วันจันทร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2562

ประธานคณะกรรมธิการฯ นำคณะลงพื้นที่ติดตามการบริหารงบประมาณพัฒนาจังหวัดนครพนม


วันที่ 30 กันยายน 2562 ที่ห้องประชุมพระธาตุพนม ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดนครพนม นายไชยา พรหมา ประธานคณะกรรมธิการการศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วยนายไพจิต ศรีวรขาน ประธานคณะกรรมธิการการปกครอง พร้อมคณะลงพื้นที่ติดตามการบริหารงบประมาณพัฒนาจังหวัดนครพนม ประจำปีงบประมาณ 2562-63 โดยมีนายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม และคณะหัวหน้าส่วนราชการร่วมประชุม บรรยายสรุปแผนการใช้งบประมาณและความก้าวหน้าในการดำเนินงานตามแผนงาน โครงการ พร้อมทั้งปัญหาและอุปสรรค เกี่ยวกับการบริหารงบประมาณพัฒนาจังหวัด การบริหารงบประมาณในการพัฒนาการศึกษาของมหาวิทยาลัยนครพนม การติดตามโครงการยกระดับและพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวจังหวัดนครพนม การป้องกันปราบปรามการแก้ปัญหายาเสพติดในพื้นที่ การดำเนินงานแก้ไขปัญหาเรื่องราวร้องทุกข์ของศูนย์ดำรงธรรม ทางรถไฟรางคู่และถนนเชื่อมต่อที่จะเข้ามายังจังหวัดนครพนม รวมถึงการรายงานความคืบหน้าของการขอขึ้นทะเบียนพระธาตุพนมเป็นมรดกโลก

นายไชยา พรหมา ประธานคณะกรรมธิการการศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ เปิดเผยว่า  การลงพื้นที่ในครั้งนี้เป็นการทำงานในเชิงรุกที่มีการบูรณาการกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเข้าไปช่วยเหลือให้คำแนะนำ ในประเด็นปัญหาของแต่ละจังหวัดในด้านงบประมาณ การบริหารงบประมาณ ซึ่งที่ผ่านมานั้นพรรคการเมืองแทบจะไม่มีบทบาทและประชาชนเองก็ขาดที่พึ่ง จะเห็นได้จากการได้รับการร้องเรียนว่างบประมาณต่าง ๆ ที่บริหารจัดการโดยจังหวัดของส่วนราชการต่าง ๆ ขาดการมีส่วนร่วม ขาดการแก้ไขปัญหาที่ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย เพราะฉะนั้นจึงมีผลกระทบที่เกิดขึ้นในกรอบปีงบประมาณที่ถูกจัดลำดับไว้แล้ว โดยในปี 63 ส่วนราชการได้ดำเนินการนำเสนอแผนงานเพื่อเข้าสภาไปเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นอาจจะทำอะไรมากได้ไม่ และในปี 64 ที่ขณะนี้กำลังเริ่มต้นที่ส่วนราชการในระดับจังหวัด เริ่มที่จะดำเนินการขอแผนงานในการใช้งบประมาณ ดังนั้นจึงต้องลงพื้นที่เพื่อประชุมร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด และส่วนราชการทุกหน่วยงาน ว่าอยากให้เกิดการบูรณาการร่วมกันในการจัดทำงบประมาณ ให้มีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน เพื่อเป้าหมายในการแก้ไขปัญหาให้ประชาชน  งบประมาณทุกบาททุกสตางค์ที่ได้รับการจัดสรรเป็นไปในทิศทางที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์แห่งชาติ ยุทธศาสตร์จังหวัดและสอดคล้องกับความต้องการของประชาชน ส่วนประเด็นต่าง ๆ ที่เป็นข้อกฎหมาย จะเห็นได้ว่าการมาในครั้งนี้แทบทุกจังหวัดมีปัญหา ซึ่งเป็นปัญหาในส่วนกลางด้วยซ้ำไป ไม่ใช่ปัญหาของจังหวัด เนื่องจากว่าติดขัดในเรื่องของข้อกฎหมาย ที่เป็นอุปสรรคต่อการแก้ไขปัญหาที่อำนาจของผู้ว่าฯ ที่ถึงแม้จะมีอำนาจในการแก้ไขปัญหาแต่ติดกฎหมายในหลายๆส่วน ไม่ว่าจะเป็น สำนักงบประมาณ กรมบัญชีกลาง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็เป็นภารกิจของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ทั้งคณะกรรมาธิการการปกครองที่เกี่ยวข้องโดยตรง ที่จะจับมือร่วมกันบูรณาการในการแก้ไขปัญหาและนำเสนอกับฝ่ายบริหาร เพื่อปรับปรุงแก้ไขให้ประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุด ส่วนประเด็นการใช้จ่ายงบประมาณอาจจะไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ เป้าหมาย ก็ได้รับทราบในเบื้องต้นว่า มันมีข้อจำกัดในเรื่องของการโอนเงินงบประมาณในช่วงปลายปีงบประมาณ ทำให้การบริหารจัดการส่วนใหญ่เป็นไปตามกรอบวิธีปฏิบัติของส่วนราชการ เพราะฉะนั้นนี่คือปัญหา ซึ่งไม่ใช่ปัญหาที่เพิ่งเกิดขึ้น เป็นปัญหาโครงสร้างที่เกิดขึ้นมานานแล้ว เป็นหน้าที่ที่คณะกรรมาธิการจะต้องทำความเข้าใจและนำเสนอในการปรับปรุงแก้ไข เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการทำงาน โดยมีเป้าหมายสูงสุด คือต้องมีความโปร่งใส และสามารถตรวจสอบได้

วันศุกร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2562

รองผู้ว่าฯนครพนม นำคณะลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือเด็กกตัญญูดูแลพ่อป่วยมะเร็ง


วันที่ 27 กันยายน 2562 ที่จังหวัดนครพนม นายรังสรรค ์ คัมภิรานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วยนายนิติพัฒน์ ลีลาเลิศแล้ว ปลัดจังหวัดนครพนม คณะหัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม องค์การบริหารส่วนตำบลนางาม ลงพื้นที่เยี่ยมบ้านและให้การช่วยเหลือเด็กหญิงหนึ่งฤทัย แซ่ซิ้ม (ฟ้า) อายุ 14 ปี ที่บ้านเลขที่ 138 หมู่ที่ 7 ตำบลกุตาไก้ อำเภอปลาปาก ที่อาศัยอยู่กับบิดา นายหนาย แซ่ซิ้ม อายุ 60 ปี ซึ่งป่วยเป็นโรคมะเร็งโพรงจมูก ระยะที่ 4 และพิการทางการได้ยิน  

โดยเด็กหญิงฟ้าเป็นเด็กกตัญญู ที่มีความขยัน ทั้งใส่ใจในการเรียน ซึ่งจะใช้เวลาว่างทั้งหมดที่มีหลังเลิกเรียนไปรับจ้างครูที่สอนมาตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาเพื่อหารายได้มาใช้จ่ายร่วมกับบิดาที่ต้องฝืนความเจ็บปวดออกไปรับจ้างก่อสร้างมาเลี้ยงครอบครัว ขณะที่มารดาได้แยกทางกับบิดาและไปสมรสมีครอบครัวใหม่จะส่งเงินมาให้เดือนละประมาณ 500 - 1,000 บาท สำหรับการลงพื้นที่ในครั้งนี้ มีทั้งการให้ความช่วยเหลือหลือเบื้องต้น คือการมอบเงิน จำนวน 7,100 บาท เพื่อให้ความช่วยเหลือ มอบเครื่องอุปโภคบริโภคและผ้าห่มกันหนาวไว้ใช้ในครัวเรือน ขณะที่การช่วยเหลือในระยะยาวนั้น จังหวัดก็ได้มีการตั้งคณะทำงานเข้าไปดูแลเกี่ยวกับการศึกษาของเด็กหญิงฟ้าที่ปัจจุบันกำลังศึกษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ซึ่งทางคณะทำงานจะมีการขอทุนการศึกษาให้สามารถเรียนจนจบชั้นปริญญาตรี  รวมถึงมีการเข้ามาดูแลเกี่ยวกับเงินที่ได้รับการช่วยเหลือจากบุคคลที่มีจิตเป็นกุศลที่ทางครอบครัวและคณะครู ได้ร่วมกันเปิดบัญชีเพื่อรับบริจาคกับธนาคารกรุงไทย สาขาเรณูนคร ชื่อบัญชี ด.ญหนึ่งฤทัยแซ่ซิ้ม และนางอัมพร อรรคสังข์ (ครู) และ นายพรชัย นวลงาม (สอบต.นางาม) เลขที่บัญชี 435-0-43972-2 รวมถึงการรักษาบิดาของเด็กหญิงฟ้า ทั้งนี้คณะทำงานจะต้องมีการลงพื้นที่ติดตามและรายงานผลให้ทางจังหวัดทราบเป็นระยะ ๆ

จิตอาสาฯนครพนม ร่วมใจบำเพ็ญประโยชน์สวนหลวง ร.9 สวนสาธารณะของชุมชน เฉลิมพระเกียรติ


วันที่ 27 กันยายน 2562 ที่อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม นายรังสรรค์ คัมภิรานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานนำคณะหัวหน้าส่วนราชการ อาสาสมัครแรงงาน ภาคีเครือข่าย นักเรียน นักศึกษาและประชาชนจิตอาสาในพื้นที่ จำนวน 150 คน ร่วมกันบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ ทำความสะอาด ตัดตกแต่งต้นไม้ ปรับแต่งภูมิทัศน์ ตามโครงการ 101 อาชีพเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ที่สำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัดนครพนมจัดขึ้น ที่สวนหลวง ร.9 ซึ่งเป็นสวนสาธารณะที่เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ เป็นสถานที่ออกกำลังกายของประชาชนในพื้นที่และนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยือนจังหวัดนครพนม  โดยสวนสาธารณะแห่งนี้ทุกคนได้ร่วมกันบริจาคทุนทรัพย์ เพื่อปรับปรุงจากสวนสาธารณะเดิมที่ชื่อ สวนหนองแสง ให้มีความสวยงาม ร่มรื่น ที่เต็มไปด้วย ต้นไม้ ดอกไม้ และเครื่องออกกำลังกายนานาชนิด โดยมีเส้นทางวิ่งอยู่รอบนอกของสวน เพื่อเฉลิมฉลองในคราวที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงมีพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ

