วันเสาร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2562

จ.นครพนม สร้างบุคคลากรที่พร้อมน้อมนำพระราโชบายด้านการศึกษาสู่การปฏิบัติ


วันที่ 31 สิงหาคม 2562 นายปริญญา ธรเสนา ศึกษาธิการจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า การศึกษาถือเป็นรากฐานที่สำคัญยิ่งสำหรับทุกคน ที่จะนำไปใช้ในการดำเนินชีวิตให้อยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข และพร้อมเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยเมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงตอบรับเป็นพระมหากษัตริย์ เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2559 โดยทรงมีพระบรมราโชบายด้านการศึกษาเพื่อสร้างพื้นฐานให้แก่ผู้เรียน 4 ด้าน ประกอบไปด้วย การมีทัศนคติที่ถูกต้องต่อบ้านเมือง การมีพื้นฐานชีวิตที่มั่นคง การมีงานทำ มีอาชีพ และการเป็นพลเมืองดี และกระทรวงศึกษาธิการได้ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตน้อมนำพระราโชบายด้านการศึกษามาเป็นหลักชัยในการดำเนินงาน เพื่อพัฒนาบุคคลากรทางการศึกษาและสร้างเด็กและเยาวชนที่เป็นคนเก่ง คนดี ที่พร้อมปฏิบัติตามรอยพระยุคลบาทอย่างเป็นรูปธรรม

ดังนั้นจังหวัดนครพนม โดยสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดนครพนม จึงได้จัดการสัมมนาทางวิชาการน้อมนำพระราโชบายด้านการศึกษาสู่การปฏิบัติ และสถาบันพระมหากษัตริย์กับประเทศไทย ประจำปี 2562 ขึ้น ที่หอประชุมมรุกขนคร โรงเรียนนครพนมวิทยาคม จังหวัดนครพนม เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้เกี่ยวกับพระราโชบายด้านการศึกษา การน้อมนำไปประพฤติปฏิบัติใช้ ประวัติความเป็นมาของสถาบันพระมหากษัตริย์กับประเทศไทย และศรัทธา 4 ประการที่จำนำพาทุกคนสู่ความสำเร็จ คือ ศรัทธาในตัวเด็ก  ศรัทธาในวิธีการพัฒนาเด็กและเยาวชน ศรัทธาในตัวเอง และศรัทธาในศาสนา ซึ่งจะทำให้คณะผู้บริหาร อาจารย์ในสถานศึกษาทุกสังกัดในจังหวัดนครพนม ตลอดจนนักเรียน นักศึกษา ผู้บังคับบัญชาลูกเสือ และผู้นำยุวกาชาด จำนวน 600 คน มีความพร้อมในการปฏิบัติตามรอยพระยุคลบาทอย่างเป็นรูปธรรม รวมถึง สามารถขยายผลต่อยังโรงเรียนและชุมชนของตนเองได้ เพื่อสร้างเด็กและเยาวชนที่มีทัศนคติที่ดีที่ถูกต้องต่อบ้านเมือง ยึดมั่นในศาสนา มั่นคงในสถาบันพระมหากษัตริย์ มีคุณธรรม จริยธรรม รู้จักแยกแยะสิ่งถูกผิด ชั่วดี และพร้อมปฏิบัติแต่สิ่งที่ชอบที่ดีงาม สามารถทำงานให้สำเร็จด้วยความมุ่งมั่น อดทน มีอาชีพที่สามารถเลี้ยงตัวและเลี้ยงครอบครัวได้ บนพื้นฐานชีวิตที่มีความมั่นคง มีน้ำใจ มีจิตที่เป็นอาสาพร้อมเสียสละเพื่อประโยชน์ส่วนรวม

วันศุกร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2562

จิตอาสานครพนม พร้อมใจช่วยผู้ประสบภัยหลังพายุโพดุล สร้างความเสียหายในหลายพื้นที่


วันที่ 30 สิงหาคม 2562 ที่จังหวัดนครพนม นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วยประชาชนจิตอาสา และส่วนราชการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ ลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอิทธิพลของพายุโซนร้อนโพดุล ที่ตลอดทั้งคืนจังหวัดนครพนมมีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่องและมีลมกรรโชกแรง ส่งผลให้บ้านเรือนประชาชนเสียหาย เบื้องต้นในพื้นที่บ้านคำชะอี ตำบลนาหนาด อำเภอธาตุพนม เสียหาย 12 หลัง โดยมีเสียหายหนัก 3 หลัง ประปาหมู่บ้านเสียหาย 1 แห่ง โดยเป็นประปาลักษณะหอสูงที่มีถังน้ำตั้งอยู่ด้านบนถูกลมพัดกรรโชกจนถังตกลงมาแตกเสียหายทำให้ชาวบ้านไม่สามารถใช้น้ำได้ รวมถึงโรงเรียนบ้านคำชะอี ซึ่งเปิดสอนในระดับชั้นอนุบาล – ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ต้องหยุดการเรียนการสอน เนื่องจากมีน้ำท่วมขังรวมถึงมีต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ในบริเวณโรงเรียนหักโค่นล้มลงมาปิดทางเข้าโรงเรียน นอกจากนี้ยังมีต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ตามเส้นทางจราจรมีการหักล้มลงมากรีดขวางทางจราจรอีกในหลายพื้นที่

   นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม  เปิดเผยว่า ตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมาเราได้มีการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำก่ำและน้ำบังมาอย่างต่อเนื่อง โดยทางชลประทานได้มีการเปิดประตูระบายน้ำเต็มที่เพื่อระบายน้ำลงสู่แม่น้ำโขง เพราะฉะนั้นจนถึงวันนี้ที่เมื่อคืนมีปริมาณฝนตกลงมาค่อนข้างมากในบริเวณต้นน้ำ จึงทำให้ส่วนใหญ่น้ำยังอยู่ในลำน้ำ แต่อาจมีบางพื้นที่ที่อยู่ในพื้นที่ลุ่มต่ำเป็นพื้นที่การเกษตรของพี่น้องประชาชน ที่มีระดับน้ำสูงขึ้นบ้าง คาดว่าถ้าฝนไม่รุนแรงมากกว่านี้ก็จะลดผลกระทบได้มาก ขณะเดียวกันเมื่อคืนที่ผ่านมาที่เกิดพายุฝนและลมกรรโชกแรง ก็ได้ทำให้หลายพื้นที่ มีต้นไม้หักโค่นและบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย ก็ได้มีการสั่งการให้ทางอำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือเป็นการด้วยเมื่อเกิดภัย และวันนี้ก็ได้นำคณะจิตอาสารวมถึงหน่วยงานราชการต่าง ๆ ลงพื้นที่ให้การช่วยเหลือสนับสนุนภาคท้องถิ่นเพิ่มเติม เพื่อเป็นการสร้างขวัญ กำลังใจให้แก่ผู้ประสบภัยและประชาชนในพื้นที่  ไม่ว่าจะเป็น การต้นไม้ที่โค่นล้มกรีดขวางเส้นทางจราจร การแก้ปัญหาไฟฟ้าขัดข้อง การซ่อมแซมบ้านเรือนประชาชน ทั้งนี้ได้มอบหมายให้สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เร่งประกาศภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน เพื่อให้สามารถจัดสรรงบประมาณมาให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนได้อย่างทันท่วงที รวมถึงได้เน้นย้ำให้ส่วนราชการในพื้นที่แจ้งเตือนประชาชนในการเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดอีกด้วย

ผู้ว่านครพนมพร้อมเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ติดตามให้การช่วยเหลือประชาชนหลังเกิดพายุฝนตกหนักตลอดคืน พัดต้นไม้หักโค่น บ้านเรือนพังเสียหาย


 วันที่ 30 สิงหาคม 2562  ที่จังหวัดนครพนม  ผลกระทบจากพายุโพดุล ที่กำลังเคลื่อนตัวผ่านมาทาง สปป.ลาว เข้าพื้นที่ อีสาน ส่งผลให้ตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา ตามพื้นที่อำเภอต่างๆ เกิดฝนตกหนัก และมีพายุฝนลมกระโชกแรง ทำให้ พื้นที่ อำเภอนาแก และอำเภอธาตุพนม ได้รับผลกระทบมีต้นไม้หักโค่นหลายจุด นอกจากนี้ในพื้นที่ตำบลนาหนาด อำเภอธาตุพนม ยังได้รับผลกระทบหนัก มีต้นไม้หักโค่นหลายจุด รวมถึง มีบ้านเรือนของชาวบ้าน ได้รับผลกระทบจากพายุฝน ทำให้ หลังคาบ้านถูกลมพัดพังเสียหาย  มากกว่า 10 หลังคาเรือน มีเสียหายหนัก ประมาณ 2 -3  หลัง  โดยทางอำเภอธาตุพนม ได้ประสาน เจ้าหน้าที่เทศบาลนาหนาด ระดมเจ้าหน้าที่ เข้าตรวจสอบ ให้การช่วยเหลือซ่อมแซมบ้านเรือน ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ บรรเทาความเดือดร้อน พร้อมประกาศเตือนให้ประชาชน เฝ้าระวังต่อเนื่อง


ขณะเดียวกันนายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม  ได้นำเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานเกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจสอบ ติดตามสถานการณ์ พร้อมสั่งการให้เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้ง 12 อำเภอ  ตั้งศูนย์อำนวยการดูแลเฝ้าระวังช่วยเหลือประชาชน 24 ชั่วโมง พร้อมได้ลงพื้นที่ ตรวจสอบ ติดตาม สถานการณ์ น้ำในลำน้ำก่ำ ทั้งพื้นที่อำเภอนาแก และอำเภอวังยาง ซึ่งพบว่ามีปริมาณน้ำเพิ่มสูง เกือบเต็มความจุ เนื่องจากมีการระบายน้ำมาจากหนองหาร จังหวัดสกลนคร ก่อนไหลระบายลงน้ำโขงที่อำเภอธาตุพนมของจังหวัดนครพนม ทำให้พื้นที่ตลอดเส้นทางน้ำผ่านระยะทางกว่า 120 กิโลเมตร เสี่ยงต่อการเกิดปัญหาน้ำเอ่อท่วมพื้นที่การเกษตร และพื้นที่ลุ่ม โดยปัจจุบันระดับน้ำโขงยังทรงตัวอยู่ที่ประมาณ 8 เมตร ห่างจากจุดล้นตลิ่งอยู่ประมาณ 5 เมตร ทำให้ยังสามารถรองรับน้ำจากลำน้ำสาขาได้อีกมาก แต่ยังต้องเฝ้าระวังเนื่องจากมีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่องและมีมวลน้ำไหลมาสมทบ ทั้งนั้ได้มีการประสานชลประทานจังหวัดนครพนมในการเร่งระบายน้ำในลำน้ำสาขา ทั้ง 4 สาย ประกอบไปด้วย ลำน้ำอูน ลำน้ำสงคราม ลำน้ำบัง และลำน้ำก่ำ เพื่อให้ไหลลงแม่น้ำโขงให้มากที่สุด สำหรับปริมาณฝนเฉลี่ยสะสมตลอดทั้งคืนที่ผ่าน ทางสถานีอุตุนิยมวิทยานครพนม สามารถวัดได้ประมาณ 50 มิลลิเมตร

