ได้ทิ้งวัตถุต้องสงสัยแล้ววิ่งหนีหายไปในความมืดทันทีด้วยความชำนาญ ส่วนผู้ต้องสงสัยที่อยู่ในเรือก็ได้กระโดดน้ำหนีไปขึ้นเรืออีกลำที่ลอยอยู่กลางแม่น้ำโขง แล้วติดเครื่องยนต์แล่นข้ามไปยังฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจสอบบริเวณดังกล่าวพบกระสอบสีเหลืองบนขั้นบันได จำนวน 2 กระสอบ และปลายบันไดทางขึ้นบริเวณหัวเรือ 2 กระสอบ เมื่อตรวจสอบภายในพบเป็นยาบ้าจำนวน 230,000 เม็ดและกัญชาอัดแท่งจำนวน 10 แท่ง/กิโลกรัม จึงได้ทำบันทึกตรวจยึดพร้อมนำส่งพนักงานสืบสวนสอบสวน สภ.ท่าอุเทนพร้อมของกลางอื่น ๆ คือ เรือกีบพร้อมเครื่องยนต์ จำนวน 1 ลำ และอุปกรณ์หาปลา

ทั้งนี้เจ้าหน้าที่พบว่าลักษณะพฤติการณ์การลำเลียงยาเสพติดในครั้งนี้มีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เพราะเป็นลักษณะการแอบแฝงมาในรูปการปลอมเป็นชาวประมงในพื้นที่ออกหาปลาในเวลากลางคืน ทำให้เจ้าหน้าที่จับสังเกตได้ยากขึ้น โดยหลังจากนี้ฝ่ายความมั่นคงของจังหวัดนครพนมจะมีการนำเรื่องดังกล่าวเข้าที่ประชุมเพื่อหารือวางแผนในการจัดระเบียบเรือประมงในพื้นที่ ซึ่งจะส่งผลดีต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ทำให้สามารถแยกแยะได้ว่าเป็นชาวประมงตัวจริงหรือเป็นคนที่แอบแฝงมา ทั้งยังทราบเวลาที่ชัดเจนในการใช้เรือทำการประมง รวมถึงจะมีการเสนอเรื่องดังกล่าวเข้าที่ประชุมระหว่างประเทศที่จะมีขึ้นในเร็ววันนี้ เพื่อร่วมกันวางมาตรการและจัดระเบียบเป็นการเฝ้าระวังป้องกัน การลักลอบกระทำผิดกฎหมายทุกประเภทด้วย


วันศุกร์ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2565

โคก หนอง นา กับการผสมผสานความพอเพียงที่พร้อมก้าวสู่ความยั่งยืน

นางเครือวัลย์ สุจริตตานันท์ เกษตรกรบ้านตาล ตำบลนาหว้า อำเภอนาหว้า จังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า พัฒนาชุมชนจังหวัดนครพนมได้เข้ามาสอบถามว่ามีใครสนใจที่จะทำโคกหนองนาบ้าง ซึ่งตัวเองมีใจรักในเรื่องนี้อยู่แล้วจึงได้สมัครเข้าร่วมโครงการ เพราะชอบปลูก ชอบฝังอยู่แล้ว ซึ่งขั้นแรกก่อนที่จะเริ่มทำก็จะมีการเตรียมหาปุ๋ยมาบำรุงดินก่อน คือการไปหาฟางและมูลสัตว์มาทำปุ๋ยแห้ง ปุ๋ยน้ำ และน้ำหมักชีวภาพไว้ใช้ในการบำรุงดิน พอเราทำทุกอย่างไว้เสร็จหมดแล้วก็พอดีกับที่เจ้าหน้าที่มาขุดแปลงให้ เราก็เริ่มลงมือปลูกพืชได้เลย ซึ่งก็ได้รับคำแนะนำว่าควรปลูกต้นกล้วยก่อนเพราะจะทำให้พื้นที่มีความชุ่มชื้น และมีน้ำในดินสามารถเลี้ยงพืชชนิดอื่นๆได้ จากนั้นก็ปลูกตะไคร้เพื่อยึดหน้าดินร่วมกับหญ้าแฝก ซึ่งที่เราปลูกมาทั้งหมดนี้ก็เพื่อให้เรามีกินมีใช้และเมื่อเหลือก็จะมีขาย

ตอนนี้ที่ขายก็จะมีพืช ประเภทต้นหอม พริก ผักบุ้ง และผักกาด โดยจะมีร้านค้ามาสั่งเป็นประจำแม้จะมีรูปลักษณ์ไม่สวยงาม แต่ทุกคนจะชอบ เพราะไม่มีพิษมีภัยต่อร่างกายเนื่องจากไม่ได้ใช้สารเคมี จะใส่เพียงปุ๋ยทั่วไปแล้วก็รดน้ำเท่านั้น ส่วนปลาที่เลี้ยงไว้ตอนนี้ยังไม่โตเต็มที่เท่าไหร่จึงยังไม่ได้ขาย ซึ่งจากการทำมา 5 - 6 เดือนพบว่าน้ำในบ่อมีไม่เพียงพอก็ได้คิดหาวิธีอื่นมาแก้ไข โดยวางแผนว่าจะเจาะน้ำบาดาลเพิ่มเติมจากนั้นจะใช้เครื่องสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์มาช่วย แต่อาจารย์ที่ปรึกษาได้ให้ข้อมูลว่า ปีที่ 2 บ่อจะเก็บกักน้ำได้ดีขึ้น จึงได้ชะลอแผนตัวนี้ไปก่อนเพื่อรอดูว่าปีถัดไปน้ำจะมากน้อยขนาดไหน ดังนั้นในตอนนี้การปลูกพืชจึงมีการปรับเปลี่ยนตามไปด้วย เช่น พื้นที่บางส่วนเคยมีเห็ดเกิดขึ้นมาก็จะมีการหาวิธีปรับปรุงบำรุงดินให้เหมาะสมเพื่อให้เห็ดเกิดมากขึ้น จะได้เป็นอีกหนึ่งช่องทางของแหล่งอาหาร นอกจากนี้ก็มีการหาพืชชนิดอื่น ๆ มาปลูกเพิ่มเติมเพราะถือเป็นช่วงแรกที่เราเริ่มทำโคกหนองนา เริ่มบำรุงดิน ซึ่งเป้าหมายที่วางไว้คือจะปลูกผสมผสานกันทุกอย่างที่เป็นพืช 5 ชนิด สูง เตี้ย เรี่ยดิน และใต้ดิน รวมถึงเลี้ยงเป็ดเลี้ยงไก่เพิ่มด้วย เพราะเราจะต้องอยู่ตรงนี้ไปอีกนาน ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น เช่น โรคภัยไข้เจ็บไปไหนมาไหนไม่ได้เราก็จะมีอยู่มีกินอย่างพอเพียง