โดยโครงการ 101 อาชีพเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เป็นโครงการที่สำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัดนครพนมจัดขึ้น เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  เนื่องในโอกาสมหามงคล พระราชพิธีบรมราชาภิเษก ทั้งเป็นการสนับสนุนและสร้างให้ทุกคนมีทักษะความสามารถ มีอาชีพ มีรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืน ตามแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยแบ่งกิจกรรมเป็น 2 ส่วนด้วยกัน คือการบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ในครั้งนี้ ที่เป็นการเปิดโอกาสให้ทุกคนได้ร่วมกันเสียสละเวลา กำลังกาย เพื่อตอบแทนสังคม และการฝึกอบรมพัฒนาทักษะให้กับประชาชนในพื้นที่ ให้ได้มีความรู้ความสามารถในการประกอบอาชีพ เพื่อสร้างรายได้ให้กับตนและครอบครัว

ปศุสัตว์นครพนม เปิดบริการทำหมันสุนัข-แมวฟรี เนื่องในวันป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าโลกปี 2562


วันที่ 27 กันยายน 2562 ที่จังหวัดนครพนม นายสมชาย อนันตจารุตระกูล ปศุสัตว์จังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า โรคพิษสุนัขบ้าเป็นโรคร้ายแรงที่ยังไม่มีทางรักษา และทางองค์กรเพื่อการรณรงค์ควบคุมโรคพิษสุนัขบ้าโลก (Global Alliance for Rabies Control) ได้กำหนดให้วันที่ 28 กันยายนของทุกปี เป็นวันป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าโลก (World Rabies day) เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนทุกคนได้เห็นถึงความร้ายแรงของโรคนี้ และเพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ให้ความรู้แก่ประชาชนได้รู้เท่าทันโรคพิษสุนัขบ้า ดังนั้นจังหวัดนครพนม โดยสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดนครพนม จึงได้จัดงานปศุสัตว์ร่วมใจกำจัดภัยโรคพิษสุนัขบ้าขึ้น ภายใต้แผนยุทธศาสตร์การดำเนินโครงการสัตว์ปลอดโรคคนปลอดภัยจากโรคพิษสุนัขบ้า ตามพระปณิธาน ศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ปี พ.ศ. 2560-2563 (world rabies day 2019) ที่บริเวณด้านข้างของสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดนครพนม

โดยก่อนหน้านี้ทางสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดนครพนม ได้มีการประชาสัมพันธ์เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับทราบว่าจะมีการจัดโครงการดังกล่าว ซึ่งเป็นการให้บริการแบบไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น ตั้งแต่เวลา 08.00 – 15.00 น. ทำให้ในวันนี้มีประชาชนนำสัตว์เลี้ยงของตนเองมารับบริการอย่างต่อเนื่อง ทั้งการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า การขึ้นทะเบียนและผ่าตัดทำหมันสุนัขและแมวเพื่อควบคุมจำนวนประชากรสัตว์เลี้ยง การรักษาพยาบาลเบื้องต้น การรับคำปรึกษาเกี่ยวกับการดูแลและการสังเกตสุขภาพสัตว์เลี้ยงของตนเองให้ห่างไกลจากโรคพิษสุนัขบ้า

วันพฤหัสบดีที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2562

สทนช.ลงพื้นที่ติดตามแนวทางการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษนครพนม


วันที่ 26 กันยายน 2562 ที่จังหวัดนครพนม ดร. สมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) นำคณะลงพื้นที่ติดตามแนวทางการจัดทำแผนบริหารจัดการน้ำในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ เพื่อศึกษาวางแนวทางการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำแบบมีส่วนร่วม เพื่อยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนอย่างยั่งยืน ป้องกันบรรเทาอุทกภัยและภัยแล้งของกลุ่มจังหวัดอีสานตอนบน หนองคาย นครพนม มุกดาหาร

ดร. สมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เปิดเผยว่า จากที่คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ได้มีมติเห็นชอบ ให้ สทนช. เป็นหน่วยงานหลักในการบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดทำแผนแม่บทการแก้ไขปัญหาเชิงพื้นที่อย่างเป็นระบบ ระยะ 5 ปี คือ ปี 2561- 65 และสร้างการรับรู้กับทุกหน่วยงานให้แล้วเสร็จ เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนอย่างเป็นรูปธรรม ดังนั้นจึงได้พิจารณาคัดเลือกพื้นที่จังหวัดที่ประกาศเป็นเขตพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษที่อยู่ติดแม่น้ำโขง 3 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดหนองคาย นครพนม และจังหวัดมุกดาหาร เพื่อดำเนินการศึกษาแนวทางในการบริหารจัดการน้ำ เพื่อแก้ปัญหาอุทกภัยและภัยแล้ง เพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศ ทั้งเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนและพัฒนาเศรษฐกิจในเขตเศรษฐกิจพิเศษให้มีความยั่งยืนสอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ โดยในวันนี้เป็นการนำคณะลงพื้นที่จังหวัดนครพนม ที่มีการประกาศตัวเป็นเมืองเกษตรอุตสาหกรรมด้านอาหาร ซึ่งน้ำถือเป็นปัจจัยพื้นฐานที่มีความสำคัญมาก ถ้าไม่มีมาตรการป้องกันก็จะเกิดการแย่งน้ำได้ในอนาคต ดังนั้นจึงต้องเข้ามาดูว่าจะจัดสรรทรัพยากรน้ำที่มีอยู่ให้กับทุกภาคส่วนได้อย่างไร โดยจะต้องมีการวางหลักการ กฎเกณฑ์ และกติกาตั้งแต่เริ่มแรกอย่างชัดเจน เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบและสามารถวางแผนการทำงานได้อย่างถูกต้อง รวมถึงการหาวิธีกักเก็บน้ำเอาไว้ใช้ ไม่ว่าจะเป็น น้ำบาดาล น้ำผิวดิน น้ำใต้ดิน ด้วยในอนาคตสิ่งที่จะเกิดขึ้นคือน้ำในการอุปโภคบริโภคมีไม่เพียงพอ เพราะไม่สามารถพึ่งน้ำจากแม่น้ำโขงอย่างเดียวได้ เนื่องจากสภาพภูมิอากาศมีความไม่แน่นอน ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีการปรับแนวความคิด ปรับเปลี่ยนรูปแบบการบริหารจัดการใหม่ในหลาย ๆ จุด เพื่อที่จะสนองต่อการเปลี่ยนแปลง

โดยหลังจากนี้จะนำข้อมูลทั้งหมดที่ได้ในวันนี้ ไปวางแนวนโยบายในภาพรวมเพื่อนำไปสู่การปฏิบัติอย่างแท้จริง ที่เน้นการขับเคลื่อนการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำแบบมีส่วนร่วม ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 3 ส่วนด้วยกัน คือส่วนที่มีการสำรวจข้อมูลทุกอย่างพร้อมแล้วในส่วนนี้สามารถดำเนินงานต่อไปได้เลยตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด ส่วนต่อมาคือส่วนที่ยังไม่มีความชัดเจนจะต้องสำรวจศึกษาให้มีความแน่นอนเสียก่อนจึงจะสามารถดำเนินการต่อไปได้ และส่วนสุดท้ายคือส่วนที่ไม่สามารถดำเนินการได้ในส่วนนี้จะต้องหารูปแบบใหม่ เพื่อมาใช้ในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ

จ.นครพนม ปล่อยปลา 200,099 ตัว คืนความอุดมสมบูรณ์ให้แหล่งน้ำ เนื่องในวันประมงแห่งชาติ ประจำปี 2562

วันที่ 26 กันยายน 2562 ที่อ่างเก็บน้ำห้วยเตย หมู่ที่ 8 บ้านหนองบัว ตำบลปลาปาก อำเภอปลาปาก จังหวัดนครพนม นายรังสรรค์ คัมภิรานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานนำคณะหัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น นักเรียน นักศึกษาและประชาชนในพื้นที่ร่วมประกอบพิธีปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำเนื่องในวันประมงแห่งชาติ ประจำปี 2562 ที่สำนักงานประมงจังหวัดนครพนม ร่วมกับศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะสัตว์น้ำจืดนครพนม อำเภอปลาปาก และองค์การบริหารส่วนตำบลปลาปากร่วมกันจัดขึ้น

โดยการปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำในครั้งนี้ ประกอบไปด้วย ปลาโมง ขนาด 10 -12 เซนติเมตร จำนวน 99 ตัว ปลาสวาย ขนาด 2-3 เซนติเมตร จำนวน 50,000 ตัว ปลาจาด ขนาด 2-3 เซนติเมตร จำนวน 50,000 ตัว และปลาสร้อยขาว ขนาด 2-3 เซนติเมตร จำนวน 100,000 ตัว รวมทั้งสิ้น 200,099 ตัว เพื่อคืนความอุดมสมบูรณ์ให้กับอ่างเก็บน้ำห้วยเตย ที่มีเนื้อที่ประมาณ 80 ไร่ ซึ่งประชาชนในพื้นที่ใช้เป็นสถานที่ในการหล่อเลี้ยงชีวิต ทั้งเพื่อการอุปโภคบริโภค และเพื่อการเกษตร โดยรัฐบาลได้กำหนดให้วันที่ 21 กันยายนของทุกปีเป็นวันประมงแห่งชาติ เพื่อเป็นการสนับสนุนในการทำอาชีพประมง เป็นการสร้างขวัญกำลังใจในการประกอบอาชีพของชาวประมงไทย มีการขยายพันธุ์สัตว์น้ำในแหล่งน้ำธรรมชาติมิให้สูญพันธุ์ เป็นการเสริมสร้างทัศนคติในการอนุรักษ์ทรัพยากรสัตว์น้ำแก่ประชาชนทั่วไป เพราะสัตว์น้ำมีคุณค่า เป็นอาหารของประชาชน ทั้งเป็นการสร้างความรู้สึกที่ดีทางจิตใจ คือ ก่อให้เกิดความสามัคคีของคนในชาติ เพราะได้ทำกิจกรรมร่วมกัน นอกจากนี้ทางราชการยังได้ถือเป็น วันขยายพันธุ์ปลาแห่งชาติ โดยมีการสนับสนุนให้ประชาชนนำพันธุ์ปลาไปปล่อยตามแหล่งน้ำต่าง ๆ รวมทั้งในทะเล เพื่อเป็นการชดเชยสำหรับการที่ได้ทำการประมงมาตลอดทั้งปี

จ.นครพนม นำข้อมูลเศรษฐกิจภาคเกษตรกรรมร่วมกันวิเคราะห์ วางแผนพัฒนาต่อยอดสร้างความยั่งยืนให้ประชาชนในพื้นที่