วันพฤหัสบดีที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2562

จ.นครพนม จัดกิจกรรมเดินแบบผ้ามุกมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม รณรงค์การสวมใส่ผ้าไทย


วันที่ 29 สิงหาคม 2562  นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า จากที่จังหวัดนครพนมได้มีการประกาศให้ผ้ามุกเป็นรายการเบื้องต้นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของจังหวัดนครพนม ประจำปี 2562 และที่ผ่านมาจังหวัดได้มีการอบรมพัฒนาศักยภาพให้ผู้ผลิต กลุ่มผู้ผลิตและผู้ประกอบการ สามารถออกแบบ แปรรูปและประยุกต์ร่วมกับผ้าย้อมไม้มงคลและผ้าพื้นเมืองของจังหวัดนครพนม เพื่อให้มีความความหลากหลาย ตรงตามความต้องการของลูกค้าในทุกกลุ่มวัย แต่ยังคงรักษาอัตลักษณ์ที่โดดเด่นเอาไว้เช่นดังเดิม และเพื่อเป็นการสร้างการรับรู้และรณรงค์ให้ทุกคนได้สวมใส่ผ้ามุกมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของจังหวัดมากยิ่งขึ้น จึงได้จัดการเดินแบบผ้ามุกนครพนมขึ้น ที่ห้องประชุมพระธาตุพนม ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดนครพนม ที่ในวันนี้มีการประชุมประจำเดือนของส่วนราชการต่าง ๆ

โดยผ้ามุกนครพนมนั้น เป็นผ้าโบราณร่วมสมัยอาณาจักรศรีโคตรบูรณ์ เป็นผ้าชั้นสูงที่เจ้านายหรือภรรยาเจ้านายชั้นผู้ใหญ่ใช้เป็นอาภรณ์ในการแต่งกาย เป็นผ้าต้นแบบของผ้าพื้นบ้านทั้งหลาย สามารถทอสำเร็จได้จากผู้ทอที่มีสติ สมาธิ ความเพียรและความมุ่งมั่น มีขั้นตอนที่ซับซ้อน โดยเฉพาะการค้นและการเก็บลายดอก ทำให้ผ้ามุกนครพนม มีอัตลักษณ์ที่โดดเด่นเป็นพิเศษที่เกิดจากการยกเส้นด้ายยืน เสริมด้ายยืนพิเศษ กลายเป็นลวดลายที่ยื่นนูนขึ้นมาจากผืนผ้า มองดูคล้ายหน้ามุขที่ยื่นออกจากตัวบ้าน โดยเลื่อมลายแพรวพราวนั้นจะคล้ายการเอาหอยมุกมาเจียระไนแล้วฝังเป็นลายลงไปในผืนผ้า และด้วยความเสมอต้นเสมอปลายของน้ำหนักในการถักทอรวมถึงลายเส้นที่อยู่บนผืนผ้า จึงถือได้ว่าผ้ามุกนครพนมเป็นผ้าที่มีชีวิต

วันพุธที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2562

ผู้ว่าฯนครพนม นำทีมลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำพร้อมประกาศแจ้งเตือนประชาชนเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด


วันนี้ 28 สิงหาคม 2562 ที่อำเภอนาแก จังหวัดนครพนม นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วยผู้อำนวยการชลประทานลุ่มน้ำก่ำ นายอำเภอนาแก นายกองค์การบริหารส่วนตำบลพิมาน และเจ้าหน้าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำ พร้อมแจ้งเตือนประชาชนเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด หลังได้รับการประสานจากจังหวัดสกลนครที่มีความจำเป็นต้องระบายน้ำหนองหารลงสู่แม่น้ำโขง

นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำในช่วง 2 วันที่ผ่านมาในพื้นที่มีปริมาณลดลง แต่อย่างไรก็ตามปริมาณฝนที่ตกลงมาก่อนหน้านั้นเริ่มไหลมารวมกันและระบายลงสู่ลุ่มน้ำบังและน้ำก่ำ ทำให้ลำน้ำทั้ง 2 มีปริมาณน้ำที่สูงขึ้น ปัจจุบันยังไม่มีผลกระทบกับพี่น้องประชาชน และในวันนี้เราได้รับการประสานการปฏิบัติจากทางหน่วยงานชลประทานและจังหวัดสกลนคร ที่มีความจำเป็นต้องระบายน้ำลงมาตามลำน้ำบังและลำน้ำก่ำ ซึ่งอยู่ในพื้นที่ของอำเภอวังยาง อำเภอนาแก และอำเภอธาตุพนมบางส่วนก่อนจะไหลลงสู่แม่น้ำโขง ซึ่งสถานการณ์น้ำโขงในปีนี้แตกต่างจากปีที่แล้ว คือมีระดับน้ำที่ต่ำกว่าประมาณ 2 เมตร เพราะฉะนั้นทางชลประทานลุ่มน้ำก่ำจึงได้เร่งระบายน้ำลงสู่แม่น้ำโขงก่อนที่น้ำจากหนองหารจะมาถึง ด้วยการเปิดประตูระบายน้ำเต็มที่

สำหรับการเตรียมความพร้อมของทางจังหวัดนครพนมนั้น ได้มีการแจ้งให้อำเภอที่จะได้รับผลกระทบ ไม่ว่าจะเป็นอำเภอวังยาง อำเภอนาแกและอำเภอธาตุพนมบางส่วน ให้มีการประกาศแจ้งเตือนพี่น้องประชาชนถึงปริมาณน้ำที่จะสูงขึ้น ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำล้นตลิ่ง น้ำท่วมฉับพลันในบางพื้นที่ ให้ขนย้ายสิ่งของ ทรัพย์สินไปอยู่ในที่สูงและขอให้ติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด ซึ่งคาดว่าปริมาณน้ำจะเริ่มสูงขึ้นตั้งแต่คืนนี้ไปจนถึงเที่ยงของวันพรุ่งนี้ พร้อมทั้งแจ้งให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้มีการเตรียมอุปกรณ์ เครื่องมือที่จะใช้ในการดูแลพี่น้องประชาชนให้มีความพร้อม สามารถเข้าช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที โดยเป้าหมายสำคัญที่สุดคือ เรื่องของการดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนเป็นอันดับแรกที่เราจะพยายามเข้าไปดูแลให้ดีที่สุด

จังหวัดนครพนม ประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์ถวายพระพรชัยมงคล แด่สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระบรมราชินี



วันนี้ 28 สิงหาคม 2562 ที่วัดทองสว่าง หมู่ที่ 6 บ้านกลาง ตำบลคำพี้ อำเภอนาแก จังหวัดนครพนม นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานฝ่ายฆราวาสนำคณะหัวหน้าส่วนราชการ และพสกนิกรจังหวัดนครพนม ร่วมประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์เฉลิมพระเกียรติและถวายพระพรชัยมงคลแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี  เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดี และน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ โดยมีพระครูบวรโพธิวัฒน์ เจ้าคณะอำเภอนาแก เจ้าอาวาสวัดถนนตาล เป็นประธานฝ่ายสงฆ์

โดยในเวลา 16:00 น. ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ได้เป็นประธานประกอบพิธีจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย เปิดกรวยถวายราชสักการะเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี และเปิดกรวยถวายราชสักการะเบื้องหน้าบรมพระฉายาลักษณ์ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง   จากนั้นทุกคนร่วมกันอาราธนาศีล พระสงฆ์ให้ศีล เจ้าหน้าที่อาราธนาพระปริตร พระสงฆ์นำผู้ร่วมพิธีเจริญพระพุทธมนต์ถวายพระพรชัยมงคล จากนั้นทุกคนร่วมกันเจริญสมาธิภาวนา เป็นเวลา 99 วินาที และกรวดน้ำเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล ก่อนที่ประธานในพิธีนำทุกคนกราบลาพระรัตนตรัย และถวายความเคารพลาเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ เป็นเสร็จพิธี
ทั้งนี้จังหวัดนครพนม ได้กำหนดประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์เฉลิมพระเกียรติฯ ในครั้งต่อไป ในวันที่ 28 กันยายน 2562 ณ วัดวังโน หมู่ที่ 2 บ้านวังโน ตำบลหนองโพธิ์ อำเภอวังยางพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

รพ.จิตเวชนครพนมเปิดตลาดนัดสีเขียว เพิ่มทางเลือกสร้างสุขภาพอาหารปลอดภัย


 วันที่ 28 สิงหาคม 2562 ที่จังหวัดนครพนม นายแพทย์มงคล ศิริเทพทวี ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจิตเวชนครพนมราชนครินทร์ เปิดเผยว่า การเจ็บป่วยของคนเรามีหลากหลายสาเหตุและหนึ่งในนั้นก็คือ การบริโภคอาหาร ซึ่งจากข้อมูลขององค์กรอนามัยโลก และองค์กรเกษตรและอาหารแห่งสหประชาชาติ พบว่าสาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการที่อาหารมีการปนเปื้อนของเชื้อจุลินทรีย์และสารเคมี ที่นอกจากจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพของผู้บริโภคโดยตรงแล้ว ยังส่งผลกระทบต่องบประมาณและเศรษฐกิจของประเทศอีกด้วย ดังนั้นเพื่อส่งเสริมให้ผู้ป่วย ญาติผู้ป่วย ประชาชนในชุมชน และบุคลากรของโรงพยาบาล ได้เห็นถึงความสำคัญในการเลือกบริโภค ผัก ผลไม้ และอาหารปลอดสารพิษ ตามนโยบายโรงพยาบาลอาหารปลอดภัย (Food Safety Hospital) ของกระทรวงสาธารณสุข และเป็นวาระแห่งชาติ โรงพยาบาลจิตเวชนครพนมราชนครินทร์ จึงได้มีการจัดสรรพื้นที่บริเวณห้องโถงชั้น 1 ของโรงพยาบาล เปิดเป็นตลาดนัดสีเขียว Green Market เพื่อให้ประชาชนในชุมชน ตลอดจนนักเรียน นักศึกษา ผู้ป่วยและญาติผู้ป่วย ได้นำพืชผักผลไม้ อาหารที่ปลอดสารพิษ มีความปลอดภัย รวมไปถึงผลิตภัณฑ์ชุมชนและอาหารแปรรูปต่าง ๆ มาวางจำหน่าย ซึ่งนอกจากจะเป็นการเพิ่มช่องทางในการจำหน่ายสินค้าให้กับชุมชนแล้ว ยังเป็นการกระตุ้นเตือนให้ทุกคนได้ใส่ใจในการรับประทานอาหารที่ปลอดสารพิษมากขึ้นอีกด้วย

