นางหลง สิงเสือ เกษตรกรบ้านนาโดน ตำบลขามเฒ่า อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า การทำโคก หนอง นา นั้นใจต้องรักที่จะทำการเกษตร ถ้าใครที่มีความคิดที่อยากจะทำแค่ครึ่งเดียว ขอแนะนำว่าอย่ามาทำในส่วนนี้เลยจะดีกว่า เพราะการทำโคก หนอง นา ไม่ใช่ว่าจะมีรายได้มากมายจนร่ำรวย แต่เป็นการพออยู่พอกิน ส่วนการเริ่มต้นถ้าอยากจะทำเราต้องดูจากสภาพของดินและของน้ำก่อน เพราะตราบใดที่เรามีความขยัน ดินดี น้ำดี ปลูกอะไรลงไปก็ได้ผลผลิต ดังนั้นคนที่จะมาทำตรงนี้ต้องถามตัวเองก่อนว่าพร้อมแล้วหรือยัง
สำหรับ โคก หนอง นา ที่ทำอยู่ตอนนี้ ก็มีการปลูกทั่วไปเหมือนคนอื่น ๆ เขา มีทุกอย่างที่เรากินได้ ตามริมสระก็ปลูกกล้วย ข่า ตระไคร้ พริก มะม่วง ตอนนี้ที่เพิ่มเติมขึ้นมาก็เป็นมะพร้าว ส่วนที่ดินที่ปลูกข้าว 1 ไร่กว่า ๆ ที่เหลือจากการแบ่งมาทำ โคกและหนอง ก็ยังได้ผลผลิตข้าว 60 -70 กระสอบเหมือนเดิมแม้จะทำในพื้นที่น้อยลงเพราะแต่ก่อนที่ทำนา 3 ไร่ ไม่สามารถดูแลได้ทั้งหมด แต่พอมาทำ โคก หนอง นา ตรงนี้ ทำให้ได้เรียนรู้ว่าเราจะดูแลยังไงให้ทั่วถึง โดยหลังจากที่มาประมาณปีกว่า อันไหนที่เคยซื้อก็ไม่ต้องซื้อแล้ว นั้นหมายถึงการลดรายจ่ายในครัวเรือนลงไปได้เยอะมาก ต่อไปในอนาคตอาจจะเพิ่มรายได้ให้เราก็ได้ ซึ่งทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในโคก หนอง นา นั้น สอนให้เราใช้ประโยชน์ได้ทุกอย่าง เช่น ฟางข้าวก็ไถกลบเพื่อเป็นปุ๋ยบำรุงดิน อีกส่วนก็นำมาห่มดินตามโคนต้นไม้ต่าง ๆ ที่เราปลูก ใบไม้ที่ร่วงหล่นลงมาหรือต้นกล้วยเราก็สามารถนำมาทำปุ๋ยหมัก ทำสารอินทรีย์ได้ และพอเราดูแล เอาใจใส่ทุกวัน จะทำให้เรามองเห็นว่าตรงไหนมีปัญหา การเจริญเติบโตไม่ดี เราก็พยายามหาวิธีมาปรับปรุงแก้ไข ถ้าเปรียบเทียบการดูแล โคก หนอง นา กับคนก็เหมือนการที่มองดูหน้าตาตรงไหนไม่สวย ก็ทาแป้งแต่งตัวก็ทำให้ดูดีขึ้น กลายเป็นว่าจากแต่ก่อนที่ทำนาจะมาปีละครั้งก็เปลี่ยนเป็นมาเป็นมาแทบทุกวัน เพราะมีความผูกพันและมีความสุขที่ได้อยู่กับธรรมชาติ ได้ดูว่าต้นไม้ของเราเจริญเติบโตขนาดไหน เปลี่ยนแปลงไปยังไง และจะทำอะไรเพิ่มเติม โดยทุกวันนี้รายได้มาจากการขายข่า ขายตระไคร้ โดยข่าจะขายกำละ 10 - 20 บาท ตระไคร้กิโลกรัมละ 10 บาท แม่ค้าที่ตลาดจะมารับถึงที่วันละ 20-30 กิโลกรัม ก็ทำหมุนเวียนไปเรื่อย ๆ ส่วนปลาในสระถ้าเราตั้งใจเลี้ยงก็ขายเป็นเงินได้เหมือนกัน เช่นการเลี้ยงปลาดุกในกระชังประมาณ 3 เดือนก็จำหน่ายได้แล้ว

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น