วันที่ 26 กันยายน 2562  นายรังสรรค์ คัมภิรานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานการประชุมเชิงปฏิบัติการนำเสนอภาพเศรษฐกิจของจังหวัดนครพนม จากผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด (GPP) ภาคเกษตรกรรม ประจำปี 2562 ที่โรงแรมไอโฮเต็ล อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม โดยมีคณะหัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรเขต 3 ร่วมแสดงข้อคิดเห็น ข้อเสนอแนะ สรุปปัญหาอุปสรรค รวมถึงแนวทางในการแก้ไข ก่อนที่จะมีการนำข้อมูลผลิตภัณฑ์มวลรวมของจังหวัด ไปใช้ในการวางแผน กำหนดนโยบายและมาตรการทางเศรษฐกิจในรอบปี 2563 ที่จะก่อให้เกิดการขับเคลื่อนงานและพัฒนาภาคเกษตรกรรมที่เข้มแข็ง มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ประชาชนมีรายได้มากขึ้น ทั้งยังเป็นการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของจังหวัดนครพนมให้มีความมั่นคง ยั่งยืน และสอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น

สำหรับการผลิตภาคเกษตรกรรมจังหวัดนครพนมนั้น ในรอบปี 2561 มีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาประจำปี อยู่ที่ 9,593 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 53 ล้านบาท พิจารณาจากสัดส่วนมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาประจำปี ของจังหวัดนครพนมแบ่งเป็นสาขาเกษตรกรรม การล่าสัตว์และการทำป่าไม้ ร้อยละ 94.5 และสาขาประมง ร้อยละ 5.5 โดยอัตราการขยายตัวของมูลค่า ณ ราคาคงที่อยู่ที่ร้อยละ - 1.4 ปรับตัวดีขึ้นจากปีที่ผ่านมา ผลมาจากสาขาเกษตรกรรม การล่าสัตว์และการทำป่าไม้ แบ่งเป็นหมวดการเลี้ยงสัตว์มีการขยายตัวร้อยละ 14.4 หมวดการป่าไม้มีการขยายตัวร้อยละ 7 ขณะที่หมวดการเพาะปลูก การทำสวนและการเพาะพันธุ์พืช ที่เป็นกิจกรรมหลัก ประกอบไปด้วย ข้าวเจ้านาปี ยางพารา ข้าวเหนียวนาปี และยาสูบ หดตัวร้อยละ 2.2 หมวดบริการทางการเกษตร หดตัวร้อยละ 11.3  ส่วนสาขาประมงมีการขยายตัวร้อยละ 3.9 ชะลอตัวจากปีที่ผ่านมา แบ่งเป็นการเพาะพันธุ์อนุบาลสัตว์น้ำจืด ขยายตัวร้อยละ 22.8 โดยเป็นการขยายตัวอย่างต่อเนื่องจากปีที่ผ่าน ส่วนการจับสัตว์น้ำจืดจากแหล่งน้ำธรรมชาติขยายตัวร้อยละ 3.8 ลดลงจากปีที่ผ่านมา และการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืด ได้แก่ ปลานิล ปลาตะเพียน และป่าเพาะ ขยายตัวร้อยละ 2.5 ลดลงจากปีที่ผ่านมาเช่นเดียวกัน

วันพุธที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2562

การไฟฟ้านครพนมบูรณาการเครือข่ายจัดระเบียบสายสื่อสาร สร้างมาตรฐานความปลอดภัยและวิสัยทัศน์ที่สวยงามในพื้นที่


วันที่ 25 กันยายน 2562 ที่บริเวณหน้าสำนักงาน กสทช.เขต 25 (นครพนม) อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม นายรังสรรค์ คัมภิรานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานเปิดและปล่อยขบวนเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานเพื่อดำเนินการจัดระเบียบสายสื่อสารโทรคมนาคมบนเสาไฟฟ้า ตามแผนปฏิบัติการจัดระเบียบสายสื่อสารโทรคมนาคมบนเสาไฟฟ้าของการไฟฟ้า (PEA ) ที่ได้ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย และภาคีเครือข่ายในการแก้ไขปัญหาความไม่เป็นระเบียบของสายและอุปกรณ์สื่อสารโทรคมนาคม เพื่อสร้างมาตรฐานความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้กับประชาชน สร้างทัศนียภาพที่สวยงามให้กับพื้นที่และก่อให้เกิดความมั่นคงในระบบจำหน่ายไฟฟ้าของการไฟฟ้า

โดยก่อนหน้านี้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดนครพนม ได้มีการประสานงานกับผู้ประกอบกิจการสื่อสารโทรคมนาคมในพื้นที่เพื่อเข้าสำรวจและวางแผนการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการในการจัดระเบียบสายสื่อสารทั้งหมดที่มีบนเสาไฟฟ้า พร้อมมีการติดเทปแสดงสัญลักษณ์สายสื่อสารที่มีการใช้งานและไม่ได้ใช้งาน โดยในระยะเริ่มแรกจะดำเนินการแก้ไขปัญหาสายสื่อสารที่จับรวมกันแต่ละต้นแล้วมีเส้นผ่านศูนย์กลางเกิน 300 มิลลิเมตรก่อน ซึ่งในวันนี้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานจะทำการรื้อถอนสายที่ไม่ได้ใช้งานทั้งหมดออกจากเสาไฟฟ้า จากนั้นจะนำสายสื่อสารที่ยังใช้งานได้ขึ้นคอนสื่อสารตามช่องทางที่กำหนดไว้ โดยผู้ประกอบการสื่อสารโทรคมนาคมเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย และเมื่อแล้วเสร็จทางการไฟฟ้าจะมีการบันทึกข้อมูลการพาดสายสื่อสารของบริษัทผู้ให้บริการต่าง ๆ เข้าในระบบบริหารจัดการทรัพยากรด้านสื่อสารโทรคมนาคมของการไฟฟ้า telecommunication asset management system (TAMS) เพื่อใช้ประโยชน์ในการบริหารจัดการระบบสื่อสารต่อไป สำหรับการดำเนินงานในครั้งนี้เริ่มจากถนนพินิจรังสรรค์ บริเวณอู่สมานคาร์แคร์ ไปจนถึงสามแยกโรงแรมวิวโขง รวมระยะทางทั้งสิ้น 1.3 กิโลเมตร ในส่วนที่เหลือจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเดือนมิถุนายน 2563 รวมระยะทางทั้งสิ้น 2.74 กิโลเมตร

วันอังคารที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2562

จ.นครพนม ประกอบพิธีวางพวงมาลาถวายพระบิดาแห่งการแพทย์แผนปัจจุบันของไทย


วันที่ 24 กันยายน 2562 ที่บริเวณโรงพยาบาลนครพนม อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม นายรังสรรค์ คัมภิรานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานนำคณะหัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารตลอดจนเจ้าหน้าที่ ผู้ปฏิบัติงานด้านการสาธารณสุขของจังหวัดนครพนม นักศึกษาวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนีนครพนม ภาคเอกชนและประชาชนจังหวัดนครพนม ประกอบพิธีวางพวงมาลาถวายบังคมพระราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก พระบิดาแห่งการแพทย์แผนปัจจุบันของไทย เนื่องในวันมหิดล ประจำปี 2562 และมอบเกียรติบัตรเชิดชูเกียรติแก่ผู้ที่ให้การสนับสนุนด้านการแพทย์โรงพยาบาล

โดยสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก เป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า มีพระเชษฐาและพระเชษฐภคินีที่ประสูติร่วมพระราชมารดา 7 พระองค์ พระองค์มีคุณูปการแก่กิจการแพทย์แผนปัจจุบันและการสาธารณสุขของประเทศไทย ประชาชนทั่วไปจะคุ้นเคยกับพระนามว่า กรมหลวงสงขลานครินทร์ หรือ พระราชบิดา บางครั้งก็ปรากฏพระนามว่า เจ้าฟ้าทหารเรือ และ พระประทีปแห่งการอนุรักษ์สัตว์น้ำของไทย ส่วนชาวต่างประเทศเรียกพระนามว่า เจ้าฟ้ามหิดล โดยพระองค์ทรงสนพระทัยการแพทย์และการสาธารณสุข ตั้งแต่ครั้งยังดำรงตำแหน่งนายทหารแห่งกองทัพเรือสยาม ทรงเห็นว่าการแพทย์และการสาธารณสุขของไทยยังล้าสมัยอยู่มาก และทรงตระหนักว่าการสาธารณสุขมีส่วนสำคัญในการพัฒนาของประเทศ หากจะได้ผลดีต้องมีแพทย์ที่มีคุณภาพสูง และมีการศึกษาแพทย์ที่เหมาะสม จึงทรงพระอุตสาหะเสด็จไปศึกษาวิชาการสาธารณสุขและวิชาแพทย์ ณ ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยทรงสอบได้ประกาศนียบัตรการสาธารณสุขและปริญญาแพทยศาสตร์ดุษฎีบัณฑิตเกียรตินิยม จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด

ซึ่งภายหลังทรงสำเร็จการศึกษา พระองค์ได้ทรงประกอบพระกรณียกิจทางด้านการแพทย์และการสาธารณสุขไว้มากมายจนเป็นที่ประจักษ์ และทรงได้รับการยกย่องเป็นองค์บิดาแห่งการแพทย์แผนปัจจุบันและการสาธารณสุขของไทย โดยวันที่ 24 กันยายน เป็นวันคล้ายวันเสด็จทิวงคตของพระองค์ท่าน คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล จึงได้ขนานนามวันอันเป็นที่ระลึกสำคัญนี้ว่า วันมหิดล เพื่อเป็นการถวายสักการะและแสดงกตัญญูกตเวทีต่อพระองค์ท่าน ที่ทรงพระราชกรณียกิจแก่วงการแพทย์และการสาธารณสุขของประเทศไทยตลอดระยะเวลา 12 ปี เพื่อเสริมสร้างความเป็นปึกแผ่นให้แก่โรงเรียนแพทย์และพัฒนาการเรียนการสอน ตลอดจนการผลิตแพทย์ให้มีประสิทธิภาพ เป็นการวางรากฐานแก่การแพทย์และการสาธารณสุขให้เจริญพัฒนาก้าวหน้าทัดเทียมอารยะประเทศ

วันจันทร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2562

คาราวานจิตอาสากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดนครพนม


วันที่ 23 กันยายน 2562 ที่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดนครพนม  นายประสงค์ ประไพตระกูล อธิบดีกรมการข้าว พร้อมด้วยนายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม นำคณะหัวหน้าส่วนราชการในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตลอดจนคณะประชาชนจิตอาสาโครงการจิตอาสากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ช่วยเหลือฟื้นฟูดูแลเกษตรกรผู้ประสบภัย ร่วมประชุมทางไกลผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ กับ ดร. เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อรับฟังการบรรยายสถานการณ์น้ำ นโยบายโครงการจิตอาสากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ช่วยเหลือฟื้นฟูดูแลเกษตรกรผู้ประสบภัย รวมถึงการรายงานสถานการณ์น้ำ การช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยของแต่ละจังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากพายุโพดุล และพายุคาจิกิ จากนั้นนำคณะคาราวานจิตอาสากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ฯ ลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่

