วันจันทร์ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2565

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานสัญญาบัตรพัดยศ ผ้าไตร ถวายหลวงปู่แสง จันทวังโส

วันที่ 21 มีนาคม 2565 เวลา 13.30 น. ที่วัดโพธิ์ชัย บ้านโพนตูม หมู่ 4 ต.ก้านเหลือง อ.นาแก จ.นครพนม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ นายศุภชัย ภู่งาม องคมนตรี เป็นประธานประกอบพิธีอัญเชิญสัญญาบัตร พัดยศ และ ผ้าไตรพระราชทาน เลื่อนสมณศักดิ์ชั้นพระเทพถวายแด่ พระเทพมงคลวัชโรดม (หลวงปู่แสง จันทวังโส) อายุ 102 ปี รวม 81 พรรษา พระเกจิอาจารย์ชื่อดังที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเป็นที่เคารพศรัทธาของพุทธศาสนิกชน โดยมี นายชาธิป รุจนเสรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม คณะหัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนประชาชนในพื้นที่ร่วมพิธี


พระเทพมงคลวัชโรดม (แสง จันทวังโส) ปัจจุบันมีอายุ 102 ปี 81 พรรษา เป็นพระสุปฏิปันโนที่เคร่งครัดในพระธรรมวินัยไม่ยอมประพฤติล่วงพระบัญญัติแม้ในสิ่งที่ผู้อื่นเห็นว่าเล็กน้อย มีความสมถะ และมีความรู้ลึกซึ้งแตกฉาน เป็นพระสงฆ์ที่เปี่ยมด้วยคุณธรรมและเมตตาเป็นที่พึ่งของชาวบ้าน โดยพระเทพมงคลวัชโรดม (แสง จันทวังโส) มีนามเดิมว่า นายแสงวงศ์ วงษ์ตาผา เกิดเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2463 วันแรม 6 ค่ำ เดือน 4 ปีมะแม (ตรงกับสมัยรัชกาลที่ 6) บิดาชื่อนายบุญจันทร์ มารดาชื่อนางสิงห์ เป็นชาวบ้านโพนตูม ต.ก้านเหลือง อ.นาแก โดยท่านได้เข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์เมื่ออายุ 19 ปี ด้วยการบรรพชาเป็นสามเณรหน้าไฟ เพื่ออุทิศส่วนกุศลและส่งดวงวิญญาณให้กับคุณตาที่ล่วงลับ ณ วัดศรีสำราญจิต บ้านดอนโทน หมู่ที่ 5 ต.ก้านเหลือง มีพระครูนาครธรรมนิเทศ เจ้าอาวาสวัดศรีสำราญจิตเป็นพระอุปัชฌาย์ และเมื่อเสร็จพิธีอุทิศส่วนกุศลและส่งดวงวิญญาณแล้ว เจ้าอาวาสไม่ยอมให้ลาสิกขา และพาเดินธุดงค์ปฏิบัติธรรมกรรมฐาน บำเพ็ญเพียร มาต่อเนื่องในพื้นที่หลายจังหวัดของภคอีสาน และได้เข้าจำพรรษาอยู่ที่วัดบ้านแก้ง อ.เขมราฐ จ.อุบลราชธานี เรื่อยมา กระทั่งวันที่ 3 ตุลาคม 2482 ท่านอายุครบ 22 ปี จึงได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ มีพระครูบริหารเกษมรัฐ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอุยเป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ พระดมเป็นพระอนุสาวนาจารย์ หลังอุปสมบทได้มุ่งมั่นเล่าเรียนด้วยปฏิภาณไหวพริบที่ดีเลิศจนสำเร็จการศึกษาแผนกธรรม ได้แก่ นักธรรมชั้นตรี–โท–เอก ตามลำดับ อีกทั้งยังได้เล่าเรียนอักขระเลขยันต์และวิทยาคมต่าง ๆ จนเชี่ยวชาญ โดยท่านเป็นพระภิกษุผู้ปฏิบัติชอบตามพระธรรมวินัย คอยเทศนาธรรมโวหารโปรดญาติโยมและชาวบ้านอย่างสม่ำเสมอจนเป็นที่เคารพศรัทธามาตลอด ต่อมาญาติโยมจึงได้นิมนต์ท่านกลับบ้านเกิด เพื่อมาจำพรรษา ณ วัดโพธิ์ชัย บ้านโพนตูม หมู่ 4 ต.ก้านเหลือง และด้วยท่านเป็นพระที่มีความสมถะ ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ มีความรู้ลึกซึ้งแตกฉาน และในช่วงนั้นแถบเทือกเขาภูพานมีผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ชุกชุม ท่านได้นำสมุนไพรที่มีอยู่ในป่าลึกแถบภูดงน้อย มารักษาโรคภัยไข้เจ็บให้กับชาวบ้านจนหายป่วย ภายหลังการสู้รบสงบลง จึงมีชาวบ้านและลูกศิษย์ที่เลื่อมใสศรัทธาจำนวนมาก แวะเวียนมากราบไหว้และทำบุญไม่ขาดสาย และด้วยการบำเพ็ญประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนาและดูแลการเจ็บป่วยของชาวบ้าน จึงได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตร นามพระครูอุดมรังสี และดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดโพธิ์ชัย รวมทั้งเป็นเจ้าคณะตำบลก้านเหลือง


ต่อมาในปี 2564 ที่ผ่านมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ถวายสัญญาบัตร พัดยศ ผ้าไตร เลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชมงคลวัชโรดม และในครั้งนี้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ถวายสัญญาบัตร พัดยศ ผ้าไตร เลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระเทพมงคลวัชโรดม ถึงแม้ปัจจุบันจะมีอายุ 102 ปีแล้ว แต่สายตาท่านยังดี หูยังได้ยิน ชอบการสนทนา พูดคุยสนุกสนานติดตลก ไม่ถือเนื้อถือตัว ชอบฉันเนื้อปลา นม มะละกอ กล้วยน้ำว้า และมะขามหวาน โดยท่านยังคงรับกิจนิมนต์เป็นปกติ และยังคงมีความเคร่งครัดในพระธรรมวินัยและวัตรปฏิบัติเช่นเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น