ตอนนี้คนที่ผ่านไปผ่านมาเห็นแปลงโคกหนองนา ก็มีการเข้ามาสอบถามและขอดูอยู่เรื่อย ๆ เราก็เชิญให้เข้ามาดูมาชมและเรียนรู้ สิ่งไหนที่เป็นความรู้ที่ให้ได้เราก็พร้อมถ่ายทอดต่อ รวมถึงแนะนำช่องทางการติดต่อเพิ่มเติมอื่นๆ ให้ด้วย

จ.นครพนม ประกอบพิธีถวายราชสักการะ ร.5 เนื่องในวันท้องถิ่นไทย

วันที่ 18 มีนาคม 2565 ที่ลานพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 บริเวณด้านหน้าหอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม นายชาญชัย คงทัน รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานการประกอบพิธีวางพานพุ่มดอกไม้สดถวายราชสักการะพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 กล่าวถวายราชสดุดี อ่านสารรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เนื่องในวันท้องถิ่นไทย ประจำปี 2565 โดยมีคณะหัวหน้าส่วนราชการ คณะผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตลอดจนข้าราชการ เจ้าหน้าที่ พนักงานราชการและลูกจ้างองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นร่วมพิธี


จากที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงมีพระบรมราชโองการให้ยกฐานะตำบลท่าฉลอม จังหวัดสมุทรสาคร ขึ้นเป็นสุขาภิบาลท่าฉลอม เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2448 ถือเป็นปฐมบทแห่งการปกครองท้องถิ่นไทย และเป็นรากฐานการปกครองระบอบประชาธิปไตยในระดับท้องถิ่นจวบจนถึงปัจจุบัน เป็นระยะเวลา117 ปี มีจำนวนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกรูปแบบรวมทั้งสิ้น 7,850 แห่ง ถือเป็นหน่วยของการบริหารราชการแผ่นดินที่ใกล้ชิดกับพี่น้องประชาชน สามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้ตรงตามความต้องการของพี่น้องประชาชนมากที่สุด ทั้งในด้านการศึกษา สาธารณสุข สิ่งแวดล้อม การส่งเสริมศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม และภูมิปัญญาท้องถิ่น การส่งเสริมการท่องเที่ยว การป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย การส่งเสริมการสร้างอาชีพ นวัตกรรมการบริหารจัดการ และแนวทางการให้บริการประชาชน ไปจนถึงการพัฒนาและส่งเสริมคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ โดยเฉพาะการผนึกกำลังร่วมกับทุกภาคส่วนในการระงับยับยั้งการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด ส่งผลให้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคอยู่ในระดับที่สามารถควบคุมได้ และคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2553 กำหนดให้วันที่ 18 มีนาคมของทุกปีเป็นวันท้องถิ่นไทย ดังนั้นจังหวัดนครพนมจึงได้ร่วมกันประกอบพิธีดังกล่าวขึ้น เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน และเพื่อให้คณะผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ ตลอดจนบุคลากรองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้ตระหนักถึงหน้าที่ ความรับผิดชอบที่มีต่อประชาชน สังคมและประเทศชาติ รวมถึงให้ประชาชนได้เห็นถึงความสำคัญของการปกครองส่วนท้องถิ่นอันเป็นรากฐานสำคัญของการปกครองในระบอบประชาธิปไตย


วันพฤหัสบดีที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2565

มทบ. 210 สร้างมัคคุเทศก์น้อย พาทัวร์เที่ยวค่ายพระยอดเมืองขวาง

วันที่ 17 มีนาคม 2565 ที่ค่ายพระยอดเมืองขวาง ตำบลกุรุคุ อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม พลตรี สถาพร บุญชู ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 210 เปิดเผยว่า ค่ายพระยอดเมืองขวาง เป็นค่ายทหารที่มีประวัติและเรื่องราวต่าง ๆ มากมาย มีชื่อเดิมว่าค่ายนาโพธิ์ แต่ด้วยมีเหตุการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้น คือมีฟ้าผ่าลงมาตรงกลางป้ายที่เขียนว่า ค่ายนาโพธิ์ เป็นเหตุให้ป้ายแยกออกเป็น 2 ซีก แม้ทำป้ายมาเปลี่ยนใหม่ก็เกิดเหตุซ้ำเช่นเดิมอีก พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 จึงทรงพระราชทานนามใหม่ว่า ค่ายพระยอดเมืองขวาง เหตุการณ์ประหลาดก็ไม่เคยเกิดขึ้นอีกเลย ประกอบกับค่ายพระยอดเมืองขวางได้รับการจัดสรรงบประมาณของจังหวัดนครพนมเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในจังหวัดและกลุ่มจังหวัด จึงทำให้หลายจุดกลายเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ เป็นแหล่งท่องเที่ยวและออกกำลัง และเพื่อเป็นการพัฒนาศักยภาพการท่องเที่ยวให้มากยิ่งขึ้น