สำหรับจังหวัดนครพนมนั้น มีพื้นที่การเกษตรได้รับผลกระทบ 6 อำเภอ ประกอบไปด้วย อำเภอนาแก อำเภอเรณูนคร อำเภอโพนสวรรค์ อำเภอปลาปาก อำเภอนาหว้า และอำเภอศรีสงคราม แบ่งเป็นผลกระทบด้านพืช จำนวน 24,239 ไร่ เกษตรกร 3,187ราย คาดว่าจะมีพื้นที่เสียหาย 16,807 ไร่ ด้านประมงมีเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบและได้รับความเสียหาย 69 ราย พื้นที่ 64 ไร่ และด้านปศุสัตว์มีเกษตรกรได้รับผลกระทบ 152 รายไม่มีความเสียหาย ซึ่งปัจจุบันสถานการณ์เริ่มคลี่คลายและเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว ทั้งนี้จังหวัดนครพนมได้มีมาตรการและแนวทางแก้ไขปัญหาด้วยการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการจังหวัดนครพนม เพื่อบูรณาการทุกภาคส่วนในการประชุมติดตามสถานการณ์และให้ความช่วยเหลือเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในช่วงที่เกิดอุทกภัยอย่างต่อเนื่องและทั่วถึง โดยในวันนี้คาราวานได้นำปัจจัยการผลิต ที่ประกอบไปด้วย พืชผักสวนครัว ไม้ผล รวม 2,750 ตัน พันธุ์ปลา 250 ถุง หญ้าพระราชทาน 5,000 กิโลกรัม (250 ฟ่อน) เพื่อไปสนับสนุนช่วยเหลือเกษตรที่ประสบอุทกภัย นอกจากนี้ยังได้นำองค์ความรู้เกี่ยวกับอาชีพเสริมไปถ่ายทอดให้ประชาชนในพื้นที่เพื่อใช้สร้างรายได้ให้กับครอบครัว การบริการหน่วยสัตวแพทย์เคลื่อนที่ออกดูแลสุขภาพและบำรุงร่างกายสัตว์ การซ่อมเครื่องจักรกลการเกษตร รวมถึงการนำสารบำบัดน้ำเสียและขจัดกลิ่นเหม็น (พด.6) ข้าวสาร ถุงยังชีพและน้ำดื่มไปมอบให้

วันเสาร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2562

ผู้ว่าฯนครพนม ชวนนักวิ่งสัมผัสความงดงาม 2 ประเทศ กับกิจกรรมเดิน – วิ่ง ข้ามโขง “นครพนม – คำม่วน” มาราธอน 2019

วันที่ 14 กันยายน 2562 ที่บริเวณลานกินลมชมวิว เทศบาลเมืองนครพนม อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม   นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วย นางสาวสุภาภรณ์ นิรมาณการย์ ประธานมูลนิธิศรีโคตรบูร นายนิวัต เจียวิริยบุญญา นายกเทศมนตรีเมืองนครพนม พลตำรวจตรี ธนชาติ รอดคลองตัน ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม นายแพทย์ยุทธชัย ตริสกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนครพนม นายคมสัน นิลยองตระกูล ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครพนม ผู้อำนวยการสำนักงานการกีฬาแห่งประเทศไทยจังหวัดนครพนม ร่วมกันแถลงข่าวการจัดงานเดิน-วิ่งข้ามโขง นครพนม-คำม่วน มาราธอน 2019 ที่จังหวัดนครพนมร่วมกับมูลนิธิศรีโคตรบูร จัดขึ้นเพื่อหารายได้ช่วยเหลือผู้สูงอายุ คนพิการของมูลนิธิศรีโคตรบูร และสนับสนุนโรงพยาบาลนครพนมสำหรับจัดซื้อเครื่องมือแพทย์และอื่นๆ ที่จำเป็น  ทั้งเป็นการส่งเสริมสนับสนุนให้ประชาชนทุกเพศทุกวัย ได้หันมาใส่ใจสุขภาพ ด้วยการออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างสุขภาพให้แข็งแรง ส่งเสริมเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวในจังหวัดนครพนม

นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า จังหวัดนครพนมเป็นจังหวัดที่ธรรมชาติที่สวยงาม มีเส้นทางริมแม่น้ำโขงสวยที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย โดยช่วงที่จัดงาน คือ วันอาทิตย์ที่ 10 พฤศจิกายน 2562 ถือเป็นช่วงที่อากาศดีที่สุดของแต่ละปี ซึ่งเข้าใกล้หน้าหนาว สำหรับพี่น้องนักวิ่งที่มีความจริงจังในการวิ่ง ก็ขอให้มั่นใจได้ว่ารายการนี้มีมาตรฐานอย่างแน่นอน เพราะได้รับการรับรองเส้นทางวิ่งจากสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทย โดยมีบริษัทที่มีชื่อเสียงเกี่ยวกับการจัดการวิ่งมาร่วมดำเนินการ ซึ่งเส้นทางการวิ่งจะแบ่งออกเป็น 4 ประเภท คือ ประเภทเดิน-วิ่งเพื่อสุขภาพ 5 กิโลเมตร ประเภทมินิมาราธอน 10.50 กิโลเมตร ประเภทฮาร์ฟมาราธอน 20.10 กิโลเมตร และประเภทมาราธอน 42.195 กิโลเมตร ผู้ที่สมัคร วีไอพี. สามารถเลือกแข่งขันได้ทุกประเภท โดยทุกประเภทคณะผู้จัดได้กำหนดเส้นทางให้ได้สัมผัสกับบรรยากาศของการวิ่งริมแม่น้ำโขงที่สวยงาม มีจุดสตาร์ทและจุดสิ้นสุดที่เชิงสะพานมิตรภาพแห่งที่ 3 (นครพนม- คำม่วน)

 โดยนักวิ่งที่เข้าร่วมกิจกรรมจะได้วิ่งข้ามสะพานไปเยือนสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (แขวงคำม่วน) ก่อนจะเลี้ยวกลับเข้าสู่เส้นทางของแต่ละประเภท ผ่านสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญที่มีความสวยงามและเป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดนครพนม เช่น โบสถ์นักบุญอันนา พิพิธภัณฑ์จวนผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมหลังเก่า หอนาฬิกาเวียดนามอนุสรณ์ วัดโอกาสศรีบัวบานที่เป็นวัดเก่าแก่คู่เมืองนครพนม มีพระติ้ว พระเทียมพระพุทธรูปแฝดอันศักดิ์สิทธิ์ประดิษฐาน ลานแลนด์มาร์คพญาศรีสัตตนาคราช ที่ทุกคนให้ความเคารพศรัทธาเดินทางมากราบไหว้ขอพรอยู่เสมอ วัดโพธิ์ศรีสถานที่ประดิษฐานพระพุทธรูปทองสำริดปางมารวิชัยสกุลช่างล้านช้าง วัดมหาธาตุที่มีพระธาตุนครเป็นปูชนียสถาน และวัดพระอินทร์แปลงที่มีพระพุทธรูปประธานศักดิ์สิทธิ์ ที่สีพระพักตร์จะเปลี่ยนไปคล้ายกับว่ามีสีทองอมเขียวทึบคล้ายมรกต ในตอนกลางคืนขณะที่ตอนกลางวันจะเหลืองอร่ามเป็นเงาวับสดใส นอกจากนี้คณะผู้จัดก็ได้มีการแบ่งทีมงานรับผิดชอบนักกีฬาเป็นประเภท เพื่อให้เกิดความสะดวกต่อการให้บริการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่พัก ห้องสุขา อาหาร ตลอดจนการอำนวยความสะดวกในด้านการจอดรถ การจราจร และความปลอดภัย
จึงขอเชิญชวนทุกคนมาร่วมกิจกรรมครั้งสำคัญนี้ ที่นอกจากจะได้สัมผัสกับบรรยากาศดีๆ ที่สวยงามของ 2 ประเทศแล้ว ยังได้สุขภาพที่แข็งแรงไปพร้อม ๆ กับการทำบุญด้วย โดยผู้ที่สนใจสามารถสมัครเข้าร่วมกิจกรรมได้ที่ www.rundidi.com ตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันที่ 5 ตุลาคม 2562 

วันศุกร์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2562

จ.นครพนม มอบบ้านช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางสังคม ตามโครงการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนด้านอาชีพ


วันที่ 13 กันยายน 2562 ที่บ้านเลขที่ 51 หมู่ 10 บ้านนาทม ตำบลนาทม อำเภอนาทม จังหวัดนครพนม นายวิชาญ น้อยโต นายอำเภอนาทม เป็นประธานมอบบ้าน เครื่องเรือนและเครื่องอุปโภคบริโภค ให้กับนายอภิรัตน์ อะทะขันธ์ ซึ่งเป็นผู้ประสบภัยทางสังคม ที่ผ่านการเห็นชอบจากมติที่ประชุมหมู่บ้าน และทางอำเภอนาทม โดยสำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอนาทม เห็นควรให้ช่วยเหลือเนื่องจากพ่อแม่แยกทางกัน ใช้ชีวิตตามลำพัง ไม่มีบ้านพักอาศัย ทั้งยังขาดแคลนเครื่องอุปโภคบริโภค ภายใต้โครงการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนด้านอาชีพ ประจำปีงบประมาณ 2562 ที่ บูรณาการร่วมกับโครงการนครพนม สร้างสังคมอุดมสุข

โดยโครงการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนด้านอาชีพ ประจำปีงบประมาณ 2562 เป็นโครงการที่หน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานจังหวัดนครพนมร่วมกันจัดขึ้น เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนด้านอาชีพให้กับประชาชนวัยแรงงาน ผู้เดือดร้อนด้านอาชีพให้มีโอกาสได้ฝึกอบรม พัฒนาทักษะ ฝีมือ เพื่อเพิ่มพูนศักยภาพและเป็นการกระตุ้นให้แรงงานได้ตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนาตนเอง พึ่งพาตนเอง และสามารถช่วยเหลือซึ่งกันและกันในชุมชนได้ ภายใต้กิจกรรมพัฒนาทักษะฝีมือ หลักสูตรก่ออิฐฉาบปูน ขณะที่โครงการนครพนม สร้างสังคมอุดมสุข เป็นโครงการที่จังหวัดนครพนมได้บูรณาการหน่วยงานต่าง ๆ ในการค้นหาผู้ประสบภัยทางสังคมและให้ความช่วยเหลือ เพื่อยกระดับครัวเรือนเป้าหมายให้ผ่านเกณฑ์ด้านรายได้ บรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนให้ได้รับความช่วยเหลือตามสภาพปัญหา และเป็นการส่งเสริมการเข้าถึงบริการให้กับประชาชนในพื้นที่