โดยทางโรงพยาบาลได้มีการจัดพื้นที่ส่วนหนึ่งเพื่อให้บุคลากรของศูนย์ ฝ่าย กลุ่มงานต่าง ๆ ของโรงพยาบาลรวมถึงภาคีเครือข่ายต่าง ๆ  ไม่ว่าจะเป็น วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนีนครพนม มหาวิทยาลัยนครพนม โรงเรียนบ้านสำราญ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านห้อม และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลอาจสามารถ ได้มาถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับอาหารปลอดภัยและโภชนาการทางอาหารให้ผู้ที่มาเดินตลาดนัดได้ศึกษาและนำไปใช้ในชีวิตประจำวันด้วย สำหรับการเปิดให้บริการนั้นในช่วงแรกตลาดนัดสีเขียว Green Market กำหนดไว้เดือนละครั้ง ในทุกวันพุธสุดท้ายของเดือน หากมีกระแสตอบรับที่ดีก็จะมีการเพิ่มจำนวนความถี่ในการเปิดให้บริการมากขึ้น 


วันอังคารที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2562

จ.นครพนม นำเกษตรกรเรียนรู้การเกษตรอินทรีย์ ตามแบบโรงเรียนเกษตรกรนาแปลงใหญ่


วันที่ 27 สิงหาคม 2562 ที่จังหวัดนครพนม นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานนำเกษตรกรกว่า 200 คนจากทั่วทั้งจังหวัดนครพนม ลงพื้นที่วิสาหกิจชุมชนกลุ่มแปรรูปข้าวตำบลบ้านผึ้ง (ข้าวสุข) ตำบลบ้านผึ้ง อำเภอเมือง เพื่อเรียนรู้กระบวนการผลิตข้าวอินทรีย์ ที่มีการน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ 9 มาดำเนินงานจนประสบผลสำเร็จ กลายเป็นโรงเรียนเกษตรกรข้าวต้นแบบ ที่เกิดจากการเรียนรู้ร่วมกันด้วยหลักของเหตุผล มีการศึกษาค้นคว้าหาปัญหาของการทำนาแล้วนำมาปรับปรุงแก้ไขโดยใช้หลักของธรรมชาติที่ลดต้นทุนการผลิต โดยมีหน่วยงานราชการคอยเป็นพี่เลี้ยงส่งเสริมสนับสนุน อีกทั้งมีการรวมกลุ่มบริหารจัดการในรูปแบบนาแปลงใหญ่ มีก่อให้เกิดความมั่นคงและยั่งยืนในเศรษฐกิจและรายได้ของกลุ่มเกษตรกร ด้วยการร่วมกันผลิตและต่อยอดแปรรูปผลิตภัณฑ์ให้มีความหลากหลายสำหรับลูกค้า เป็นการเพิ่มมูลค่าและทางเลือกในสินค้าทางการเกษตร

จากการบริหารจัดการที่ผิดวิธีในการทำการเกษตรของเกษตรกร ทั้งราคาน้ำมันและค่าจ้างแรงงานที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้เกษตรกรมีต้นทุนการผลิตสินค้าเกษตรที่สูง ขณะที่ปัจจัยการผลิตส่วนใหญ่ที่เกษตรกรนำมาใช้ เป็นปัจจัยที่เกินความจำเป็น ก่อให้เกิดความสิ้นเปลืองและส่งผลกระทบต่อความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศในนาข้าว เกิดปัญหาสุขภาพของเกษตรกรเนื่องจากสารพิษที่ตกค้างในร่างกาย ดังนั้นเพื่อสร้างและส่งเสริมให้เกษตรกรจังหวัดนครพนม มีความรู้ความเข้าใจในการบริหารจัดการที่ถูกต้อง เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้การทำนาแบบลดต้นทุนการผลิต ที่ก่อให้ทุกคนมีรายได้ที่เพิ่มมากขึ้น สามารถแข่งขันกับตลาดได้อย่างยั่งยืน จังหวัดนครพนม โดยสำนักงานเกษตรจังหวัดนครพนม จึงได้จัดงานวันสาธิตการดำเนินงานโรงเรียนเกษตรกรข้าวต้นแบบ ตามแนวทางโรงเรียนเกษตรกร โครงการระบบส่งเสริมเกษตรกรแบบแปลงใหญ่ขึ้น โดยเกษตรกรที่เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้จะได้เรียนรู้ ทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติ แบบร่วมกันวิเคราะห์ ตัดสินใจและใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดความคุ้มค่ามากที่สุดผ่านประสบการณ์จริงที่ลงมือปฏิบัติ ที่มีการสังเกต สำรวจและทำการบันทึกข้อมูลทุกอย่างเพื่อนำมาวิเคราะห์ และเรียนรู้การแก้ไขไปพร้อมกัน ทั้งระบบนิเวศ การเจริญเติบโตของต้นข้าว ปัญหาสุขภาพของต้นข้าว ปัญหาศัตรูข้าว และศัตรูธรรมชาติที่คอยช่วยเหลือกำจัดศัตรูข้าวในแปลงนาแบบไม่ต้องใช้สารเคมี โดยกิจกรรมในครั้งนี้จะเป็นลักษณะการเรียนแบบอาทิตย์ละ 1 วันเป็นระยะเวลา 8 สัปดาห์ โดยมีการแบ่งกลุ่มเรียนเพื่อให้สอดคล้องกับปัญหาของเกษตรกรแต่ละพื้นที่ เริ่มตั้งแต่วิธีการเตรียมดิน การคัดเมล็ดพันธุ์ข้าว การเพาะปลูกข้าว การบริหารจัดการแปลงนา การเก็บเกี่ยวผลผลิต การจำหน่ายและการแปรรูป โดยที่ทุกคนสามารถเรียนรู้ไปพร้อม ๆ กับการลงมือทำที่แปลงนาของตนเองได้  

หัวหน้าผู้ตรวจกระทรวงพาณิชย์ลงพื้นที่นครพนม ตรวจติดตามราคาสินค้าเกษตร พร้อมแนะผู้ประกอบการห้ามกักตุนข้าวเหนียวมีโทษสูง


วันที่ 27 สิงหาคม 2562 ที่จังหวัดนครพนม นายพิทักษ์ อุดมวิชัยวัฒน์ หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วยพาณิชย์จังหวัดนครพนม หัวหน้าช่างตวงวัดเขตจังหวัดสกลนคร และคณะลงพื้นที่ตรวจติดตามสถานการณ์สินค้าเกษตร และภาวะการค้าภายในจังหวัดนครพนม พร้อมแนะร้านค้าและผู้ประกอบการให้ปฏิบัติตามกฎ ระเบียบในการประกอบกิจการและห้ามมีการกักตุนข้าวเหนียว เพื่อป้องกันการเอารัดเอาเปรียบประชาชน ที่เป็นตลาดเช้าและเย็นของประชาชนในพื้นที่ ที่ตลาดสดเทศบาลตำบลนาแก อำเภอนาแก

นายพิทักษ์ อุดมวิชัยวัฒน์ หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การตรวจเยี่ยมในครั้งนี้เป็นภารกิจหนึ่งของกระทรวงพาณิชย์ ในการกำกับดูแลกฎหมายว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 และกฎหมายว่าด้วยมาตราชั่งตวงวัด พ.ศ 2542  วันนี้เป็นการลงพื้นที่ดูภาวะการค้าในจังหวัดนครพนม ดูว่าพ่อค้าแม่ค้ามีการใช้เครื่องชั่งตวงวัดที่เที่ยงตรงหรือไม่ มีการวางเครื่องชั่งให้ผู้ซื้อได้เห็นอย่างชัดเจนหรือไม่ และมีการปิดป้ายแสดงราคาอย่างชัดเจนหรือไม่ โดยตลาดเทศบาลแห่งนี้มีร้านค้าอยู่ประมาณ 400 แผง/ร้านค้า ซึ่งจากการตรวจสอบทั้งหมดปรากฏว่าเครื่องชั่งโดยส่วนใหญ่ใช้การได้เป็นอย่างดี มีความเที่ยงตรง มีเพียง 1 เครื่องเท่านั้นที่มีการชำรุด ทางคณะจึงได้ทำการยึดไม่ให้พ่อค้าแม่ค้าใช้งานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ก็ขอขอขอบคุณทางเทศบาลตำบลนาแก ที่มีการกำกับดูแลพ่อค้าแม่ค้าให้ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ขอบคุณพ่อค้าแม่ค้าที่ให้ความร่วมมือในการติดป้ายแสดงราคาที่จัดเจน ใช้เครื่องชั่งตวงวัดที่มีมาตรฐาน และมีความใส่ใจที่เป็นมิตรกับผู้ซื้อ ทำให้ประชาชนที่มาจับจ่าย ซื้อหาสินค้าได้รับประโยชน์อย่างสูงสุด สำหรับในเรื่องราคาข้าวเหนียวเป็นที่ทราบกันดีว่าในช่วงนี้ มีการขึ้นราคาเป็นลำดับ ก็ขอแจ้งให้ผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องทราบว่า อย่าได้มีการกักตุนสินค้าอย่างเด็ดขาด เพราะ ณ ปัจจุบันข้าวเหนียวถือเป็นสินค้าควบคุม หากพบว่าผู้ประกอบการหรือโรงสีรายใดมีการกักตุน จะดำเนินการตามกฎหมายการค้าข้าวและกฎหมายว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 อย่างเด็ดขาด ซึ่งมีโทษสูงสุด คือ จำคุก 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยทางกระทรวงพาณิชย์จะมีการส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจติดตามในเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด

วันศุกร์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2562

ผู้ว่าฯนครพนม นำทีมบูรณาการลงพื้นที่ช่วยผู้ประสบภัยทางสังคม


วันที่ 23 สิงหาคม 2562 ที่บ้านเลขที่ 132 หมู่ที่ 5 บ้านคำเตย ตำบลคำเตย อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วยนางวิไลวรรณ ไกรโสดา รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม นำคณะหัวหน้าส่วนราชการ เหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม เจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและผู้นำชุมชน ลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือนายชวัน ราชคำ อายุ 56 ปี ที่ป่วยพิการเป็นอัมพาตครึ่งซีกซ้าย อาศัยอยู่กับหลานชาย 2 คน คือเด็กชายชลธี โสภาน้ำ อายุ 10 ปี กำลังศึกษาอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 และเด็กชายศุภกิจ อินทโชติ อายุ 4 ปี กำลังศึกษาอยู่ชั้นเตรียมอนุบาล ตามโครงการนครพนมอุดมสุข ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ซึ่งเป็นโครงการที่จังหวัดนครพนมบูรนาการหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อร่วมกันตรวจสอบ พิจารณาให้ความช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาทางสังคมของจังหวัดนครพนม ให้มีขวัญกำลังใจในการดำเนินชีวิตและสามารถอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข

โดยทั้ง 3 ชีวิตมีรายได้ในการเลี้ยงชีพจากการรับจ้างสานฝากระติบข้าวของนายชวัน และเบี้ยยังชีพผู้พิการที่ได้เดือนละ 800 บาท อีกทั้งบ้านพักอาศัยมีความไม่มั่นคง มีแสงสว่างไม่เพียงพอ และห้องน้ำไม่ถูกสุขลักษณะ ดังนั้นการลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือในครั้งนี้หน่วยงานต่าง ๆ จึงได้มอบเงินที่ได้รับจากผู้มีจิตเป็นกุศลร่วมกันบริจาคช่วยเหลือ จำนวน 5,600 บาท มอบเครื่องอุปโภคบริโภค มอบชุดนักเรียนและอุปกรณ์การเรียนแก่หลานชายทั้ง 2 คน มอบพันธุ์ปลาและไก่ไข่เพื่อเลี้ยงไว้เป็นอาหารของทุกคนในครอบครัว มีการปรับปรุงซ่อมแซมที่อยู่อาศัยและห้องน้ำให้ใหม่ ติดหลอดไฟฟ้าเพื่อให้บ้านมีแสงสว่างที่เพียงพอ ขณะที่การช่วยเหลือระยะยาวนั้นหน่วยงานต่าง ๆ ได้ร่วมกันสั่งซื้อไม้ไผ่ในชุมชนมาไว้สำรองเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในการประกอบอาชีพ ทั้งมีการประสานกลุ่มจักสานต่าง ๆ ในพื้นที่เพื่อรับซื้อฝากระติบข้าวของนายชวันเป็นประจำ ซึ่งจะทำให้ครอบครัวนี้มีรายได้ที่มั่นคงและต่อเนื่อง ส่วนด้านสุขภาพผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ร่วมกับ อสม. ในพื้นที่เข้ามาดูแล ตรวจสุขภาพ ให้คำแนะนำ ให้ความช่วยเหลือ เพื่อทำให้ทุกคนมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง นอกจากนี้ยังได้มีขอรับความช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางสังคมจากกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการครองชีพตามความจำ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาอนุมัติ

วันพฤหัสบดีที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2562

จ.นครพนม สร้างเกษตรกรรายย่อยเข้าใจรู้ทันป้องกัน โรค ASF ในสุกร


วันที่ 22 สิงหาคม 2560 ที่จังหวัดนครพนม นางวิไลวรรณ ไกรโสดา รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานเปิดการอบรมเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรรายย่อย เพื่อสร้างการรับรู้แล้ะเข้าใจเกี่ยวกับโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร หรือ โรค ASF (African Swine Fever) ที่ปัจจุบันกรมปศุสัตว์มีการตรวจเข้ม ตามด่านชายแดนต่างๆ ในการนำเข้าสุกร ซากสุกร ผลิตภัณฑ์จากสุกร เพื่อป้องกันโรคไม่ให้ระบาดเข้าสู่ประเทศไทย ตามโครงการฝึกอบรมเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรรายย่อย สำหรับการจัดทำระบบการป้องกันโรคในฟาร์มสุกรรายย่อย เข้าใจ รู้ทัน ร่วมป้องกัน ASF ที่สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดนครพนมจัดขึ้น เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการเฝ้าระวังป้องกันและควบคุมโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกรของจังหวัดนครพนม

โดยการอบรมในครั้งนี้เกษตรกรรายย่อยผู้เลี้ยงสุกร จำนวน 200 คน จาก 12 อำเภอของจังหวัดนครพนม จะได้รับความรู้ ทั้งภาคทฤษฎี ภาคสนาม และการตรวจวินิจฉัยโรคทางห้องปฏิบัติการ ไม่ว่าจะเป็น สถานการณ์การระบาดอาการของโรคและการป้องกันโรค ASF  วิธีการการสังเกตอาการสุกรที่ติดเชื้อ แนวทางในการป้องกันและรับมือ การจัดทำระบบการป้องกันโรคในสุกรรายย่อย การควบคุมการเคลื่อนย้ายสุกรและซากสุกร รวมถึง 10 มาตรการที่กรมปศุสัตว์ห้ามสำหรับเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกร คือ ห้ามนำเศษอาหารจากครัวเรือนใช้เลี้ยงสุกร ห้ามนำเนื้อหมูจากแหล่งอื่นเข้าไปกินในฟาร์ม ห้ามให้สัตว์พาหะเข้ามาในเขตฟาร์ม ห้ามบุคคลภายนอกเข้าเยี่ยมฟาร์ม ห้ามนำอุปกรณ์หรือของใช้ส่วนตัวเข้าฟาร์ม ห้ามใช้รถขนส่งภายนอกเข้าเขตฟาร์ม ห้ามรถลูกค้าเข้ามาซื้อสุกรที่ฟาร์ม ห้ามรับสุกรทดแทนจากพื้นที่เสี่ยงเข้าฟาร์ม ห้ามนำน้ำภายนอกเข้าไปใช้ในฟาร์ม และงดนำสุกรที่ป่วยหรือตายออกนอกฟาร์ม

จังหวัดนครพนม ออกหน่วยเคลื่อนที่ให้บริการประชาชนแบบครบวงจรในจุดเดียว


วันที่ 22 สิงหาคม 2562 ที่โรงเรียนคำเตยอุปถัมภ์ หมู่ที่ 5 ตำบลคำเตย อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วยคณะหัวหน้าส่วนราชการ เหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม และเจ้าหน้าที่หน่วยงานต่าง ๆ นำโครงการจังหวัดเคลื่อนที่แบบบูรณาการ หน่วยบำบัดทุกข์บำรุงสุข สร้างรอยยิ้มให้ประชาชน และหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ พอ.สว. จังหวัดนครพนม ออกให้บริการประชาชนแบบครบวงจรในจุดเดียวเพิ่มการเข้าถึงหน่วยงานราชการทุกภาคส่วน

โดยกิจกรรมในครั้งนี้ประกอบไปด้วย การร่วมกันกล่าวถวายสัตย์ปฏิญาณตนแสดงเจตนารมณ์ปกป้องสถาบันสำคัญของชาติ และการประกาศเจตนารมณ์รวมพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด จากนั้นเป็นการแนะนำส่วนราชการต่าง ๆ ให้กับประชาชนได้รู้จักเพื่อให้ประชาชนสามารถเข้ารับบริการได้อย่างถูกต้องตามความต้องการ โดยในโอกาสนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมยังได้นำเอานโยบายของรัฐบาลและแนวทางในการดำเนินการให้ความช่วยเหลือในด้านต่าง ๆ ไปชี้แจงให้ประชาชนได้รับรู้รับทราบ โดยเฉพาะเกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำที่มีอยู่ให้เพียงพอทั้งต่อการอุปโภคบริโภคและเพื่อการเกษตร ปัญหาเกี่ยวกับยาเสพติด รวมถึงตอบข้อซักถามที่ประชาชนสงสัย จากนั้นได้มอบพันธุ์ปลาแก่ผู้นำชุมชนเพื่อนำไปปล่อยตามแหล่งน้ำของชุมชน จำนวน 50,000 ตัว มอบทุนการศึกษาของกองทุนพัฒนาเด็กชนบทในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จำนวน 7 ทุน มอบเงินสงเคราะห์ครอบครัวกรณีฉุกเฉิน 15 ราย มอบเงินสงเคราะห์ผู้สูงอายุในภาวะยากลำบาก 10 ราย มอบเงินสงเคราะห์ช่วยเหลือเด็กในครอบครัวยากจน จำนวน 50 ราย  และมอบถุงยังชีพเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนมจำนวน 180 ชุด

ก่อนที่ทุกคนจะไปใช้บริการหน่วยเคลื่อนที่ของหน่วยหน่วยงานต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการให้บริการของหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ พอ.สว. จังหวัดนครพนม ที่ได้นำเอาเครื่องมือ อุปกรณ์ ตลอดจนทีมแพทย์มาให้บริการตรวจสุขภาพเบื้องต้น รวมถึงการให้คำปรึกษาปัญหาสุขภาพและการทำทันตกรรม การถ่ายทอดองค์ความรู้ของหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งด้านการเกษตร ประมง ปศุสัตว์ ที่ดิน เทคโนโลยีสมัยใหม่ การทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย การเลือกใช้พลังงาน การป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย การให้คำปรึกษาคำแนะนำด้านการลงทุน กฎหมาย การสร้างบ้าน การทำบัตรประชาชน การฝากเงินออม การทำประกันสังคม การต่อใบขับขี่ การทำประกันภัย การรับเรื่องราวร้องทุกข์ร้องเรียน การแจกพันธุ์ต้นไม้ การขึ้นทะเบียนและทำหมันสัตว์ การออกร้านจำหน่ายสินค้าราคาถูก สินค้าทางการเกษตร และสินค้า OTOP รวมถึงการถ่ายทอดวิชาชีพ เพื่อให้ประชาชนได้เรียนรู้และนำไปสร้างเป็นอาชีพและรายได้เลี้ยงครอบครัวต่อไป