ซึ่งการท่องเที่ยวในปัจจุบันคงปฏิเสธไม่ได้ว่า เมื่อใดที่เราไปท่องเที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ หากมีไกด์หรือมัคคุเทศก์คอยนำทาง คอยให้ข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่นั้น ๆ จะทำให้การท่องเที่ยวมีอรรถรสมากยิ่งขึ้น และยิ่งมัคคุเทศก์เป็นคนในพื้นที่ ก็จะยิ่งให้รายระเอียดได้ครบถ้วน และมณฑลทหารบกที่ 210 (มทบ.210) ได้เล็งเห็นความสำคัญในจุดนี้ จึงได้จัดการฝึกอบรมบุตรหลานของกำลังพล มณฑลทหารบกที่ 210, กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 3 และเยาวชนรอบค่ายที่สนใจ รวม 20 คน เพื่อสร้างให้เป็นยุวมัคคุเทศก์นำเที่ยวภายในค่าย ตามโครงการอบรมมัคคุเทศก์น้อย มทบ.210 รุ่นที่ 1 ขึ้น เพราะนอกจากจะเป็นการสร้างมัคุเทศก์ตัวน้อยเพื่อให้ความรู้นักท่องเที่ยวแล้ว ยังเป็นการพัฒนาและส่งเสริมให้บุตรหลานได้มีความกล้าแสดงออก ได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ถิ่นฐานตัวเองทำให้เกิดความรักความหวงแหน ได้ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ทั้งยังจะทำให้ทุกคนมีรายได้จากการเป็นมัคคุเทศก์น้อย ได้รู้คุณค่าของเงินที่เกิดจากน้ำพักน้ำแรงของตนเอง รู้จักการมัธยัสถ์ และการใช้จ่ายในสิ่งที่จำเป็นอีกด้วย โดยในการฝึกอบรมจะมีทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ เริ่มตั้งแต่ บทบาทของยุวมัคคุเทศก์ การเป็นยุวมัคคุเทศก์ท่องเที่ยวที่ดี วิธีการต้อนรับนักท่องเที่ยวและการเป็นเจ้าบ้านที่ดี การเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์และพระราชกรณียกิจในพระราชวงศ์จักรี ซึ่งในค่ายมีห้องจัดแสดงพระอัจฉริยะภาพ พระราชกรณียกิจในด้านต่างๆ ของพระมหากษัตริย์ในราชวงศ์จักรีทุกพระองค์ เรียนรู้เกี่ยวกับกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงผจญภัยและกีฬา ที่มีหอกระโดดสูง 34 ฟุต หน้าผาจำลอง สนามยิงปืน สนามยิงธนู สถานีทดสอบกำลังใจ สนามฟุตบอลหญ้าเทียมขนาดใหญ่ กิจกรรมทางน้ำ เช่นการพายเรือแคนู การปั่นจักรยานชมทัศนียภาพความสวยงามรอบค่ายพระยอดเมืองขวาง กิจกรรมท่องเที่ยวเชิงเกษตรและปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของเหล่าทหารพันธุ์ดี จากนั้นเป็นการแบ่งกลุ่มทำกิจกรรมฝึกการแนะนำตัว,การนำเสนอแหล่งท่องเที่ยวบ้านฉัน และในวันที่ 18 มีนาคม 2565 จะเป็นการลงพื้นที่ฝึกกับสถานที่จริง 


วันพุธที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2565

จ.นครพนม พิจารณาอนุมัติเงินทุน 1.6 ล้านบาท ช่วยสหกรณ์ในพื้นที่ดำเนินธุรกิจ เพิ่มเติม 3 แห่ง