สำหรับบ้านที่สร้างและมอบให้ในครั้งนี้ สำนักงานแรงงานจังหวัดนครพนมร่วมกับองค์การบริหารส่วนตำบลนาทมเป็นผู้ออกแบบแปลนและสนับสนุนวิทยากร ในการฝึกอบรมอาสาสมัครแรงงาน จำนวน 20 คน ที่สมัครเข้าร่วมกิจกรรม เพื่อร่วมกันสร้างบ้านและฝึกพัฒนาอาชีพในการก่ออิฐฉาบปูน ร่วมกับประชาชนในชุมชน ซึ่งใช้เวลาในการดำเนินการก่อสร้างทั้งสิ้น 10 วันจึงแล้วเสร็จ ด้วยงบประมาณการสร้าง 42,600 บาท


ผู้ใจบุญร่วมบริจาคสิ่งของให้กาชาดจังหวัดนครพนม ใช้ออกสลากกาชาดในงานประเพณ๊ไหลเรือไฟและสำรองช่วยผู้ประสบภัยในพื้นที่

วันที่ 13 กันยายน 2562  ที่บริเวณสำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม บรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคักของส่วนราชการ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ภาคเอกชน และประชาชน ที่ทราบข่าวว่าเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม จัดงานวันรวมน้ำใจให้กาชาดจังหวัดนครพนม ประจำปี 2562 ขึ้น ต่างก็ทยอยเดินทางนำเอาสิ่งของและทุนทรัพย์มาร่วมกันบริจาคกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เหล่ากาชาดจังหวัดนครพนมได้นำไปช่วยเหลือผู้ยากไร้ ผู้ประสบภัย และผู้ด้อยโอกาสในพื้นที่ ตามภารกิจของเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม ที่เป็นองค์กรการกุศลเพื่อมนุษยธรรมและมีฐานะเป็นตัวแทนของสภากาชาดไทยในการช่วยบรรเทาทุกข์และพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ประชาชนได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยมีนายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมในฐานะนายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม สมาชิกเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม สมาชิกกองอาสารักษาดินแดนจังหวัดนครพนม ร่วมให้การต้อนรับ อำนวยความสะดวกและรับมอบสิ่งของ

นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า ก่อนอื่นก็ต้องขอขอบคุณทุกท่านที่มีจิตอันเป็นกุศล ที่ได้ร่วมกันบริจาคทุนทรัพย์และสิ่งของให้กับเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนมในครั้งนี้ ซึ่งงานกาชาดจังหวัดนครพนมนั้นจะจัดร่วมกับงานประเพณีไหลเรือไฟเป็นประจำทุกปี โดยภายในงานจะมีกิจกรรมเพื่อหารายได้สำหรับกิจการของเหล่ากาชาด เพื่อนำไปบรรเทาทุกข์และให้ความช่วยเหลือสงเคราะห์พี่น้องประชาชนชาวจังหวัดนครพนมที่ประสบภัยต่าง ๆ ประสบปัญหาความเดือดร้อนต่าง ๆ  สำหรับสิ่งของที่ได้รับในวันนี้จะแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือนำไปออกร้านมัจฉากาชาดในช่วงงานประเพณีไหลเรือไฟและงานกาชาดจังหวัดนครพนม ประจำปี 2562 ที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 6 - 14 ตุลาคม 2562 ณ บริเวณศาลากลางจังหวัดนครพนม ส่วนที่ 2 ก็จะเก็บไว้เพื่อให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในพื้นที่ และอีกส่วนก็จะเป็นการนำไปออกรางวัลสลากกาชาด ที่มีการจัดจำหน่าย จำนวน 70,000 ฉบับ ในราคาฉบับละ 50 บาท เพื่อให้ผู้ที่มาร่วมงานได้ลุ้นรับของรางวัล ไปพร้อม ๆ กับการทำบุญ ซึ่งรางวัลก็มีตั้งแต่ รถยนต์กระบะ Double CAB 4 ประตู รถจักรยานยนต์ สร้อยคอทองคำ ตู้เย็น จักรยาน ทีวีสี LED เตาไมโครเวฟ หม้อหุงข้าวไฟฟ้า โดยจะมีพิธีออกรางวัลสลากกาชาดในวันที่ 14 ตุลาคม 2562 เวลา 20.00 น. ณ ร้านกาชาดจังหวัดนครพนม โดยขอยืนยันว่าการดำเนินงานทั้งหมดรวมถึงรายได้ที่เหลือจากการจัดงาน คณะกรรมการเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนมจะใช้จ่ายเท่าที่จำเป็นและให้เกิดความโปร่งใสในทุกขั้นตอน เพื่อให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ของเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม

วันพฤหัสบดีที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2562

เกษตรนครพนม จับมือวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีร้อยเอ็ด ถ่ายทอดความรู้การแปรรูปผลิตภัณฑ์เนื้อและธัญพืช แก่เกษตรกร Smart Farmer


วันที่ 12 กันยายน 2562 ที่จังหวัดนครพนม นายเอนก รัตน์รองใต้ เกษตรจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า การผลิตภาคการเกษตรในปัจจุบัน มีการผลิตสินค้าเกษตรที่หลากหลายและมีปริมาณที่เพิ่มมาก ส่งผลให้ราคาสินค้าเกษตรลดลง ซึ่งสำนักงานเกษตรจังหวัดนครพนมมองว่าการนำผลผลิตทางการเกษตรมาแปรรูป จะเป็นอีกหนึ่งช่องทางสำคัญ ที่จะเข้ามาลดปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ช่วยเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรในพื้นที่ ทั้งยังสามารถแข่งขันและขยายฐานการตลาดสู่ต่างประเทศได้  ดังนั้นเพื่อเป็นการถ่ายทอดความรู้ให้กับเกษตรกรในพื้นที่ ให้มีความรู้ความเข้าใจในเทคนิคการแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรที่มีอยู่หลากหลายรูปแบบ หลากหลายขั้นตอน ซึ่งล้วนแล้วแต่มีความสำคัญ ให้เกษตรกรสามารถนำองค์ความรู้ที่ได้รับไปประยุกต์ใช้แปรรูปผลิตภัณฑ์ของตนเองให้ตรงตามความต้องการของลูกค้า โดยมีความอร่อย มีมาตรฐานและมีความปลอดภัย ทั้งยังเกิดประโยชน์สูงสุดต่อสินค้าเกษตรที่มีอยู่ มีความคุ้มค่าคุ้มราคา จึงได้ร่วมกับวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีร้อยเอ็ด จัดกิจกรรมฝึกอบรมเสริมสร้างอาชีพให้กับเกษตรกร กลุ่ม Smart Farmer เพื่อให้เป็นต้นแบบและจุดเรียนรู้กับเกษตรกรคนอื่นๆ ในพื้นที่จังหวัดนครพนม

โดยกิจกรรมในครั้งนี้เกษตรกรที่เข้ารับการอบรมจะได้เรียนรู้ ทั้งภาคทฤษีและภาคปฏิบัติ เกี่ยวกับเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ใช้ในการแปรูปสินค้าเกษตร มาตรฐาน GAP / GMP เกษตรอินทรีย์ และมาตรฐานอื่น ๆ  วิธีลดต้นทุนการผลิตและการแปรรูป การหาลูกค้าและการสร้างช่องทางการตลาด การบริหารจัดการผลผลิตให้มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยไม่ให้มีของเหลือจากกระบวนการผลิต กับการแปรรูปปลาตะเพียนเป็นปลาส้มที่อร่อยที่สุด การแปรรูปเนื้อหมูเป็นไส้กรอกอีสานรสชาติแซบเวอร์ และการทำน้ำนมข้าวโพดให้เป็นเครื่องดื่มสุขภาพ ที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน มีความปลอดภัยและน่าเชื่อถือ

ปลัดจังหวัดนครพนม นำคณะลงพื้นที่มอบเครื่องอุปโภคช่วยผู้ประสบภัยน้ำหลากอำเภอนาแก

วันที่ 12 กันยายน 2562 ที่วัดม่วงไข่ บ้านหนองผือ ตำบลคำพี้ อำเภอนาแก จังหวัดนครพนม นายนิติพัฒน์ ลีลาเลิศแล้ว ปลัดจังหวัดนครพนม นำคณะหัวหน้าส่วนราชการและเจ้าหน้าที่จากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครพนม สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครพนม สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครพนม เหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม นายอำเภอนาแก และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ลงพื้นที่มอบเครื่องอุปโภคบริโภค จำนวน 100 ชุด เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำป่าไหลหลากท่วมพื้นที่การเกษตรในตำบลคำพี้ ตำบลหนองบ่อ และตำบลก้านเหลือง ที่ประสบเหตุเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2562 ที่ผ่านมา



นายนิติพัฒน์ ลีลาเลิศแล้ว ปลัดจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ในอำเภอนาแกก็ได้รับผลกระทบจากอิทธิพลของพายุโซนร้อนโพดุล และพายุคาจิกิ ซึ่งส่งผลให้มีพี่น้องประชาชนได้รับความเสียหายกว่า 852 ครัวเรือน ใน 10 ตำบล 80 หมู่บ้าน โดยหน่วยงานต่าง ๆ ก็ได้เร่งให้ความช่วยเหลือมาอย่างต่อเนื่อง และเมื่อเวลา 23.00 น. ของวันที่ 11 กันยายน 2562 ก็ได้เกิดเหตุฝนตกหนักในพื้นที่อีกครั้ง ทำให้มีน้ำป่าไหลหลากจากเทือกเขาภูพานน้อยลงมาในพื้นที่ ทำให้พื้นที่การเกษตรของประชาชนในตำบลคำพี้ ตำบลหนองบ่อ และตำบลก้านเหลืองได้รับความเสียหายบางส่วน และด้วยความห่วงใยในความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน ทั้งเป็นการสร้างขวัญกำลังใจให้กับทุกคน นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม จึงได้มอบหมายให้ตนเองพร้อมคณะลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือในครั้งนี้ ซึ่งนอกจากที่หน่วยงงานนำจะเครื่องอุปโภคบริโภคจำนวน 100 ชุดมามอบให้แล้ว ก็ยังมีเครื่องอุปโภคบริโภคจากพี่น้องประชาชนในพื้นที่อำเภอธาตุพนม ที่ได้ร่วมกันบริจาคส่งมาให้ความช่วยเหลือด้วยเช่นเดียวกันอีกจำนวน 30 ชุด โดยในโอกาสนี้ก็ได้มีการฝากเตือนไปยังพี่น้องประชาชนทุกคนในพื้นที่ด้วย โดยได้มีการขอให้เฝ้าติดตามข้อมูลข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิดด้วย เพื่อที่จะได้เตรียมความพร้อมได้อย่างทันท่วงทีและทันต่อสถานกาณ์ ไม่ว่าจะเป็น เกี่ยวกับการประกาศแจ้งเตือนภัยหรือแนวทางในการให้ความช่วยเหลืออื่น ๆ ของทางหน่วยงานราชการที่กำลังจะออกตามมาหลังจากนี้