วันพุธที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2562

ปปช.นครพนม ลงพื้นที่ติดตามการจัดซื้อจัดจ้างอาหารกลางวันเด็กนักเรียน

วันที่ 21 สิงหาคม 2562 ที่จังหวัดนครพนม นายปริญญา วิกุลศิริรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงาน ปปช.ประจำจังหวัดนครพนม นำคณะเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบ สังเกตการณ์การจัดซื้อจัดจ้างอาหารกลางวันและโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียน ของสถานศึกษาในจังหวัดนครพนมเพื่อป้องกันการทุจริตงบประมาณ ที่โรงเรียนชุมชนเทศบาล 3 (พินิจพิทยานุสรณ์) อำเภอเมือง

นายปริญญา วิกุลศิริรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงาน ปปช.ประจำจังหวัดนครพนม  เปิดเผยว่า จากที่จังหวัดนครพนมได้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 4 คณะ เพื่อติดตามตรวจสอบ สังเกตการณ์การจัดซื้อจัดจ้างอาหารกลางวันและโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียน ของสถานศึกษาในจังหวัดนครพนมเพื่อป้องกันการทุจริตงบประมาณ ประกอบไปด้วยคณะที่ 1 มีผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนมเป็นหัวหน้าคณะ คณะที่ 2 มีปลัดจังหวัดนครพนมเป็นหัวหน้าคณะ คณะที่ 3 มีนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครพนมเป็นหัวหน้าคณะ และคณะที่ 4 ตนเองเป็นหัวหน้าคณะ ซึ่งจะมีการออกตรวจติดตามอาหารกลางวันของสถานศึกษาต่าง ๆในจังหวัดนครพนม โดยคณะที่ 1 จะรับผิดชอบสถานศึกษาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น คณะที่ 2 จะไปตรวจติดตามสถานศึกษาภายใต้การดูแลของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาที่ 1 ส่วนคณะที่ 3 จะไปดูโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การประถมศึกษา เขตพื้นที่ที่ 2 ส่วนคณะที่ 4 จะตรวจดูทั่วทั้งจังหวัด ไม่ว่าจะเป็นของเอกชนหรือของสถานศึกษาไหนก็ตาม ซึ่งทุกคณะจะมีการลงพื้นที่สุ่มตรวจเป็นระยะ ๆ  ทั้งนี้คณะที่ 4 จะมีความแตกต่างจากคณะอื่น คือจะทำใน 2 ลักษณะ คือลักษณะของการป้องปรามและไปให้คำแนะนำ กับลักษณะตรวจสอบเพื่อดำเนินคดีอาญาถ้ามีเรื่องร้องเรียน แต่หลักใหญ่ๆ ในการดำเนินงานของทุกฝ่ายในครั้งนี้ ก็เพื่อกระตุ้นให้มีการใช้จ่ายงบในเรื่องนี้ด้วยความโปร่งใส แล้วก็เป็นไปตามกฎระเบียบเพื่อความถูกต้อง ที่สำคัญคือมีความคุ้มค่า ไม่มีการรั่วไหล เด็กนักเรียนได้รับผลประโยชน์อย่างเต็มที่ เพราะเยาวชนถือเป็นกำลังสำคัญของประเทศ ถ้าได้รับอาหารที่ครบถ้วนสมบูรณ์ก็จะมีการเจริญเติบโตที่ดี และเป็นประโยชน์กับประเทศของเราต่อไปในอนาคต

สำหรับการลงพื้นที่ในวันนี้ เท่าที่ดูตัวอย่างของโรงเรียนชุมชนเทศบาล 3 ค่อนข้างมีความพร้อม มีการขึ้นกระดานแนะนำเมนูในแต่ละวันไว้ล่วงหน้า ซึ่งเจ้าหน้าที่หรือผู้ปกครองสามารถตรวจสอบได้ว่าแต่ละวัน บุตร หลานจะได้รับประทานอาหารอะไร ส่วนปริมาณอาหารที่ให้เด็กนักเรียนได้รับประทานมีค่อนข้างจะเยอะ มีความสมบูรณ์ และเด็ก ๆ สามารถรับเพิ่มได้อีก

นครพนม จัดประชุมร่วม สปป.ลาว สกัดกั้นการค้าสัตว์ป่าและพืชป่าที่ผิดกฎหมายระดับท้องถิ่น


วันที่ 21 สิงหาคม 2562 ที่โรงแรมบลูโฮเทล จังหวัดนครพนม นายรังสรรค์ คัมภิรานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานเปิดการประชุมความร่วมมือระหว่างจังหวัดนครพนม ราชอาณาจักรไทย และแขวงคำม่วน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ที่นำโดยท่านดาลุนนี ไชยะบุด รองหัวหน้าแผนกกสิกรรมและป่าไม้แขวงคำม่วน เกี่ยวกับการสกัดกั้นการค้าสัตว์ป่าและพืชป่าที่ผิดกฎหมายระดับท้องถิ่น เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารในการสกัดกั้นการลักลอบค้าสัตว์ป่าและพืชป่าที่ผิดกฎหมาย สร้างกลไกในการประสานงานความร่วมมือระหว่างเจ้าหน้าที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

จากความต้องการใช้ทรัพยากรสัตว์ป่าและพืชป่าที่สูงขึ้นขณะที่ปริมาณของแต่ละประเทศลดลง ส่งผลให้สัตว์ป่าและพืชป่ามีมูลค่าที่สูงขึ้น ตามมาด้วยการลักลอบค้าระหว่างประเทศ และด้วยความเหมาะสมของสภาพพื้นที่ประเทศไทย จึงกลายเป็นเส้นทางในการก่ออาชญากรรมสัตว์ป่าข้ามชาติ  ซึ่งที่ผ่านมามีหลายคดีของจังหวัดนครพนม ที่สามารถตรวจยึดและสกัดจับได้ก่อนที่กระบวนการค้าสัตว์ป่าจะลักลอบส่งข้ามแดนไปได้ ด้วยการประสานความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่และหน่วยงานต่าง ๆ ประกอบกับประเทศไทย และ สปป. ลาว เป็นภาคีเครือข่ายสมาชิกอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (CITES) ร่วมกับอีก 183 ประเทศทั่วโลก ที่มีเป้าหมายหลักร่วมกันที่จะอนุรักษ์ทรัพยากรสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์หรือชนิดที่ถูกคุกคาม ดังนั้นเพื่อให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สำนักงานด่านตรวจสัตว์ป่านครพนม จึงได้จัดการประชุมดังกล่าวขึ้น

โดยการประชุมในครั้งนี้ จะเป็นการพูดคุยถึงสถานการณ์การลักลอบค้าขายสัตว์ป่าและพืชป่าที่ผิดกฎหมายตามแนวชายแดน การวิเคราะห์จุดเสี่ยงและจุดล่อแหลมตามแนวชายแดน บทบาทหน้าที่ของแต่ละหน่วยงาน กฎหมาย ระเบียบและข้อบังคับที่เกี่ยวข้องของแต่ละหน่วยงาน ผลการดำเนินงานในการป้องกันปราบปรามและสกัดกั้นการลักลอบค้าขายสัตว์ป่าและพันธุ์พืชระหว่างประเทศที่ผ่านมา ความร่วมมือระหว่างประเทศในอนาคต และการแนะนำสมาคมอนุรักษ์สัตว์ป่า (WCS) รวมถึงบทบาทขององค์กรในการต่อต้านการลักลอบค้าสัตว์ป่าในลุ่มน้ำโขงให้ทุกคนได้รู้จัก

วันอังคารที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2562

นครพนม จัดมหกรรมวิชาการ The 12" Northeastern EP/MEP Open House 2019 พัฒนาการเรียนภาษาอังกฤษสู่มาตรฐานสากล


วันที่ 20 สิงหาคม 2562 ที่โรงเรียนนครพนมวิทยาคม อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม นายรังสรรค์ คัมภิรานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานเปิดงานมหกรรมวิชาการ The 12" Northeastern EP/MEP Open House 2019  ซึ่งเป็นงานที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 22 จัดขึ้น เพื่อเปิดโอกาสให้คณะผู้บริหารสถานศึกษา ครู นักเรียน ตลอดจนผู้ปกครองจากทั่วภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวนกว่า 4,000 คน ได้เห็นถึงแนวทางในการพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ English Program (EP) และ Mini English Program (MEP) ของโรงเรียนในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการในระดับต่าง ๆ ตั้งแต่ระดับอนุบาล ประถมศึกษา มัธยมศึกษาตอนต้นและตอนปลาย เพื่อให้มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ ก่อให้เกิดการพัฒนาทักษะในการบริหารจัดการกิจกรรมการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ ที่พร้อมสร้างและพัฒนาศักยภาพนักเรียนให้มีคุณภาพตามหลักมาตรฐานสากล นอกจากนี้ยังเป็นการเปิดโอกาสให้โรงเรียนในโครงการ EP/MEP ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 86 แห่ง ได้เผยแพร่ผลงานเพื่อประชาสัมพันธ์โรงเรียน ทั้งเป็นการเปิดโอกาสให้นักเรียนของแต่ละสถานศึกษา ได้แสดงความสามารถด้านภาษาอังกฤษ ผ่านการแข่งขันทักษะในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการแสดง การร้องเพลง และการนำเสนอผลงานวิชาการ

สำหรับสอนหลักสูตร English Program(EP) และ Mini  English Program(MEP) เป็นการเรียนการสอนตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน ที่มีการเรียนการสอนเป็นภาษาอังกฤษทุกวิชา ยกเว้นภาษาไทย เพื่อพัฒนาทักษะความสามารถด้านภาษาให้กับผู้เรียนแต่ละชั้นวัย โดยผู้เรียนและผู้สอนจะใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารเป็นหลัก ส่วนบทเรียนจะเน้นเรียนภาษอังกฤษเพิ่มเติม เช่น วิชาคณิตศาสตร์ โจทย์คำถามที่ใช้ก็จะเป็นภาษาอังกฤษ เพื่อให้เด็กได้ฝึกการใช้ทักษะภาษาได้เก่งและดีขึ้นบนพื้นฐานการเรียนที่ทุกคนมีความสุข มีความสนุก ที่ปลุกเร้าการเรียนและมีพัฒนาการที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยผู้ปกครอง ครู และคณะผู้บริหารสถานศึกษา สามารถตรวจเช็คจุดแข็ง จุดอ่อนและพัฒนาการของผู้เรียนได้ตลอดระยะเวลา เพื่อนำข้อมูลที่ได้มาร่วมกันแก้ไข ปรับปรุงและพัฒนาศักยภาพของนักเรียนแบบรายบุคคล