   วันที่ 16 มีนาคม 2565 ที่ห้องประชุม ชั้น 3 สำนักงานสหกรณ์จังหวัดนครพนม นายชาญชัย คงทัน รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานในการประชุมพิจารณาเงินกู้กองทุนพัฒนาสหกรณ์ ครั้งที่ 3/2565 เพื่อพิจารณาอนุมัติคำขอกู้เงินของสหกรณ์ในพื้นที่ที่มีการยื่นเรื่อง และติดตามผลการดำเนินงานในการเร่งรัดติดตามหนี้เงินกองทุนพัฒนาสหกรณ์ที่จ่ายออกไป โดยมีคณะอนุกรรมการจากหน่วยงานต่างๆ ประกอบไปด้วย สหกรณ์จังหวัดนครพนม หัวหน้าสำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์นครพนม ผู้แทนสำนักงาน ธ.ก.ส. จังหวัดนครพนม ประธานสภาเกษตรกรประจำจังหวัดนครพนม ประธานคณะกรรมการกลางกลุ่มเกษตรกรจังหวัดนครพนม และเจ้าหน้าที่สำนักงานสหกรณ์จังหวัด ร่วมพิจารณา
     นางสาววัชรี ปุกหุต สหกรณ์จังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า กองทุนพัฒนาสหกรณ์ เป็นกองทุนที่จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ. 2542 มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นทุนส่งเสริมกิจการของสหกรณ์ ด้วยการให้สินเชื่อแก่สหกรณ์ในการดำเนินธุรกิจ หรือใช้เป็นทุนหมุนเวียนในการให้เงินกู้แก่สมาชิก ใช้ในการรวบรวมผลผลิต การจัดหาสินค้ามาจำหน่าย แบ่งเป็นเงินกู้ระยะสั้น 1 ปี และเงินกู้ระยะยาวไม่เกิน 15 ปี ในการลงทุนในสินทรัพย์ ซึ่งจะคิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 1.5 - 5.5 ต่อปี ตามชั้นลูกหนี้ที่วัดจากขนาดของสหกรณ์ เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก ใหญ่พิเศษ รวมถึงความสามารถในการบริหารจัดการ และวินัยทางการเงิน ด้วยระบบการจัดชั้นลูกหนี้ของกองทุนพัฒนาสหกรณ์ ซึ่งจะมีการจัดชั้นทุกปี นอกจากนี้ยังมีโครงการพิเศษอื่น ๆ อีก ที่จะคิดดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 1 ต่อปี โดยในวันนี้ที่ประชุมมีมติให้สหกรณ์กู้เงินกองทุนพัฒนาสหกรณ์ จำนวน 3 แห่ง รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1,600,000 บาท คือ สหกรณ์การเกษตรโสกแมว จำกัด อำเภอธาตุพนม เป็นเงิน 800,000 บาท เพื่อนำไปเป็นทุนให้สมาชิกกู้ยืมและนำไปจัดหาปุ๋ยมาจำหน่ายให้กับสมาชิก สหกรณ์การเกษตรร่วมใจเรณูนคร จำกัด อำเภอเรณูนคร จำนวน 400,000 บาท เพื่อใช้เป็นทุนให้สมาชิกกู้ยืมในอัตราดอกเบี้ย ร้อยละ 2.50 บาทต่อปี และสหกรณ์ชาวสวนยางพารายางคำ จำกัด อำเภอนาแก จำนวน 400,000 บาท เพื่อใช้เป็นทุนให้สมาชิกกู้ยืมในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 2.00 บาทต่อปี ซึ่งคาดว่าเงินทุนดังกล่าวจะสามารถลดต้นทุนในการประกอบอาชีพทางการเกษตรให้กับสมาชิกสหกรณ์ ทั้งในเรื่องของดอกเบี้ย และค่าปุ๋ย ได้เป็นอย่างดี ในส่วนของการเร่งรัดติดตามผลนั้น จะเป็นการติดตามการเร่งรัดหนี้เงินกู้ของสัญญาที่ครบกำหนดชำระในปีงบประมาณ 2565 ณ วันที่ 16 มีนาคม 2565 ให้สหกรณ์สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนดสัญญา โดยสำนักงานสหกรณ์จังหวัดนครพนมจะมีการทำหนังสือแจ้งเตือนการชำระหนี้ก่อนครบกำหนด 60 วัน และ 30 วัน พร้อมออกติดตามที่สหกรณ์อย่างต่อเนื่อง

องคมนตรีพร้อมคณะตรวจเยี่ยม ติดตามการดำเนินงาน โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชธาตุพนม จ.นครพนม

วันที่ 16 มีนาคม 2565 เวลา 09.00 น. ที่ห้องประชุมศรีโคตรบูรณ ชั้น 2 โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชธาตุพนม อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์ เกษม วัฒนชัย องคมนตรี ประธานกรรมการมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชพร้อมคณะ เดินทางไปตรวจเยี่ยมและติดตามการดำเนินงานของโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชธาตุพนม อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม โดยมีนายชาธิป รุจนเสรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม หัวหน้าส่วนราชการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนเจ้าหน้าที่และบุคลากรทางการแพทย์ ผู้นำชุมชนท้องถิ่น ร่วมให้การต้อนรับและบรรยายสรุปการดำเนินงานในเรื่องต่าง ๆ ของโรงพยาบาล อาทิ ข้อมูลทั่วไป ข้อมูลการปฏิบัติงานของโรงพยาบาล ผลการดำเนินงานของมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช สาขาธาตุพนม ความก้าวหน้าในการพัฒนาโรงพยาบาลในระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา ปัญหา อุปสรรคและแนวทางการแก้ไข ตลอดจนในส่วนที่ต้องการสนับสนุนเพิ่มเติมเพื่อพัฒนาด้านโครงสร้างและระบบคุณภาพบริการให้เป็นโรงพยาบาลพัฒนาตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบ สมดังพระราชประสงค์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงต้องการให้ประชาชนในชนบทได้รับบริการที่มีคุณภาพเท่าเทียมกัน ตลอดจนสร้างขวัญและกำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชธาตุพนม


ในโอกาสนี้องคมนตรี ได้เชิญถุงพระราชทานไปมอบให้แก่ผู้ป่วยในที่รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชธาตุพนม โดยมีตัวแทนพยาบาลเป็นผู้รับมอบแทน และมอบเกียรติบัตรแก่ผู้มีอุปการคุณต่อโรงพยาบาล จากนั้นเดินทางไปเยี่ยมชมนิทรรศการโรงเรียนคุณธรรมของนักเรียนโรงเรียนธาตุพนม และโรงเรียนอุ่มเหม้าประชาสรรค์ ชมการแสดงของชมรมผู้สูงอายุอำเภอธาตุพนม ณ ศูนย์ OTOP ตรวจเยี่ยมการดำเนินงานในการดูแลสุขภาพของพระภิกษุสงฆ์ ณ อโรคยาศาลา และตรวจเยี่ยมรถพยาบาลโรคหลอดเลือดสมองเฉียบพลัน ( MOBILE STROKE UNIT ) ซึ่งเป็นความร่วมมือของจังหวัดนครพนมกับศูนย์โรคหลอดเลือดสมองศิริราช คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ตามโครงการพัฒนาการรักษาโรคหลอดเลือดสมองเฉียบพลัน เชื่อมกับการปรึกษาทางไกลและการส่งต่อผู้ป่วยครบวงจรสำหรับทุกคน ณ บริเวณหน้าวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร

ทั้งนี้ โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร เมื่อพุทธศักราช 2515 และทรง พระราชทานชื่อว่า “โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช” มีด้วยกันทั้งสิ้น 21 แห่งทั่วประเทศ และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงรับเป็นนายกกิตติมศักดิ์ของมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช และเสด็จพระราชดำเนินไปเปิดโรงพยาบาลด้วยพระองค์เองทุกแห่ง ด้วยทรงมุ่งหวังให้ประชาชนที่อยู่ในถิ่นทุรกันดาร ให้ได้มีโอกาสเข้าถึงการรักษาพยาบาลด้วยความเอาใจใส่ที่ดี และให้ปลอดภัยจากความเจ็บไข้โดยทั่วถึงเสมอหน้ากัน
โดยประชาชนได้แสดงความจงรักภักดีร่วมกันบริจาคเงิน ที่ดิน และอุปกรณ์ทางการแพทย์ต่าง ๆ ร่วมกับรัฐบาลในการสร้าง สำหรับโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชธาตุพนม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเสด็จพระราชดำเนินไปทรงวางศิลาฤกษ์ในวันที่ 20 กันยายน 2520 และเมื่อสร้างแล้วเสร็จได้เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2521 ภายใต้การดูแลของมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช และมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสาขาธาตุพนม สังกัดสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครพนม สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุขโดยมีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันเป็นโรงพยาบาลทุติยภูมิระดับกลาง (M2) ขนาด 120 เตียง มีแพทย์เชี่ยวชาญสาขาต่าง ๆ ประกอบด้วย อายุรกรรมแพทย์ 1 คน สูตินารีแพทย์ 2 คน กุมารแพทย์ 2 คน ศัลยแพทย์ออโธปิดิกซ์ 2 คน ศัลยแพทย์ทั่วไป 1 คน แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว 1 คน แพทย์ทั่วไป 5 คน มีการให้บริการตามเป้าประสงค์ 4 ยุทธศาสตร์ คือ ชุมชนมีสุขภาวะที่ยั่งยืน ผู้รับบริการมีความสุข บุคลากรมีความสุข และเป็นโรงพยาบาลแห่งความสุข โดยให้บริการสร้างเสริมสุขภาพ ฟื้นฟูสภาพ ป้องกันและรักษา ภายใต้การพัฒนาคุณภาพอย่างต่อเนื่องตามมาตรฐาน HA กับประชาชนในพื้นที่อำเภอธาตุพนม อำเภอใกล้เคียง รวมถึงบางส่วนของจังหวัดมุกดาหาร

วันพฤหัสบดีที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2565

ศบภ.มทบ.210 นครพนม บูรณาการหน่วยงานต่าง ๆ ปล่อยขบวนรถบรรทุกน้ำให้ความช่วยเหลือประชาชนแก้ปัญหาภัยแล้ง

วันที่ 10 มีนาคม 2565 เวลา 14.00 น. ที่ค่ายพระยอดเมืองขวาง ตำบลกุรุคุ อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม พลตรี สถาพร บุญชู ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 210 ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บรรเทาสาธารณภัยมณฑลทหารบกที่ 210 เป็นประธานในพิธีปล่อยขบวนรถบรรทุกน้ำให้ความช่วยเหลือประชาชน ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาภัยแล้งในพื้นที่จังหวัดนครพนม ตามโครงการราษฎร์ รัฐ ร่วมใจ ช่วยภัยแล้ง ประจำปี 2565 ซึ่งเป็นการบูรณาการกำลังพล ยานพาหนะและเครื่องมืออุปกรณ์ต่าง ๆ ของมณฑลทหารบกที่ 210 (มทบ.210) กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 3 (ร.3 พัน.3) สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครพนม การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดนครพนม สำนักงานประปาส่วนภูมิภาค สาขานครพนม องค์การบริหารส่วนตำบลกุรุคุ และองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านผึ้ง ในการออกให้ความช่วยเหลือประชาชนในช่วงต่อจากนี้ ด้วยประเทศไทยได้มีการประกาศเข้าสู่ฤดูร้อนอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2565 เนื่องจากความผันแปรของสภาพภูมิอากาศและสภาวะโลกร้อนที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้พื้นที่ต่างๆ โดยเฉพาะพื้นที่อยู่ห่างไกลจากเขตชลประทานมีน้ำไม่เพียงพอต่อการอุปโภค บริโภค และทำการเกษตรได้