วันเสาร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2562

รมว.ศึกษา ลงพื้นที่นครพนมแจงนโยบายการศึกษา เน้นพัฒนาต่อยอด สร้างเยาวชนที่ทันต่อการเปลี่ยนแปลงในศตวรรษที่ 21


วันที่ 7 กันยายน 2562 ที่จังหวัดนครพนม นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่า การลงพื้นที่ในครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งความตั้งใจที่อยากมาพูดคุยกับผู้ปฏิบัติในพื้นที่ เพื่อให้ได้เข้าใจและรับรู้รับทราบแนวทางในการดำเนินงานหลังจากเข้ารับตำแหน่งอย่างถูกต้อง โดยแนวทางการศึกษานั้นจะเน้นการปรับปรุง พัฒนา ต่อยอด ที่ต้องสร้างให้เด็กและเยาวชนมีความคิดสร้างสรรค์ มีจินตนาการ มีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล รวมถึงเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้มีพื้นที่ในการแสดงออกมากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันแนวทางในการบริหารทรัพยากรบุคคลก็เป็นสิ่งจำเป็น เพราะครูถือเป็นสะพานเชื่อมความสำเร็จของประเทศ ด้วยถ้าครูผู้ให้สามารถถ่ายทอดได้อย่างเต็มที่ เด็กและเยาวชนผู้เรียนก็จะได้รับการศึกษาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณภาพ มีมาตรฐาน นำมาซึ่งอนาคตของประเทศที่มีเจริญเติบโตอย่างเต็มที่และมีศักยภาพสามารถแข่งขันกับประเทศอื่น ๆ ได้ ดังนั้นในอนาคตจึงจะมีการพัฒนาศักยภาพขีดความสามารถของครูให้มากยิ่งขึ้น โดยจะนำเอานวัตกรรมและเทคโนโลยีมาช่วยในส่วนนี้ นอกจากนั้นยังมีการสะท้อนการศึกษาในลักษณะไปและกลับเพื่อที่จะได้รู้ถึงปัญหาและแนวทางพัฒนาในอนาคต การเจริญเติบโตในหน้าที่การงานของครูที่ต้องมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ การปรับลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นเพื่อมาใช้เป็นสวัสดิการของผู้ปฏิบัติ  การขยายอายุราชการ และการแก้ปัญหาหนี้สิน

ทั้งนี้ได้มีการเน้นย้ำในเรื่องของการต่อยอดการปฏิบัติ เพราะเป็นการเพิ่มเติมในสิ่งที่การศึกษาเรามีอยู่แล้ว ทำอยู่แล้ว เป็นสิ่งที่ดีอยู่แล้ว แต่ในขณะเดียวกันก็มีส่วนที่ต้องปรับปรุง พัฒนา เปลี่ยนแปลง เพื่อให้ทันกับศตวรรษที่ 21  ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกที่มีการแข่งขันที่สูงมากในระยะเวลาอันรวดเร็ว เนื่องจากมีความไม่แน่นอน สามารถเกิดเหตุการณ์ต่าง ๆ ขึ้นได้ในพริบตา รวมทั้งสามารถรองรับสังคมสูงวัยของประชากรไทยที่กำลังเจริญเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ เพราะเด็กและเยาวชนในวันนี้ คือกำลังสำคัญที่จะมาพัฒนาและดูแลประเทศต่อไป

โดยหลังจากนี้จะมีการลงพื้นที่อย่างไม่เป็นทางการตามสถานศึกษาต่าง ๆ ทั่วประเทศ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร ข้อเสนอแนะ ความคิดเห็นจากผู้ปฏิบัติ เพื่อร่วมกันวางแผนและพัฒนาการศึกษาไทยให้เดินไปข้างหน้าสู่ความสำเร็จอย่างมั่นคง ยั่งยืนและพร้อมเพียงกัน

พลังศรัทธาพุทธศาสนิกชนแน่นลานวัด ร่วมประกอบพิธียกยอดน้ำค้างทองคำประดิษฐานบนยอดพระธาตุพนม บูรณะในรอบ 40 ปี


วันที่ 7 กันยายน 2562 ที่วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม บรรยากาศเนื่องแน่นไปด้วยพุทธศาสนิกชน ทั้งชาวไทย ชาวลาว ตลอดจนนักท่องเที่ยว ที่ศรัทธาต่อองค์พระราตุพนมและทราบข่าวว่าจะมีการประกอบพิธียกยอดน้ำค้างทองคำ กระดิ่งทองคำ และบัวทองคำ ขึ้นประดิษฐานบนยอดองค์พระธาตุพนม ต่างก็ได้เดินทางมาร่วมพิธีกันอย่างเนื่องแน่น โดยหลายคนเลือกที่จะมาตั้งแต่วันที่ 6 กันยายน ซึ่งมีพิธีบวชชีพราหมณ์ พิธีบวงสรวงเทพยดา และพิธีพุทธาภิเษกสมโภช ก่อนที่ช่วงเช้าของวันที่ 7 กันยายนทุกคนจะได้ร่วมกันทำบุญตักบาตรบริเวณรอบพระธาตุพนม จากนั้นร่วมชมขบวนแห่ยอดน้ำค้างทองคำอันยิ่งใหญ่และงดงาม จากบริเวณประตูอร่ามรัชฎาสู่มณฑลพิธี

โดยในเวลา 09:09 น. พลเอกไพบูลย์ คุ้มฉายา องคมนตรี ได้เป็นประธานฝ่ายฆราวาส ประกอบพิธีจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย จากนั้นได้ร่วมกันอาราธนาศีล พระครูโสภณธรรมสโรช (ก้องเกียรติ จิตตวิโล) นำกล่าวถวายยอดน้ำค้างทองคำ กระดิ่งทองคำ และบัวทองคำ จากนั้นประธานฝ่ายฆราวาส จุดธูปเทียนบูชาเทพยดาที่แท่นบวงสรวง พราหมณ์ในพิธีนำประกอบพิธีบวงสรวงเทพยดา  พระเทพวรมุนี เจ้าคณะจังหวัดนครพนม เจ้าอาวาสวัดธาตุพนมวรมหาวิหาร ประธานฝ่ายสงฆ์ นำประกอบพิธีอัญเชิญยอดน้ำค้างทองคำและบริวารสู่แท่นยก แล้วคล้องพวงมาลัยมงคลบนยอดน้ำค้างทองคำ และประกอบพิธียกยอดน้ำค้างทองคำ

สำหรับการบูรณะในครั้งนี้เป็นครั้งแรกในรอบ  40 ปี ตั้งแต่องค์พระธาตุพนมองค์เดิมได้พังทลายลงทั้งองค์ และรัฐบาลในสมัยนั้นที่ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เป็นนายกรัฐมนตรี ได้ก่อสร้างใหม่ด้วยพลังแห่งศรัทธาของชาวพุทธทั่วประเทศร่วมกันบริจาคทุนทรัพย์ โดยสร้างครอบองค์เดิมและยังคงรักษารูปแบบเดิมเอาไว้จนแล้วเสร็จ ในปี พ.ศ. 2522 ซึ่งมีขนาดฐานกว้างด้านละ 12.33 เมตร มีความสูงถึงยอดฉัตร รวม  57 เมตร และในวันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2522 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงและพระบรมวงศานุวงศ์ ได้เสด็จพระราชดำเนินในการพระราชพิธีเชิญพระบรมสารีริกธาตุ (พระอุรังคธาตุ) ขึ้นบรรจุในองค์พระธาตุพนม  สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร เสด็จทรงยกยอดฉัตรทองคำ ที่มีน้ำหนักมากถึง 110 กิโลกรัม จากนั้นพระธาตุพนมก็ตั้งเด่นเป็นสง่าให้พุทธศาสนิกชนได้เดินทางมากราบไหว้ บูชา ด้วยความเคารพศรัทธาเช่นดังเดิม กระทั่งวันที่  22 กรกฎาคม 2562 ทางวัดได้ทำหนังสือถึงสำนักศิลปากรที่ 9 อุบลราชธานี ขออนุญาตหุ้มแผ่นทองคำที่ยอดเม็ดน้ำค้างขององค์พระธาตุพนมด้วยทองคำบริสุทธิ์ เพื่อป้องกันกรดที่เกิดจากสิ่งปฏิกูล เนื่องจากปัจจุบันยอดเม็ดน้ำค้างมีนกเกาะและได้ทำรังนอน ถ่ายรดสิ่งปฏิกูล ทำให้ส่วนยอดเม็ดน้ำค้างดำและด่าง รวมทั้งจะมีการทำความสะอาดภายนอกองค์พระธาตุพนม ทาสีใหม่ และปิดทองคำเปลว และวันที่ 20 สิงหาคม 2562 ได้มีหนังสือแจ้งพิจารณา โดยอธิบดีกรมศิลปากรได้อนุญาตในส่วนของงานทาสีและปิดทองคำเปลวใหม่ทั้งองค์ ในส่วนที่ปิดทองคำเปลว ส่วนการหุ้มแผ่นทองคำ ที่ยอดเม็ดน้ำค้างองค์พระธาตุพนมทดแทนของเดิมที่เป็นทองแดงนั้นให้วัดพระธาตุพนมจัดทำรายละเอียดเพิ่มเติม ในส่วนของการจัดทำเม็ดน้ำค้างทองคำและการติดตั้งกับส่วนยอดขององค์พระธาตุพนมให้มีความชัดเจนก่อนการดำเนินการ โดยให้ประสานกับผู้เชี่ยวชาญจากสำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร เพื่อแนะนำแนวทางที่ถูกต้อง จากนั้นทางวัดพระธาตุพนม จึงได้ดำเนินการตามหนังสือกระทั้งแล้วเสร็จ และในวันนี้จึงได้มีพิธียกยอดน้ำค้างทองคำประดิษฐานบนยอดพระธาตุพนม โดยยอดน้ำค้างทองคำมีน้ำหนัก 3 กิโลกรัม กระดิ่งทองคำ มีจำนวน 32 ใบ ซึ่งจะช่วยไล่นกไม่ให้มาทำรังที่ยอดองค์พระธาตุ และแผ่นทองเปลวที่ใช้ปิดพระะธาตุพนมในครั้งนี้มีขนาดหนา 8 มิลลิเมตร