วันจันทร์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2562

ผอ.จิตเวชนครพนม แนะสร้าง 5 สุข เตรียมพร้อมกายใจก้าวสู่วัยเกษียณ


 วันที่ 19 สิงหาคม 2562 ที่จังหวัดนครพนม นายแพทย์มงคล ศิริเทพทวี ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจิตเวชนครพนมราชนครินทร์  เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ประชากรผู้สูงอายุในประเทศไทย ที่คาดว่าจะเป็นสังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ในปี 2564 และที่น่าเป็นห่วงคือยังมีประชากรก่อนวัยสูงอายุกว่าร้อยละ 30 ยังไม่ได้มีการเตรียมความพร้อมเพื่อเป็นผู้สูงอายุที่มีคุณภาพและมีความสุข โดยเฉพาะเกี่ยวกับสุขภาพ ซึ่งผู้สูงอายุถือเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดโรคต่าง ๆ เพราะความเสื่อมตามธรรมชาติของร่างกายและโรคประจำตัวเรื้อรังที่ต้องได้รับการดูแล แตกต่างจากผู้ป่วยทั่วไป ประกอบกับช่วงนี้ ที่ใกล้ครบกำหนดเกษียณอายุราชการ ที่ถือเป็นการเปลี่ยนผ่านของหลาย ๆ ท่านในการก้าวเข้าสู่ชีวิตผู้สูงวัย กรมสุขภาพจิตจึงอยากแนะนำการเตรียมความพร้อมในการสร้างสุข 5 ประการให้กับตนเอง เพื่อเตรียมความพร้อมทั้งกายและใจ

โดยสุขที่ว่า ประกอบไปด้วย สุขสบาย คือการเตรียมพร้อมสำหรับสุขภาพร่างกาย ที่ทุกท่านต้องมั่นดูแลตรวจสุขภาพตัวเองอย่างสม่ำเสมอ ระมัดระวังเรื่องการรับประทานอาหาร เพราะระบบการย่อยอาหารของผู้สูงวัยจะเสื่อมประสิทธิภาพลง ทำให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมา เช่น เกิดโรคภัยไข้เจ็บ หรือทำให้ระบบร่างกายทำงานผิดปกติได้ ที่สำคัญคือมั่นการออกกำลังกายซึ่งก็ต้องให้สมกับวัยด้วย สุขต่อมาคือ สุขสนุก คือต้องเตรียมหางานอดิเรกไว้ทำในวัยเกษียณ ซึ่งในสุขนี้จะทำให้เป็นคนที่มีอารมณ์ดี มีจิตใจที่สดชื่นแจ่มใส กระฉับกระเฉงและมีชีวิตชีวา ต่อไปคือ สุขสง่า สุขนี้ผู้สูงอายุต้องรู้จักหาวิธีมาสร้างกำลังใจให้ตนเอง เพื่อก่อให้เกิดความภาคภูมิใจและความสุข ด้วยเป็นวัยที่จะต้องอยู่กับตนเองมากขึ้น หากรู้สึกว่ามีความโดดเดี่ยว มีความเหงา ก็ให้ออกไปทำกิจกรรมจิตอาสาต่าง ๆ รวมถึงการนำประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมาไปแนะนำ ให้คำปรึกษาแก่บุตรหลานหรือบุคคลอื่น ๆ ก็จะเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่จะเข้ามาเติมเต็มความสุขนี้ได้  ต่อมาคือ สุขสว่าง ก็จะเป็นสุขที่เกี่ยวกับความคิด ความจำ ที่ผู้สูงวัยทุกคนต้องฝึกกระบวนการคิดการจำและเปิดรับการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอเพื่อให้สมองได้ทำงาน เพราะในวัยนี้จะเกิดการหลงลืมได้ง่ายเนื่องจากสมองเสื่อม แล ะสุขสุดท้าย สุขสงบ คือจะต้องมีความเข้าใจและสามารถควบคุมอารมณ์ ความรู้สึกของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ กับสภาวะต่างๆที่เกิดขึ้นตามความเป็นจริง ซึ่งในสุขนี้ผู้สูงวัยต้องมีการฝึกให้ตัวเองเป็นคนคิดบวก หาวิธีผ่อนมาผ่อนคลายความเครียด มีสติ มีสมาธิอยู่กับตนเอง ซึ่งถ้าทุกท่านสามารถปฏิบัติได้ทั้ง 5 ประการ จะเป็นการก้าวเข้าสู่วัยเกษียณและวัยผู้สูงอายุที่มีคุณภาพและความสุขอย่างแน่นอน

วันศุกร์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2562

พสกนิกรจังหวัดนครพนม พร้อมใจปล่อยปลา 200,099 ตัว ถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง


วันที่ 16 สิงหาคม 2562 ที่บริเวณอ่างเก็บน้ำห้วยขี้หมู หมู่ที่ 6 บ้านท่าดอกแก้ว ตำบลท่าจำปา อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานนำคณะหัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้นำชุมชน ตลอดจนเจ้าหน้าที่ นักเรียน นักศึกษา พ่อค้า และประชาชนในพื้นที่ ร่วมกันประกอบพิธีปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ประจำปี 2562 เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล เป็นการสร้างและปลูกจิตสำนึกให้ทุกคนมีความรัก ความหวงแหนในแหล่งน้ำของชุมชน และร่วมกันฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่ให้มีความอุดมสมบูรณ์ มีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม สามารถหล่อเลี่ยงชีวิตทุกคนต่อไปได้ตราบนานเท่านาน และเป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดี น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน ที่ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทยและชาวจังหวัดนครพนม ดังจะเห็นได้จากพระราชกรณียกิจนานัปการ ที่พระองค์ท่านทรงอุทิศพระวรกาย พระปัญญาและพระราชทรัพย์เพื่อให้พสกนิกรผู้ยากไร้ สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน โดยพระราชกรณียกิจที่สำคัญที่ได้ขยายเป็นวงกว้างไปยังทุกพื้นที่ในประเทศไทย คือ โครงการศูนย์ศิลปาชีพในพระราชดำริสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ที่เป็นโครงการส่งเสริมอาชีพให้กับคนไทย ทั้งเป็นการอนุรักษ์งานศิลปหัตถกรรมพื้นบ้านให้คงอยู่สืบไป ทั้งยังทรงเป็นแบบอย่างในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพื่อให้ทุกคนได้น้อมนำไปปฏิบัติตามในชีวิตประจำวัน และเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระองค์ท่าน พสกนิกรจังหวัดนครพนมจึงได้พร้อมใจกันประกอบพิธีปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำเฉลิมพระเกียรติในครั้งนี้ขึ้น

โดยกิจกรรมในครั้งนี้ ได้มีการปล่อยพันธุ์ปลาทั้งสิ้น 200,099 ตัว ประกอบไปด้วย ปลาบึก ขนาด 20 - 30 เซนติเมตร จำนวน 19 ตัว ปลาโมงขนาด 70 เซนติเมตร จำนวน 990 ตัว ปลาสวายขนาด 3-5 เซนติเมตร จำนวน 49,090 ตัว ปลาสร้อยขาว ขนาด 3-5 เซนติเมตร จำนวน 50,000 ตัว ปลานวลจันทร์เทศ ขนาด 2-3 เซนติเมตร จำนวน 50,000 ตัว และปลาตะเพียน ขนาด 2-3 เซนติเมตร จำนวน 50,000 ตัว ที่อ่างเก็บน้ำห้วยขี้หมู ซึ่งมีเนื้อที่ประมาณ 50 ไร่ นอกจากนั้นยังได้ร่วมกันปลูกต้นรวงผึ้งและต้นไม้อื่น ๆ เพื่อให้มีร่มเงาและมีความร่มเย็นไว้รอบ ๆ อ่างเก็บน้ำอีกด้วย

ผบ.เรือนจำนครพนม ชวนผู้ใจบุญซื้อผลิตภัณฑ์ฝีมือผู้ต้องขัง สนับสนุนการสร้างทักษะอาชีพ


วันที่ 16 สิงหาคม 2562 ที่จังหวัดนครพนม นายจรูญ เหง่าลา ผู้บัญชาการเรือนจำกลางนครพนม เปิดเผยว่า ปัจจุบันเรือนจำกลางจังหวัดนครพนมมีผู้ต้องขัง ทั้งสิ้น 4,237 คน ซึ่งในระหว่างที่อยู่ในเรือนจำจะได้รับการพัฒนาทักษะ ความรู้ และวิชาชีพตามความสมัครใจ เพื่อให้ผู้ต้องขังได้มีความรู้ความสามารถติดตัวนำไปใช้ประกอบอาชีพหลังพ้นโทษไปแล้ว ซึ่งจากการถ่ายทอดวิชา องค์ความรู้ของคณาจารย์สาขาต่าง ๆ ทำให้ผู้ต้องขังที่เข้ารับการอบรม มีการพัฒนา ทักษะ ฝีมือ จนมีผลงานที่หลากหลายรูปแบบ มีความสวยงาม ทันสมัยและพร้อมให้ทุกคนได้นำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ออกมา

ซึ่งผลิตภัณฑ์ดังกล่าวประกอบไปด้วย พวงกุญแจที่มีการถักประดิษฐ์เป็นตุ๊กตาแขวนขนาดเล็กทำให้สวยงามเหมาะสำหรับคนที่ต้องการเพิ่มความน่ารักและความโดดเด่นให้กับลูกกุญแจ โดยราคาจำหน่ายจะอยู่ที่ ชิ้นละ 50 บาท ตามมาด้วยตุ๊กตาถักนานาชนิด ขนาดความสูงประมาณ 15 เซนติเมตรขึ้นไป เหมาะสำหรับตั้งโชว์หรือมอบเป็นของฝากของที่ระลึกให้คนรักและคนสำคัญ ซึ่งราคาจะเริ่มต้นที่ 100 บาท ถ้ามีขนาดความสูงเพิ่มขึ้นหรือรายละเอียดมากราคาก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย ส่วนคุณผู้หญิงที่ต้องการกระเป๋าถือ กระเป๋าสะพายก็จะมีให้เลือกเช่นเดียวกัน โดยความพิเศษจะอยู่ที่กระเป๋าประดิษฐ์จากซองกาแฟสานขึ้นรูปให้มีความทันสมัย ราคาอยู่ที่ 300 บาท หรือถ้าต้องการสิ่งของประดับตกแต่ง และเครื่องมือเครืองใช้ภายในบ้าน ก็จะมีให้เลือกอีกมายมาย เช่น ผ้าปูพื้น ผ้าปูโต๊ะ ม่านบังแดด และฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ

นอกจากนี้ยังมีเมนูอาหารที่เป็นเบเกอรี่ เช่น ขนมปัง พาย เค้ก และของว่างรับประทานช่วงพักเบรก ซึ่งราคาก็ไม่แพงอย่างที่คิด ยกตัวอย่างเช่นเค้ก ขายตามร้านค้าทั่วไปจะอยู่ที่ปอนด์ละ 200 บาท แต่ของที่นี่จะจำหน่ายในราคา 180 บาทเท่านั้น ซึ่งการันตีเรื่องความอร่อยและความสะอาด เพราะใช้มาตรฐานการผลิตที่ควบคุมอย่างดี ทั้งนี้อยากให้ทุกคนได้มาอุดหนุนกันเยอะๆ เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ต้องขังในเรือนจำได้ฝึกทักษะ ฝีมือ ความชำนาญและสมาธิ เมื่อพ้นโทษไปแล้วจะได้มีอาชีพติดตัวที่มั่นคงและเป็นพลังในการพัฒนาประเทศชาติต่อไปในอนาคต โดยผู้ที่สนใจสามารถมาดูสินค้าหรือทดสอบความอร่อย ได้ที่ร้านทรายทอง Coffee & Bakery ซึ่งทางเรือนจำกลางจังหวัดนครพนม เปิดเป็นร้านจำหน่ายสินค้าฝีมือผู้ต้องขังและร้านจำหน่ายเครื่องดื่มสำหรับผู้ที่มาเยือน ตั้งอยู่ที่บริเวณด้านหน้าเรือนจำกลางจังหวัดนครพนม ตำบลขามเฒ่า อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม หรือจะติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นางปารณีย์ รัตนะกูล ผู้อำนวยการส่วนพัฒนาผู้ต้องขังเรือนจำกลางจังหวัดนครพนม  โทร 081-486-6615 หรือ 042- 532475

วันพฤหัสบดีที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2562

สภากาชาดไทย สร้างเยาวชนจิตอาสา ยุค 4.0 ดี เก่ง รอบรู้ สุขภาพดี พึ่งพาได้ ที่นครพนม


วันที่ 15 สิงหาคม 2562 ที่ห้องประชุมอาคารศรีโคตรบูรณ์ มหาวิทยาลัยนครพนม อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานเปิดการฝึกอบรมเยาวชนจังหวัดนครพนมและประชุมภาคีเครือข่ายยุวกาชาดจังหวัดนครพนม ตามโครงการขยายฐานเยาวชนจิตอาสาและเสริมสร้างศักยภาพเยาวชนจิตอาสาจังหวัดนครพนม ให้เป็นที่พึ่งของประชาชนอย่างยั่งยืน และโครงการพัฒนาศักยภาพอาสายุวกาชาดไทย - ลาว (Thai-Lao Red Cross Youth Volunteers Capacity Building ) ที่สำนักงานยุวกาชาด สภากาชาดไทย ร่วมกับเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนมจัดขึ้น ระหว่างวันที่ 15 – 18 สิงหาคม 2562 ที่จังหวัดนครพนม

โดยกิจกรรมในครั้งนี้จะเป็นการการสรรหาเยาวชนจากภาคส่วนต่าง ๆ ในจังหวัดนครพนม มาพัฒนาให้เป็นเยาวชนจิตอาสาในยุค 4.0 ที่เป็นทั้งคนเก่ง คนดี มีความรอบรู้ สุขภาพดี พร้อมเป็นที่พึ่งพาของประชาชนและเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศให้มีความเจริญก้าวหน้าอย่างยั่งยืนต่อไปในอนาคต โดยการดำเนินการจะประกอบไปด้วย 3 ขั้นตอน คือ การประชุมภาคีเครือข่ายยุวกาชาดเพื่อการสรรหาเยาวชนจิตอาสา การสร้างเยาวชนจิตอาสาสภากาชาดไทย และการสร้างอาสายุวกาชาดพึ่งพาได้

ทั้งนี้ผู้ที่เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ จำนวน 1,235 คน จะได้รับความรู้จากนางสาวธาริกา วงศ์สินศิริกุล รองผู้อำนวยการสำนักงานยุวกาชาด นายแพทย์พินิจ กุลละวณิชย์ ผู้ช่วยเลขาธิการ สภากาชาดไทย และนายสมจิต์ ไหมดี ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ที่จะมาถ่ายทอดประสบการณ์ในการปฏิบัติหน้าที่ ตามภารกิจของสภากาชาดไทยที่มีการดำเนินงานมากว่า 126 ปี เพื่อช่วยเหลือสังคมและชุมชนในการบรรเทาทุกข์ บำรุงสุข  บำบัดโรค กำจัดภัย เพื่อประโยชน์สุขของประชาชน สร้างให้ทุกคนได้เข้าใจถึงความเป็นมาของสภากาชาดไทย ภารกิจของสำนักงานยุวกาชาด ทิศทางการพัฒนากิจการยุวกาชาดเพื่อตอบสนองนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ภาพรวมของโครงการขยายฐานเยาวชนจิตอาสาและเสริมสร้างศักยภาพเยาวชนจิตอาสาในการเป็นที่พึ่งของประชาชนอย่างยั่งยืน โครงสร้างและคณะกรรมการการบริหารงานยุวกาชาดในประเทศไทย ชมรมอาสายุวกาชาด รางวัลอาสายุวกาชาดดีเด่น การเตรียมความพร้อมเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุของคนไทย และระบบอาสาสมัครสภากาชาดไทย(VTRIS) ที่พร้อมเปิดรับเยาวชนทุกคนที่มีจิตอาสาเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนงานของสภากาชาดไทยในการช่วยเหลือผู้อื่น

วันพุธที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2562

จังหวัดนครพนม รวมพลังธารน้ำใจท้องถิ่นไทยเลี้ยงอาหารกลางวันผู้ต้องขังเฉลิมพระเกียรติ ฯ

วันที่ 14 สิงหาคม 2562 ที่จังหวัดนครพนม นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วยนายรังสรรค์ คัมภิรานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม นำคณะหัวหน้าส่วนราชการ สมาชิกเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม ภาคเอกชนและประชาชน ร่วมกันจัดเลี้ยงอาหารกลางวันและมอบสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นในการดำรงชีพ ยาสามัญประจำบ้าน แก่ผู้ต้องขังเรือนจำกลางจังหวัดนครพนม เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตามโครงการธารน้ำใจท้องถิ่นไทยเลี้ยงอาหารกลางวันแก่ผู้ต้องขัง เฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก และเป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดี สร้างความมีน้ำหนึ่งใจเดียวกันของประชาชนจังหวัดนครพนมที่มีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นที่รักยิ่ง ก่อให้เกิดความเอื้ออาทรต่อกัน ทั้งเป็นการส่งเสริมความเท่าเทียม การเข้าถึงโอกาสที่จะได้รับการสงเคราะห์ด้านคุณภาพชีวิต สร้างให้ผู้ต้องขังทุกคนมีความสุข มีกำลังใจในการอยู่ร่วมกันในสังคม และเมื่อออกจากเรือนจำหรือทัณฑสถานไปแล้ว จะกลายเป็นพลังในการช่วยเหลือสังคมต่อไป

โดยในโอกาสนี้ผู้ต้องขังที่อยู่ภายในเรือนจำกลางจังหวัดนครพนม ได้ส่งตัวแทนมาทำการแสดง เพื่อเป็นการขอบคุณผู้ที่มีจิตเป็นกุศล ที่ได้ร่วมบริจาคทุนทรัพย์มาจัดเลี้ยงอาหารกลางวัน และซื้อสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นในการดำรงชีพ รวมถึงยาสามัญประจำบ้านมามอบให้ในครั้งนี้ โดยผู้ต้องขังหญิง ได้ส่งตัวแทนมารำขอบคุณ ขณะที่ผู้ต้องขังชายได้จัดการสวนสนามและการแสดงกายบริหาร 10 ท่าพญายม โชว์เป็นการขอบคุณเช่นเดียวกัน ทั้งนี้เรือนจำกลางจังหวัดนครพนม มีผู้ต้องขัง ทั้งสิ้น 4,237 ราย แบ่งเป็นผู้ต้องขังชาย 3,348 คน ผู้ต้องขังหญิง 838 คน ผู้ต้องขังเข้ารับการตรวจพิสูจน์ชาย 48 คน และผู้ต้องขังเข้ารับการตรวจพิสูจน์หญิง 3 คน

นอกจากนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ยังได้นำทุกคนเยี่ยมชมห้องสมุดพร้อมปัญญา ซึ่งเป็นสถานที่ที่ผู้ต้องขังใช้ในการค้นคว้าหาความรู้ รวมถึงสถานที่ฝึกอบรมวิชาชีพสาขาต่าง ๆ ที่ผู้ต้องขังใช้เพิ่มพูนทักษะความสามารถ ก่อนออกไปสู่สังคมหลังพ้นโทษด้วย 

วันจันทร์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2562

พสกนิกรจังหวัดนครพนม ประกอบพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง



วันที่ 12 สิงหาคม 2562 ที่บริเวณศาลาประชาคมยงใจยุทธ ศาลากลางจังหวัดนครพนม นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วยนางวิไลวรรณ ไกรโสดา รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม นายรังสรรค์ คัมภิรานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม นำข้าราชการพลเรือน ตุลาการ ศาล ทหาร ตำรวจ สมาชิกเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม คณะครู อาจารย์ นักเรียน นักศึกษา พ่อค้าและประชาชนจังหวัดนครพนม ร่วมประกอบพิธีวางพานพุ่มถวายเครื่องราชสักการะและจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคลแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 87 พรรษา 12 สิงหาคม 2562