โดยภายหลังการปล่อยขบวน รถบรรทุกน้ำได้ออกไปแจกจ่ายน้ำให้กับประชาชนบ้านนามะเขือ ตำบลนามะเขือ อำเภอปลาปาก ซึ่งกำลังประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำใช้ในครัวเรือนอยู่ เนื่องจากในปีนี้แหล่งน้ำในหมู่บ้านแห้งขอดเร็วกว่าปกติ ทำให้ไม่สามารถสูบน้ำขึ้นมาใช้ทำระบบประปาหมู่บ้านได้ และปัจจุบันอยู่ระหว่างการดำเนินการขององค์การบริหารส่วนตำบลในการหาแหล่งน้ำมาให้ทำระบบน้ำประปาให้ทุกคนในชุมชนได้ใช้คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จในอีก 1 เดือนข้างหน้า ดังนั้นในช่วงนี้ทางศูนย์บรรเทาสาธารณภัยมณฑลทหารบกที่ 210 จึงได้มีการเข้าไปสนับสนุนน้ำตามโครงการราษฎร์ รัฐ ร่วมใจ ช่วยภัยแล้ง ประจำปี 2565 ให้กับประชาชน จำนวน 6,000 ลิตร เป็นการแบ่งเบาภาระของทางองค์การบริหารส่วนตำบลที่ต้องจัดหาน้ำมาแจกจ่ายตามจุดต่าง ๆ ของหมู่บ้าน เพื่อให้ประชาชนได้ใช้ในการอุปโภคบริโภคในช่วงนี้ และสำหรับประชาชนในพื้นที่อื่น ๆ ของจังหวัดนครพนม หากมีความเดือดร้อนและต้องการน้ำ สามารถติดต่อประสานได้ที่ โทร 081-799-7792 ทางศูนย์บรรเทาสาธารณภัยมณฑลทหารบกที่ 210 จะออกไปให้การช่วยเหลือในทันที


องคมนตรีและคณะลงพื้นที่นครพนม ร่วมประชุมเชิงวิชาการ และเปิดโครงการรวมใจภักดิ์ รักษ์น้ำ กำจัดผักตบชวาอย่างยั่งยืน ตามแนวพระราชดำริในหลวง ร.9

วันที่ 10 มีนาคม 2565 เวลา 09.00 น. ที่โรงแรมไอโฮเท็ล ตำบลท่าค้อ อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม พลเรือเอก พงษ์เทพ หนูเทพ องคมนตรี และประธานกรรมการบริหาร มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ และคณะจากส่วนกลาง ได้เดินทางมาเป็นประธานเปิดการประชุมเชิงวิชาการและร่วมเสวนา เกี่ยวกับแนวทางการกำจัดวัชพืชในแหล่งน้ำของประเทศไทยอย่างยั่งยืน ที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครพนมจัดขึ้น เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ให้กับคณะหัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้สามารถนำไปเป็นแนวทางในการขับเคลื่อนโครงการ แผนงาน ในการร่วมกันแก้ไขปัญหาผักตบชวาและวัชพืชในแหล่งน้ำในพื้นที่ของตนเอง เป็นการเตรียมความพร้อมรองรับน้ำในฤดูฝน แก้ปัญหาภัยแล้ง และรักษาแหล่งน้ำธรรมชาติให้คงอยู่อย่างมีคุณภาพ มีความอุดมสมบูรณ์ เนื่องจากได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของน้ำที่เป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิตของทุกคน โดยมีการน้อมนำพระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2529 ที่ทรงตระหนักด้วยพระปรีชาสามารถ และด้วยพระราชหฤทัยห่วงใยราษฎร ทรงมีโครงการต่าง ๆ อย่างมากมายเพื่อเป็นต้นแบบให้กับราษฎรของพระองค์ และทรงพระราชทานพระราชดำรัสเสมอว่า“น้ำคือชีวิต” ซึ่งใจความหลักสำคัญ คือ ต้องมีน้ำบริโภค น้ำใช้ น้ำเพื่อการเพาะปลูก เพราะว่าชีวิตอยู่ที่นั่น ถ้ามีน้ำคนอยู่ได้ ถ้าไม่มีน้ำคนอยู่ไม่ได้ ไม่มีไฟฟ้าคนอยู่ได้ แต่ถ้ามีไฟฟ้าไม่มีน้ำคนอยู่ไม่ได้ โดยน้อมนำมาบริหารจัดการแหล่งน้ำสาธารณะต่างๆ ในพื้นที่จังหวัดนครพนม


จากนั้นได้เดินทางไปเปิดโครงการรวมใจภักดิ์ รักษ์น้ำ ประจำปีงบประมาณ 2565 ที่ห้วยฮ่องหอ บ้านหนองบัว ตำบลหนองญาติ อำเภอเมือง ที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครพนม ร่วมกับประชาชนจิตอาสาจัดขึ้นเพื่อร่วมกันกำจัดผักตบชวาในแหล่งน้ำรูปแบบการพ่นเชื้อราด้วยโดรนพร้อมกันกับพื้นที่อื่น ๆ อีก 12 แห่ง คือห้วยบังฮวก หมูที่ 9 ตำบลดอนนางหงส์ ห้วยแคน หมู่ที่ 9 ตำบลธาตุพนมใต้ อำเภอธาตุพนม ห้วยบ่อแก หมู่ที่ 1 ตำบลเรณู อำเภอเรณูนคร ห้วยบ่อแก หมูที่ 11 ตำบลเรณูใต้ อำเภอเรณูนคร หนองสาหร่าย หมูที่ 12 ตำบลพนอม อำเภอท่าอุเทน หนองไผ่ หมู่ที่ 7 ตำบลไชยบุรี อำเภอท่าอุเทน หนองเอือด หมู่ที่ 2 ตำบลนาทม อำเภอนาทม หนองเลิง หมู่ที่ 2 ตำบลสามผงอำเภอศรีสงคราม หนองบึงกอง หมู่ที่ 16 ตำบลพระกลางทุ่ง อำเภอธาตุพนม ห้วยคำไหล หมู่ที่ 6 ตำบลโพนแพง อำเภอธาตุพนม ห้วยบ่อแก หมูที่ 5,6 อำเภอเรณูนคร และห้วยวังสิ้ว หมูที่ 4 ตำบลนาคำ อำเภอศรีสงคราม