วันศุกร์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2562

สสจ.นครพนม ระดมทีมแพทย์ช่วยเหลือชาวบ้านปากบัง พร้อมเฝ้าระวังภาวะซึมเศร้า


 วันที่ 6 กันยายน 2562 ที่จังหวัดนครพนม นายแพทย์จิณณพิภัทร ชูปัญญา นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครพนมได้มีการติดตามสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเมื่อพื้นที่บ้านปากบัง ตำบลพิมาน อำเภอนาแก เริ่มมีน้ำท่วมขังทางเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลส่งเสริมตำบล และ อสม.ในพื้นที่ ก็ได้รายงานให้ทางจังหวัดทราบ ดังนั้นในวันนี้จึงได้นำกำลังหน่วยแพทย์ ตลอดจนเจ้าหน้าที่ ลงพื้นที่เพื่อตรวจดูแลสุขภาพของประชาชน คนไข้ ไม่ว่าจะเป็น เด็ก ผู้ใหญ่ ผู้สูงอายุ ผู้พิการ หรือผู้ป่วยติดเตียง ว่าได้รับผลกระทบอะไรบ้าง มีโรคภัยไข้เจ็บหรือไม่ รวมถึงประเมินสถานการณ์เบื้องต้นเพื่อให้ความช่วยเหลืออื่น ๆ เพิ่มเติมอีก โดยในวันนี้นอกจากการตรวจสุขภาพแล้ว ยังได้นำยาสามัญประจำบ้านและชุดนายสะอาด ซึ่งเป็นชุดป้องกันโรคระบาด ที่ประกอบไปด้วย ถุงดำเล็กใส่อุจจาระ น้ำยาล้างจาน สบู่ เจลล้างมือ และคลอรีนน้ำ มามอบให้ด้วย

สำหรับสถานการณ์จริงที่พบในวันนี้คือ มีชาวบ้านได้รับผลกระทบประมาณ 40-50 หลังคาเรือน ซึ่งก็มีเจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาลส่งเสริมตำบล และเจ้าหน้าที่ อสม. คอยให้ความช่วยเหลือดูแลในเบื้องต้นอยู่แล้ว ถ้ามีผู้ป่วยฉุกเฉินที่จำเป็นต้องไปรักษาที่อื่น ก็จะมีรถมาเคลื่อนย้ายให้ เท่าที่สังเกตสถานการณ์เริ่มจะคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ ประชาชนส่วนใหญ่ที่เราตรวจสุขภาพยังไม่มีโรคอะไรมากมาย จะมีในเรื่องของน้ำกัดเท้าบ้าง แล้วก็เป็นไข้หวัดเล็ก ๆ น้อย ๆ ทีมแพทย์ก็ได้มีการรักษารวมถึงให้คำแนะนำแล้ว สำหรับภาวะสุขภาพจิตจากการพูดคุยกับผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้าน พบว่าหลายคนเริ่มมีความวิตกกังวลเพราะเจอปัญหานี้ซ้ำซาก จึงได้มอบหมายให้ อสม. ในพื้นที่ที่รับผิดชอบ 1 คนต่อ 10 หลังคาเรือน ติดตามเฝ้าระวัง พูดคุย ให้คำแนะนำ เพื่อเป็นการผ่อนคลายความเครียด รวมถึงให้มีการตรวจประเมินตามแบบฟอร์มที่ได้ผ่านการอบรมมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเช็คว่าท่านใดมีความเสี่ยงภาวะซึมเศร้าบ้างหรือไม่เป็นการหยุดยั้งก่อนเกิดเหตุ ทั้งนี้ก็อยากฝากถึงพี่น้องประชาชนที่มีปัญหาสุขภาพกาย สุขภาพจิต อย่าปล่อยไว้นานขอให้บอกพี่น้อง อสม. ที่อยู่ใกล้สุดทันทีเพื่อขอความช่วยเหลือ หากเกินกำลังก็จะมีการประสานกับโรงพยาบาลส่งเสริมตำบล โรงพยาบาลอำเภอ และทางจังหวัดเพื่อขอรับการช่วยเหลือต่อไป

จังหวัดนครพนมจัดงานเยาวชนแห่งชาติ สร้างโอกาสและส่งเสริมการพัฒนาตนเองที่มีจิตอาสาเพื่อสังคม


วันที่ 6 กันยายน 2562 ที่จังหวัดนครพนม นางวิไลวรรณ ไกรโสดา รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานเปิดงานวันเยาวชนแห่งชาติ จังหวัดนครพนม ประจำปี 2562 ที่ สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครพนม ร่วมกับบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดนครพนม และคณะบริหารสภาเด็กและเยาวชนจังหวัดนครพนมจัดขึ้น เพื่อส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนในจังหวัดนครพนม ได้มีโอกาสแสดงออกถึงความสามารถ และมีพื้นฐานที่สร้างสรรค์ในการทำกิจกรรมที่มีประโยชน์ต่อสังคม ทั้งเป็นการกระตุ้นให้ทุกภาคส่วนของสังคม ได้สนใจ ตระหนักและให้ความสำคัญถึงพลังของเด็กและเยาวชน ที่พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาสังคมและประเทศชาติ โดยมีพระมหากษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี 2 พระองค์ทรงเป็นต้นแบบ

โดยตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา หน่วยงานราชการได้สนับสนุนงบประมาณ เพื่อให้สภาเด็กและเยาวชนจังหวัดนครพนมดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อเป็นการเปิดโอกาสและพัฒนาศักยภาพเด็กและเยาวชนของจังหวัดนครพนมให้มีคุณภาพ มีจิตอาสาที่เป็นประโยชน์และพร้อมเป็นกำลังในการพัฒนาประเทศ ไม่ว่าจะเป็น โครงการส่งเสริมความเข้มแข็งสภาเด็กและเยาวชนระดับอำเภอ โครงการเยาวชนไทยหัวใจสะอาด โครงการพัฒนาศักยภาพเด็กและเยาวชนจังหวัดนครพนมในการสร้างเยาวชนรุ่นใหม่รู้เท่าทันสิทธิ โครงการม่วนซื่นโฮแซวพื้นที่สร้างสรรค์สำหรับเด็กและเยาวชน โครงการวันเด็กแห่งชาติ โครงการรักได้แต่ให้ปลอดภัยในวันวาเลนไทน์ safety valentine safety sex โครงการเยาวชนสร้างชาติสื่อสร้างสรรค์ Be Smart & safe online : ก้าวทันสื่อ รู้ทันสิทธิออนไลน์ โครงการ Stop Teen Mom รู้เท่าทันป้องกันการตั้งครรภ์ไม่พร้อมในวัยรุ่น

สำหรับความเป็นมาของวันเยาวชนแห่งชาตินั้น องค์การสหประชาชาติ กำหนดให้ปีพุทธศักราช 2528 เป็นปีเยาวชนสากล และขอให้ประเทศสมาชิกร่วมเฉลิมฉลองปีเยาวชนสากล ภายใต้คำขวัญ “Participation Development and Peace” โดยคณะรัฐมนตรี ได้มีมติเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2528 กำหนดให้วันที่ 20 กันยายนของทุกปี เป็นวันเยาวชนแห่งชาติ เนื่องจากเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของพระมหากษัตริย์ไทย 2 พระองค์ ที่ทรงเสด็จเถลิงถวัลย์ราชสมบัติในฐานะยุวกษัตริย์ คือ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 และพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล รัชกาลที่ 8 จึงถือได้ว่าเป็นวันที่มีความเป็นสิริมงคลยิ่ง ที่เยาวชนควรสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของล้นเกล้าทั้งสองพระองค์ และมีการพัฒนาตนเอง มีจิตอาสา ประพฤติปฏิบัติตนให้เป็นประโยชน์ต่อชุมชน สังคม และประเทศชาติ โดยมีทั้งสองพระองค์เป็นต้นแบบ นอกจากนี้รัฐบาลยังให้ความสำคัญกับเด็กและเยาวชน โดยได้ตราพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาเด็กและเยาวชนแห่งชาติ พ.ศ. 2550 และฉบับที่ 2 พ. ศ. 2560 ขึ้นอีกด้วย

กกต.นครพนม เสริมศักยภาพบุคลากรท้องถิ่น เตรียมความพร้อมสำหรับการเลือกตั้ง


วันที่ 6 กันยายน 2562 ที่จังหวัดนครพนม นายรังสรรค์ คัมภิรานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานเปิดโครงการเสริมสร้างความรู้เกี่ยวกับการเลือกตั้งเชิงสมานฉันท์แก่เจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้ง ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดนครพนมจัดขึ้น เพื่อถ่ายทอดความรู้เป็นการเตรียมความพร้อมในเบื้องต้นให้แก่บุคลากรขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่จำนวน 104 แห่ง ของจังหวัดนครพนม ประกอบไปด้วย องค์การบริหารส่วนจังหวัด 1 แห่ง เทศบาลเมือง 1 แห่ง เทศบาลตำบล 21 แห่ง และองค์การบริหารส่วนตำบล 81 แห่ง จะต้องดำเนินการจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่น และผู้บริหารขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยปลัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะเป็นผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตามกฎหมายเลือกตั้งท้องถิ่น

โดยผู้ที่เข้ารับการอบรมในครั้งนี้ จะได้รับความรู้เกี่ยวกับกฎหมาย ระเบียบ ที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งท้องถิ่นตามกฎหมายเลือกตั้งท้องถิ่นฉบับ พุทธศักราช 2562 เพื่อให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่งเตรียมความพร้อม ในการจัดการเลือกตั้งท้องถิ่น ในเรื่องงบประมาณ บุคลากร วัสดุอุปกรณ์ และการบริหารจัดการเลือกตั้ง ทั้งเพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ให้หน่วยงานภาครัฐ บุคคลที่จะสมัครเข้ารับเลือกตั้งท้องถิ่น ประชาชนทั่วไปได้รับทราบข้อมูลข่าวสารการเลือกตั้งที่ถูกต้องและเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการเลือกตั้งท้องถิ่น ให้เป็นไปด้วยคามถูกต้อง สุจริต และเที่ยงธรรม เป็นที่ยอมรับแก่ผู้ที่เกี่ยวข้องก่อให้เกิดการเลือกตั้งท้องถิ่นแบบสมานฉันท์

วันพฤหัสบดีที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2562

ปศุสัตว์นครพนม ลงพื้นที่มอบหญ้าแห้งและยาเวชภัณฑ์ดูแลโค กระบือเกษตรกรผู้ประสบภัยบ้านปากบัง


วันที่ 5 กันยายน 2562 ที่ศาลาประชาคมบ้านปากบัง ตำบลพิมาน อำเภอนาแก จังหวัดนครพนม นายสมชาย อนันตจารุตระกูล, ปศุสัตว์จังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า กรมปศุสัตว์มีความห่วงใยเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ทุกคน เกี่ยวกับการเกิดภัยพิบัติน้ำท่วม ซึ่งในจังหวัดนครพนมสถานการณ์ในสปีนี้ในระยะแรก ๆ ที่เกิดเหตุก็ได้มอบหมายให้ทางปศุสัตว์อำเภอทั้ง 12 อำเภอ ให้มีการออกสำรวจ ปรากฏว่ายังไม่พบว่ามีผลกระทบต่อสัตว์เลี้ยงของเกษตรกร แต่เมื่อวันสองวันที่ผ่านมาเนื่องจากมีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ทั่วทั้งจังหวัด ทำให้มีหลายพื้นที่มีน้ำท่วมขังพื้นที่การเกษตร และคอกของสัตว์เลี้ยงของเกษตรกร โดยปศุสัตว์อำเภอนาแกได้รายงานว่าที่บ้านปากบัง ตำบลพิมาน เริ่มมีน้ำท่วมขังบริเวณคอกเลี้ยงสัตว์ะและบริเวณที่ใช้เลี้ยงโค กระบือของเกษตรกร