โดยก่อนที่ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมประธานในพิธีจะเดินทางมาถึง เหล่าข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ของจังหวัดนครพนม ทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และองค์การต่าง ๆ ได้ประกอบพิธีวางพานพุ่มทอง พุ่มเงินถวายราชสักการะเบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง จากนั้นเป็นการรำถวายพระพรชัยมงคล และในเวลา 19.19 น.ประธานในพิธีได้ประกอบพิธีวางพานพุ่มทอง พุ่มเงิน เปิดกรวยกระทงดอกไม้ถวายราชสักการะ ประกอบพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล กล่าวอาศิรวาทถวายราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติ ก่อนที่จะนำทุกคนกล่าวถวายพระพรชัยมงคล ร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีและเพลงสดุดีพระแม่ไทย โดยเมื่อสิ้นเสียงเพลงทุกคนต่างเปล่งเสียงคำว่า ทรงพระเจริญ จำนวน  3 ครั้ง โดยพร้อมเพียงกัน

สำหรับเพลง สดุดีพระแม่ไทย ดำเนินการผลิตโดยกระทรวงวัฒนธรรม เพื่อเทิดพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ตลอดจนเพื่อถวายพระพรชัยมงคลเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา และเพื่อเทิดพระเกียรติในโอกาสสำคัญต่าง ๆ มีเนื้อร้องว่า โลกสดุดีพระปรีชาชาญ ราษฎร์สุขสราญเพราะพระบารมี สิริกิติ์เกริกฟ้าสุดแดนแผ่นดินนี้ พระพันปีหลวงมิ่งขวัญไทย ใต้ฝ่าละอองฯ ผองไทยบูชา ใต้ร่มบุญญาพร้อมเพรียงภูมิใจ จุดเทียนแซ่ซ้องส่องเมืองสว่างไสว ไทยเทิดไท้ถวายพระพร ศูนย์รวมใจปวงประชา ศิลปาชีพอมร พสกนิกรภักดี พระเมตตาเติมใจคุ้มครองไทยสุขศรี สดุดีพระแม่ไทย ทรงพระเจริญ

จิตอาสา 904 วปร. นครพนม ร่วมลงนามถวายพระพรชัยมงคลและบำเพ็ญสาธารณะประโยชน์เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง


วันที่ 12  สิงหาคม 2562 ที่จังหวัดนครพนม นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วยนางวิไลวรรณ ไกรโสดา รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม นายรังสรรค์ คัมภิรานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม นำคณะหัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ และนำประชาชนจิตอาสาพระราชทาน 904 วปร. เราทำความดีด้วยหัวใจ ร่วมกันประกอบพิธีลงนามถวายพระพรชัยมงคลและบำเพ็ญสาธารณะประโยชน์ เพื่อเฉลิมพระเกียรติ แสดงออกถึงความจงรักภักดีและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ได้ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจน้อยใหญ่อย่างมากมายเพื่อประโยชน์สุขของพสกนิกรชาวไทย เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 87 พรรษา 12 สิงหาคม 2562

โดยในเวลา 9.00 น. ทุกคนได้พร้อมใจกันประกอบพิธีลงนามถวายพระพรชัยมงคล ที่บริเวณศาลาประชาคมยงใจยุทธ ศาลากลางจังหวัดนครพนม จากนั้นเป็นการมอบใบประกาศเกียรติคุณ เชิดชูแม่ดีเด่นระดับจังหวัด จำนวน 5 ราย ก่อนที่ทุกคนจะเดินทางไปที่สวนสมุนไพรเฉลิมพระเกียรติฯ บ้านท่าค้อ อำเภอเมือง เพื่อร่วมกันทำความสะอาดและปรับปรุงภูมิทัศน์สถานที่ รวมถึงเส้นทางจักรยานภายในชุมชน โดยสวนสมุนไพรเฉลิมพระเกียรติฯ บ้านท่าค้อ แห่งนี้ เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ทางจังหวัดนครพนมจัดสร้างและพัฒนาขึ้นมาเพื่อให้เป็นจุดแวะพัก จุดเชื่องโยงเส้นทางจักรยานระหว่างจังหวัดนครพนมและอำเภอธาตุพนม ซึ่งภายในสวนจะเป็นทั้งสถานที่นั่งพักผ่อนหย่อนใจ ให้ประชาชนใน 14 หมู่บ้านของตำบลท่าค้อ ตลอดจนนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยือน ได้นั่งชมความงดงามของธรรมชาติริมฝั่งแม่น้ำโขง เป็นสถานที่ออกกำลังกาย และเป็นแหล่งเรียนรู้เกี่ยวกับพืชสมุนไพรนานาชนิด ที่นำมาปลูกรวบรวมไว้ เพื่อให้ทุกคนได้มาเรียนรู้และศึกษาแบบครบวงจร

ประชาชนจังหวัดนครพนม ร่วมใจทำบุญตักบาตรถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง


วันที่ 12  สิงหาคม 2562 ที่วัดมหาธาตุ อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม บรรยากาศอบอวนไปด้วยความรัก ความอบอุ่นของครอบครัวที่พร้อมหน้าพร้อมตากัน โดยนายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วยนางวิไลวรรณ ไกรโสดา รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม นายรังสรรค์ คัมภิรานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ได้นำประชาชนจังหวัดนครพนมร่วมกันทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ประจำปี 2562 และวันแม่แห่งชาติ เป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดีและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน ที่ได้ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจมากมายเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน โดยพระราชกรณียกิจที่สำคัญที่ได้ขยายเป็นวงกว้างไปยังทุกพื้นที่ในประเทศไทย คือ โครงการศูนย์ศิลปาชีพในพระราชดำริสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ที่เป็นโครงการส่งเสริมอาชีพให้กับคนไทย ทั้งเป็นการอนุรักษ์งานศิลปหัตถกรรมพื้นบ้านให้คงอยู่สืบไป นอกจากนั้นยังทรงดำรงตำแหน่ง “สภานายิกาสภากาชาดไทย” ที่เป็นองค์กรสาธารณะกุศลก่อตั้งขึ้นเพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ป่วย ผู้ยากไร้ โดยไม่คำนึงถึงเชื้อชาติและศาสนา

สำหรับ วันแม่แห่งชาติ เป็นอีกหนึ่งวันที่มีความสำคัญ ที่ทำให้ทุกคนได้หวนระลึกถึงพระคุณของแม่ผู้ให้กำเนิด แม่ผู้เลี้ยงดู รวมถึงแม่ของแผ่นดิน เพราะแม่เป็นบุคคลที่มีความสำคัญมากที่สุดในชีวิต คือเป้นบุคลลผู้ให้ชีวิต ผู้คอยคุ้มครอง ผู้มอบความรักความอบอุ่น แม่จึงเปรียบเสมือนร่มโพธิ์ร่มไทรที่คอยปกป้องลูกๆ ให้อยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข ตลอดจนคอยผลักดันให้ลูกเกิดความสำเร็จในด้านต่าง ๆ โดยในปีนี้ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง โปรดเกล้าฯ พระราชทานคำขวัญวันแม่แห่งชาติ ประจำปี 2562 ความว่า “เพราะรักลูกมากกว่าใครในโลกหล้าเพราะพระคุณเลิศล้ำฟ้าจะหาไหนเพราะสอนให้ประพฤติดีทั้งกายใจลูกจึงรักแม่กว่าใครทดแทนคุณ” ทั้งนี้วันแม่แห่งชาติได้จัดขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2486 ณ สวนอัมพร โดยกระทรวงสาธารณสุข แต่ช่วงนั้นเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 จึงต้องงดไป เมื่อวิกฤติสงครามสงบลง หลายหน่วยงานได้พยายามให้มีวันแม่ขึ้นมาอีกและมีการเปลี่ยนกำหนดวันแม่ไปหลายครั้ง กระทั่งในปี พ.ศ. 2519 คณะกรรมการอำนวยการสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ จึงได้กำหนดให้วันที่ 12 สิงหาคม ซึ่งเป็นวันคล้ายวันเสด็จพระราชสมภพของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เป็นวันแม่แห่งชาติ และกำหนดให้ดอกไม้สัญลักษณ์ของวันแม่ คือ ดอกมะลิ นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

วันพฤหัสบดีที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2562

นครพนม เสริมศักยภาพผู้ผลิตผ้ามุกมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม รองรับความต้องการของตลาดผ่านระบบออนไลน์

วันที่ 8 สิงหาคม 2562 ที่หอประชุมหนองบึก สหกรณ์ออมทรัพย์ครูจังหวัดนครพนม นายรังสรรค์ คัมภิรานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า จากที่จังหวัดนครพนมได้มีการประกาศให้ผ้ามุกเป็นรายการเบื้องต้นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม จังหวัดนครพนม ประจำปี 2562  ดังนั้นเพื่อเป็นการส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของจังหวัดนครพนมให้มีการบริหารจัดการมรดกทางวัฒนธรรมของบุคคลในชุมชนอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางและคงอยู่สืบไป จังหวัดนครพนม โดยสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดนครพนม สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดนครพนม สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดนครพนม สำนักงานพาณิชย์จังหวัดนครพนมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงได้จัดโครงการท่องเที่ยวกลุ่มจังหวัดสนุกตามรอยอารยธรรมลุ่มน้ำโขง (ธรรมะ ธรรมชาติ วัฒนธรรม) สู่สากล ประจำปีงบประมาณ 2562 ขึ้น

ซึ่งโครงการดังกล่าวจะแบ่งออกเป็นหลายกิจกรรมย่อย โดยในวันนี้จะเป็นการอบรมถ่ายทอดความรู้ให้กับผู้ผลิตและผู้ประกอบการสินค้าและบริการประเภทผ้ามุก ผ้าย้อมไม้มงคล ผ้าพื้นเมืองของจังหวัดนครพนม ให้มีความรู้ความเข้าใจ สามารถพัฒนาและต่อยอดผลิตภัณฑ์ที่ตนเองมีอยู่ให้เป็นที่รู้จักและเป็นที่ต้องการของลูกค้าตลอดจนนักท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น โดยผู้ที่เข้าการอบรมจำนวน 112 คน จะได้เรียนรู้เกี่ยวกับอัตลักษณ์เรื่องราวผ้ามุก ผ้าย้อมไม้มงคล และผ้าพื้นเมืองนครพนม คุณสมบัตินักออกแบบ/แปรรูป การผลิตและแปรรูปผ้าที่มีการนำเอาเทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ามาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด แต่ยังคงรักษาอัตลักษณ์ที่โดดเด่นไว้โดยเน้นความต้องการของตลาดนำการผลิต และการเพิ่มช่องทางรายได้ด้วยการขายผ่านระบบออนไลน์