พลเรือเอก พงษ์เทพ หนูเทพ องคมนตรี กล่าวว่า ผักตบชวาเป็นวัชพืชที่เจริญเติบโตได้ในทุกสภาพน้ำ สามารถขยายพันธุ์ แพร่กระจายตัวได้อย่างรวดเร็ว ก่อให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมา ทั้งการกรีดขวางเส้นทางการจราจร เกิดการตื้นเขินของแม่น้ำลำคลองที่มีผักตบชวา ทั้งยังทำให้เกิดการระเหยของน้ำเพิ่มขึ้นมากกว่าปกติ 3-5 เท่า และเกิดน้ำเน่าเสีย ส่งผลกระทบต่อการประกอบอาชีพของประชาชน รวมถึงกระทบต่อการดำรงชีวิตของสัตว์น้ำ และการร่วมมือกันของทุกภาคส่วนในการแก้ไขปัญหาก็เป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งการกำจัดผักตบชวาและวัชพืชนั้นมีหลากหลายวิธีที่สามารถทำได้ เช่น การนำมาทำปุ๋ย หรือนำมาจักสาน ซึ่งในลักษณะผักตบชวาจะไม่หมดไปเพราะมีวงจรการเจริญเติบโตเพียง 25 วัน ทำให้สามารถเจริญเติบโตขึ้นมาได้อีก รวมทั้งเป็นการสิ้นเปลืองแรงงานคนและเครื่องจักรต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก แต่จากประสบการณ์ที่ได้บูรณาการกับภาคส่วนต่าง ๆ ทำให้เห็นว่าการกำจัดผักตบชวาด้วยเชื้อราของสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง สามารถกำจัดได้ผลเป็นอย่างดี ทั้งยังไม่มีผลกระทบต่อสัตว์น้ำ โดยวิธีการใช้โดรนฉีดพ่นเชื้อราไปที่ผักตบชวาโดยตรง จากนั้นปล่อยทิ้งไว้ไม่เกิน 21 วัน ผักตบชวาก็จะแห้งจนตาย และไม่สามารถแพร่พันธ์ต่อไปได้อีก

วันพุธที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2565

มูลนิธิบำรุงโรงเรียนวัดบึงเหล็กที่กำเนิดจากพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ ร.9 มอบทุนการศึกษาเด็กเรียนดี ยากจนจังหวัดนครพนม

วันที่ 9 มีนาคม 2565 ที่หอประชุมโรงเรียนวัดบึงเหล็ก ในพระบรมราชานุเคราะห์ นายชาธิป รุจนเสรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานในพิธีมอบทุนการศึกษาโครงการทุนพ่อหลวง มูลนิธิบำรุงโรงเรียนวัดบึงเหล็ก ประจำปี 2564 ให้กับนักเรียนที่มีผลการเรียนดีมีความประพฤติดี จำนวน 120 คน เนื่องจากคณะกรรมการมูลนิธิบำรุงโรงเรียนวัดบึงเหล็กได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการศึกษาของเยาวชนผู้ด้อยโอกาสและยากจนในชนบท โดยได้มีการพิจารณาอนุมัติเงินดอกเบี้ยมูลนิธิฯ เพื่อจ่ายเป็นทุนการศึกษาตามโครงการทุนพ่อหลวง แบ่งเป็น 5 ประเภททุนได้แก่ ทุนเรียนดีพ่อหลวง มอบให้กับนักเรียนที่มีผลการเรียนดี มีความประพฤติดี ผลการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-5 เกรดเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 3.00 เฉพาะ 3 อันดับสูงสุดของในแต่ระดับชั้นทุนละ 1,000 บาท ทุนนักเรียนดีพ่อหลวง มอบให้นักเรียนที่มีความประพฤติดี เป็นแบบอย่างที่ดีด้านใดด้านหนึ่ง มีผลการเรียนไม่ต่ำกว่า 2.0 ทุนละ 1,000 บาท ทุนศิลปะ ดนตรี นาฏศิลป์พ่อหลวง มอบให้นักเรียนที่มีผลงานด้านศิลปะ ดนตรี นาฏศิลป์ เป็นที่ยอมรับของโรงเรียนและมีความประพฤติดี ทุนละ 1,000 บาท ทุนศึกษาต่อพ่อหลวงมอบให้กับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่1 ปีที่ 4 ที่มีฐานะยากจนให้ได้มีโอกาสเข้าศึกษาต่อทุนละ 500 บาท และทุนศึกษาต่อพ่อหลวงระดับปริญญาตรี ทุนละ 2,000 บาท เพื่อเป็นทุนการศึกษาที่ช่วยเหลือนักเรียนที่เข้าเรียนในระดับชั้นปริญญาตรี นอกจากนี้ยังมีทุนการศึกษาจากผู้มีจิตอันเป็นกุศลมอบให้เพิ่มเติมอีกจำนวนหนึ่ง

โดยโรงเรียนวัดบึงเหล็ก ในพระบรมราชานุเคราะห์ เป็นโรงเรียนสงเคราะห์เด็กยากจน กำพร้า อนาถา ขาดที่พึ่ง ไม่มีทุนทรัพย์ที่จะศึกษาต่อตลอดจนเด็กที่ด้อยโอกาสทางการศึกษาในถิ่นทุรกันดาร และถิ่นที่มีผู้ก่อการร้ายตามแนวชายแดน ตามพระราชประสงค์ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2518 ตามใบอนุญาตเลขที่ 2/2518 เป็นโรงเรียนอันดับของสำนักพระราชวัง ประเภทโรงเรียนเอกชน โดยมีศาสตราจารย์ดอกเตอร์กัลย์ อิศรเสนา ณ อยุธยา เป็นผู้รับใบอนุญาตและเจ้าของโรงเรียน ปัจจุบันมีนักเรียนที่กำลังศึกษาอยู่ ทั้งสิ้น 204 คน แบ่งเป็น ชาย 102 คน หญิง 102 คน มีบุคลากรทางการศึกษารวมทั้งสิ้น 18 ราย