ดังนั้นสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดนครพนม จึงได้ประสานกับศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์นครพนม โดยใช้โควต้าที่มีอยู่ในมือ มามอบให้เกษตรกรผู้ได้รับผลกระทบในพื้นที่ จำนวน 42 ราย ที่เลี้ยงกระบือ 219 ตัว และโค 52 ตัว จำนวน 200 ฟ่อน รวมถึงทางสำนักงานก็ได้จัดหายาเวชภัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็น ยาปฏิชีวนะ อาหารเสริม อาหารบำรุง วิตามิน มามอบให้เช่นเดียวกัน เพื่อเป็นการเสริมสร้างสุขภาพของสัตว์ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมในครั้งนี้

ด้านนายบุญมี มีบุญ หนึ่งในเกษตรกรบ้านปากบัง เปิดเผย ปกติตนเองและเพื่อนบ้านจะนำโค กระบือไปเลี้ยงตามทุ่งนา แต่ด้วยตอนนี้มีน้ำท่วมขัง ทำให้ต้องเลี้ยงอยู่ในคอกใต้ถุนบ้านเท่านั้น โดยจะพากันออกไปหาหญ้าและฟางตามหมู่บ้านอื่นมาเลี้ยงแทน วันไหนไม่มีก็ต้องซื้อหามาเลี้ยงโดยมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ก้อนละ 25 - 30 บาท วันหนึ่งจะใช้ 1 ก้อนต่อสัตว์เลี้ยง 1 ตัว วันนี้ก็รู้สึกดีใจมากทั้งขอขอบคุณทางหน่วยงานราชการที่เข้ามาดูแล นำหญ้าแห้งและยาเวชภัณฑ์มามอบให้ในครั้งนี้ซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่ายและเป็นกำลังใจให้เป็นอย่างดี

วันพุธที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2562

สโมสรไลออนส์มอบสิ่งของและเครื่องยังชีพช่วยผู้ประสบภัยนครพนม


วันที่ 4 กันยายน 2562 ที่วัดโพธิ์ชัยศรี บ้านปากบัง ตำบลพิมาน อำเภอนาแก จังหวัดนครพนม นางอมรรัตน์ ฮันชิน ผู้ว่าการไลออนส์สากล ภาค 310 อี พร้อมด้วยนายสมศักดิ์ โล่วิสุทธิ์ อดีตกรรมการอำนวยการไลออนส์สากล นายนราวุฒิ จันทร์ทอง หัวหน้าสำนักงานจังหวัดนครพนม และนายนิติพัฒน์ ลีลาเลิศแล้ว ปลัดจังหวัดนครพนม นำคณะสมาชิกสโมสรไลออนส์และเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่มอบสิ่งของ เครื่องอุปโภคบริโภค แก่นายรังสรรค์ คัมภิรานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เพื่อส่งต่อยังประชาชนในพื้นที่ ที่ได้รับผลกระทบจากอิทธิพลพายุโซนร้อน โพดุล และพายุดีเปรสชั่น คาจิกิ เพื่อให้การช่วยเหลือเป็นการสร้างขวัญกำลังใจและบรรเทาทุกข์ ประกอบไปด้วยผู้ประสบภัย อำเภอนาแก 257 ราย และอำเภอธาตุพนม 45 ราย

โดยในพื้นที่อำเภอนาแก ได้เกิดฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2562 อีกทั้งมีลมกรรโชกแรง จึงส่งผลให้มีบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย 14 หลังคาเรือน ถนนในหมู่บ้านได้รับความเสียหาย 48 เส้น สะพาน 3 แห่ง พื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหาย 4,366 ไร่ และบ่อปลาเกษตรกร 6 บ่อ ประชาชนในพื้นที่ได้รับผลกระทบทั้งสิ้น 10 ตำบล 80 หมู่บ้าน 852 ครัวเรือน ขณะที่อำเภอธาตุพนม ได้รับผลกระทบจากวาตภัยในครั้งนี้ 9 ตำบล 20 หมู่บ้าน มีบ้านเรือนได้รับผลกระทบ 50 หลังคาเรือน โรงเรียน 3 แห่ง วัด 3 แห่ง โรงเก็บของเสียหาย 3 หลัง และศาลาริมทางเสียหาย 1 หลัง ทั้งนี้ทางหน่วยงานราชการต่างๆ ได้เร่งให้การช่วยเหลือมาอย่างต่อเนื่อง

วันอังคารที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2562

นครพนมฝนยังคงตกต่อเนื่อง ระดับน้ำในน้ำโขงคงที่อยู่ที่ 7.64 เมตร ต่ำกว่าระดับตลิ่ง 4.32 เมตร


วันที่ 3 กันยายน 2562 จากที่ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนได้ออกประกาศฉบับที่ 5 (92/2562) เรื่องพายุระดับ 3 โซนร้อน คาจิกิ บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน ที่ได้เคลื่อนตัวขึ้นฝั่งบริเวณเมืองเว้ ประเทศเวียดนาม มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งจะส่งผลให้มีร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน มีฝนตกหนักถึงหนักมากกับมีลมแรงในหลายพื้นที่ส่งผลให้จังหวัดนครพนมตลอดทั้งคืน ตั้งแต่เวลา 22.00 น ของวันที่ 2 กันยายน มีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง โดยปริมาณน้ำฝนสะสมที่สถานีอุตุนิยมวิทยานครพนมสามารถวัดได้ มากสุดอยู่ที่อำเภอเมืองนครพนม 66.4 มิลลิเมตร รองลงมาคืออำเภอเรณูนคร 44.2 มิลลิเมตร และอำเภอธาตุพนม 39.6 มิลลิเมตรตามลำดับ ขณะที่ระดับน้ำในแม่น้ำโขงที่ไหลผ่านจังหวัดนครพนมอยู่ที่ 7.64 เมตร ต่ำกว่าระดับตลิ่ง 4.32 เมตร สถานการณ์ยังคงทรงตัวไม่เพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน ขณะที่ระดับน้ำสงครามอยู่ที่ 10.25 เมตร ต่ำกว่าระดับตลิ่ง 4.25 เมตร เพิ่มจากเมื่อวาน 0.3 เมตร

สำหรับสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำ ทั้ง 20 แห่ง ในความรับผิดชอบของโครงการชลประทานนครพนม ประกอบไปด้วย อ่างเก็บน้ำขนาดกลาง 13 แห่ง ขนาดเล็ก 7 แห่ง ซึ่งสามารถสามารถเก็บกักน้ำรวมทั้งสิ้น 56.463 ล้านลูกบาศก์เมตร ปัจจุบันเก็บกักน้ำอยู่ที่ 52.451 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 92.90 ทั้งนี้ในการบริหารจัดการน้ำ โครงการชลประทานนครพนมได้เปิดปานประตูระบายน้ำเต็มที่ทุกแห่ง ยกเว้นที่ประตูระบายน้ำห้วยทวย อำเภอท่าอุเทน ที่เปิดบานเพียง 1.1x4  และประตูระบายน้ำห้วยแคน อำเภอธาตุพนม เปิด 0.30X3 ของปานประตู

วันจันทร์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2562

นายอำเภอบ้านแพงนำเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม ลงพื้นที่มอบสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบภัยพายุโพดุล


วันที่ 2 กันยายน 2562 ที่จังหวัดนครพนม นายวรวิทย์ พิมพนิตย์ นายอำเภอบ้านแพง พร้อมด้วยคณะเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครพนม และสโมสรโรตารี่ ลงพื้นที่มอบสิ่งของและเครื่องอุปโภคบริโภคช่วยผู้ประสบภัยบ้านไผ่ล้อม หมู่ที่ 3,4,6 และ 7 ตำบลไผ่ล้อม อำเภอบ้านแพง หลังอิทธิพลพายุโพดุลทำให้มีฝนตกในพื้นที่อำเภอบ้านแพงอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับในเวลา 2.00 น. ของวันที่ 1 กันยายน 2562 ที่ผ่านมาได้มีมวลน้ำจากเทือกเขาภูลังกาไหลหลากลงมาสมทบทำให้ เกิดเหตุน้ำเอ่อเข้าท่วมบ้านเรือนและพื้นที่การเกษตรของประชาชนที่อยู่ติดเทือกเขาภูลังกา โดยเหตุการณ์ในครั้งนี้ส่งผลให้มีประชาชนได้รับความเดือดร้อน 38 ครัวเรือน และถนนภายในหมู่บ้านขาด 2 เส้น ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและทรัพย์สินเสียหาย เนื่องจากทางอำเภอบ้านแพงได้ประสานหน่วยงานปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงานเกี่ยวข้อง ผู้นำชุมชน ผู้นำท้องถิ่นระดมกำลังเจ้าหน้าที่ ลงพื้นที่ประกาศแจ้งเตือน พร้อมให้การดูแลช่วยเหลือขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง และมีการจัดตั้งศูนย์อำนวยการเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง

และล่าสุดระดับน้ำได้ลดลงเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว เนื่องจากระดับน้ำในแม่น้ำโขงอยู่ที่ระดับประมาณ 8 เมตร ห่างจากจุดวิกฤติล้นตลิ่งประมาณ 5 เมตร ทำให้น้ำที่ระบายจากห้วยลังกาไหลลงสู่แม่น้ำโขงได้เร็ว ทั้งฝนได้หยุดตกในบางช่วงเวลา ทั้งนี้ทางหน่วยงานราชการยังคงมีการประกาศแจ้งเตือนประชาชนในการเฝ้าระวังต่อไปเช่นดังเดิมเนื่องจากกรมอุตุนิยมวิทยาได้มีการประกาศแจ้งเตือนเกี่ยวพายุดีเปรสชัน บริเวณเกาะไหหลำ ประเทศจีน ซึ่งจะส่งผลให้ประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองหลายพื้นที่และฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออกที่จะมีฝนตกหนักถึงหนักมาก จึงขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนที่ตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้  โดยชาวบ้านไผ่ล้อมหลายคนได้พลิกวิกฤตในครั้งนี้ให้เป็นโอกาส ด้วยการออกไปเฝ้าสังเกตสถานการณ์น้ำตามลำห้วยพร้อมกับการยกยอหาปลามาเป็นอาหารรับประทานด้วย