ทั้งนี้มูลนิธิบำรุงโรงเรียนวัดบึงเหล็ก ได้จัดตั้งขึ้นโดยพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงพระราชทานให้จัดตั้งขึ้น และให้นำดอกผลมาใช้ในการช่วยเหลือนักเรียนและบำรุงโรงเรียนวัดบึงเหล็ก ในพระบรมราชานุเคราะห์ โดยมอบให้ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมเป็นผู้กำกับดูแลทุนการศึกษาทุนพ่อหลวง ที่จะมอบให้แก่นักเรียน เป็นการสนองพระราชดำริของพระองค์ท่าน และเป็นการสงเคราะห์ช่วยเหลือนักเรียนที่ยากจนให้ได้มีโอกาสศึกษาเล่าเรียน เป็นการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของผู้ปกครองในแต่ละครอบครัว


วันอังคารที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2565

นครพนม จัดกิจกรรมวันสตรีสากล 2565 และวันครบรอบ 48 ปี กลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต

วันที่ 8 มีนาคม 2565 ที่หอประชุมที่ว่าการอำเภอเมืองนครพนม นายชาธิป รุจนเสรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานเปิดงาน รวมพลังสตรีนครพนมร่วมใจใส่ผ้าไทยให้สนุก เนื่องในวันสตรีสากล ประจำปี 2565 และมหกรรมการออมลดความเลื่อมล้ำของประชาชน เนื่องในวันครบรอบ 48 ปี วันคล้ายวันก่อตั้งกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิตจังหวัดนครพนม ที่สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดนครพนมและภาคีเครือข่ายจัดขึ้น เพื่อเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนบทบาทของผู้หญิงในสังคม รวมทั้งระลึกถึงความเป็นมาแห่งการต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งความเสมอภาค ยุติธรรม สันติภาพ และเพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนในพื้นที่ได้รู้จักและเห็นความสำคัญของวันสตรีสากล ที่ตรงกับวันที่ 8 มีนาคมของทุกปี ตามที่องค์กรทำงานด้านผู้หญิงหลายประเทศทั่วโลกได้กำหนดไว้ ทั้งเป็นการส่งเสริมการออมภาคประชาชน ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ส่งเสริมวินัยทางการเงินของสมาชิกในครัวเรือน หมู่บ้าน ชุมชน แล้วนำเงินที่ได้มาเป็นเครื่องมือในการพัฒนา สร้างการพึ่งพาตนเองของคนชุมชน นำไปสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืน

โดยในปีนี้มีกิจกรรมมีกิจกรรมที่หลากหลาย ทั้งการจัดนิทรรศถ่ายทอดความรู้ด้านการออม การจำหน่ายสินค้า OTOP ผลิตภัณฑ์สินค้าชุมชน สินค้าจากสมาชิกกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี กลุ่มอาชีพที่กู้ยืมเงินทุนหมุนเวียนกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีไปประกอบอาชีพ การเสวนาและการบรรยายถ่ายทอดความรู้ในหัวข้อ สตรียุคใหม่ พร้อมใจทำงานด้วยจิตอาสา สู่สังคมไทยเข้มแข็ง การชมวีดิทัศน์ประชาสัมพันธ์โครงการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี การแสดงจากสตรีทั้ง 12 อำเภอ การมอบใบประกาศเกียรติคุณเชิดชูเกียรติให้แก่สตรีดีเด่น เจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชนผู้สนับสนุนการขับเคลื่อนกิจกรรมสตรีดีเด่น และกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิตจาก 12 อำเภอนอกจากนี้ยังมีกิจกรรมการเดินแบบผ้าไทยใส่ให้สนุก ซึ่งเป็นการนำเสนอผ้าไทย ผ้าพื้นเมือง ผ้าอัตลักษณ์พื้นถิ่น และผ้าเอกลักษณ์ของจังหวัดนครพนม ให้เป็นที่รู้จักแก่สายตาผู้ที่มาร่วมงาน ด้วยการนำมาออกแบบและตัดเย็บให้สามารถสวมใส่ได้ในทุกโอกาส ทุกเพศ ทุกวัย มีรูปแบบที่ทันสมัยแต่ยังคงไว้ซึ่งอัตลักษณ์และลวดลายที่โดดเด่นเฉพาะตัวของชาวนครพนม ซึ่งผ้าที่นำมาทำ มีทั้งผ้าไหม ผ้ามุก ผ้าหมักโคลน ผ้าฝ้ายย้อมคราม ผ้าฝ้ายย้อมไม้มงคล และผ้าทอชุดประจำชนเผ่า รวมถึงได้มีการน้อมนำเอาแบบผ้ามัดหมี่ลายขอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา และแบบลายผ้าขิดพระราชทาน “ผ้าขิดลายนารีรัตนราชกัญญา” ในสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ที่ได้ทรงอุทิศพระองค์มุ่งมั่นที่จะสืบสานพระราชปณิธานของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในการอนุรักษ์ พื้นฟู ศิลปวัฒนธรรม ภูมิปัญญาหัตถกรรมไทย ให้ดำรงอยู่ยั่งยืนตลอดไป และทรงพระราชทานแบบให้แก่ช่างทอผ้าทุกกลุ่ม ทุกเทคนิค มาถอดแบบและทอผ้า พร้อมกับตัดเย็บเป็นชุดมาเดินแบบในงานวันนี้ด้วย